คุยกับ ‘บิ๊ก’ เกียรติชัย: เรื่องวุ่นๆ ของการจัดวงพูดคุยศึกษาประชาธิปไตยที่ มธ.รังสิต หลังมหาลัยไม่ให้ใช้สถานที่-สันติบาลติดตามใกล้ชิด 

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566 เพจเฟซบุ๊ก Thammasat Democratic Study Group -TUDS ได้โพสต์ข้อความถึงปัญหาการจัดกิจกรรมสัมมนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เรื่อง “การล้มลงของเผด็จการ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยและการทำให้ประชาธิปไตยตั้งมั่น” ซึ่งทางกลุ่มได้ถูกยกเลิกห้องที่จองไว้เพื่อทำกิจกรรมก่อนจัดงานเพียง 1 วัน นอกจากนี้ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 7 นาย เข้ามาสังเกตการณ์ในงานสัมมนา 

เพจ Thammasat Democratic Study Group -TUDS เผยแพร่ปัญหาในงานจัดงานสัมมา

‘บิ๊ก’ เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้จัดงาน เปิดเผยว่า กลุ่ม TUDS เป็นกลุ่มที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นวงแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องประชาธิปไตยระหว่างนักศึกษาด้วยกันเอง โดยมุ่งหวังให้เป็นเหมือนสภากาแฟ ซึ่งจัดกิจกรรมในลักษณะแลกเปลี่ยนกัน อ่านหนังสือเกี่ยวกับประชาธิปไตยในหัวข้อต่างๆและมาพูดคุยกัน

“เราอยากให้เป็นกลุ่มนี้เป็นเหมือนชมรม แต่ตอนนี้สมาชิกไม่ได้มีมากถึงขั้นนั้น ก็ยังเป็นคล้ายๆ กลุ่มอิสระ แต่ก็เป็นกลุ่มอิสระที่เขียนโครงการประเภทไม่ใช้เงิน ส่งให้กองกิจการนักศึกษา”

บิ๊กกล่าวว่ากลุ่มเพิ่งจะเปิดตัวและมีการจัดกิจกรรมสัมมนาจริงๆ จังๆ ครั้งแรกในธีม “การล้มลงของเผด็จการ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยและการทำให้ประชาธิปไตยตั้งมั่น” ซึ่งกำหนดจะจัดในวันที่ 6 ก.ย. 2566 ที่ตึก SC3 โดยมีการติดต่อจองห้องสัมมนาไว้แล้ว และมีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. 2566 แต่เพจเพิ่งมีผู้ติดตามเพียง 200 กว่าคน และโพสต์ดังกล่าวมีคนกดไลค์เพียงหลักสิบเท่านั้น

“พอทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ออกไป คนไลค์แค่หลักสิบเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเราถูกจับตามองอยู่แล้ว พอโพสต์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมอะไรผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง ก็จะถูกติดตาม โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลุ่มโดมปฏิวัติช่วยแชร์กิจกรรมด้วยหรือเปล่า พอประชาสัมพันธ์ออกไป ก็มีคนดิ้นกันมากๆ”

โปสเตอร์ที่มีปัญหาซึ่งเคยเผยแพร่อยู่ในเพจ Thammasat Democratic Study Group -TUDS 

เมื่อมีการเผยแพร่โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์รูปแบบหนึ่งออกไปในวันที่ 5 ก.ย. 2566 ซึ่งเป็นภาพปกหนังสือทางวิชาการชื่อ ‘A Soldier King: Monarchy and Military in the Thailand of Rama X’ (เขียนโดย สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี) ที่มีภาพรัชกาลที่ 10 ใส่ชุดทหาร ทางเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ห้องสัมมนาก็ได้ติดต่อมา ขอยกเลิกการอนุญาตให้ใช้ห้องดังกล่าว และแสดงความกังวลถึงการจัดงานสัมมนาในหัวข้อนี้

“ผมทราบมาว่าตำรวจสันติบาลโทรหาผู้รับผิดชอบของกองกิจการนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรม มันดูเป็นเรื่องใหญ่โตมากๆ ทั้งที่กลุ่มของเราเป็นกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเล็กๆ ไม่กี่คนและจัดในพื้นที่มหาวิทยาลัย โพสต์แทบไม่มีคนติดตามด้วยซ้ำ นอกจากโทรมาแล้วเหมือนจะมีการมาคุยที่มหาวิทยาลัยก่อนจะถึงวันจัดกิจกรรมด้วย

“การมีตำรวจพยายามจะมาติดตามดูกิจกรรมก็เรื่องนึง แต่ว่าช่วงก่อนจะถึงวันจัดงานมีคนที่ดูเหมือนจะเป็นไอโอ เพราะโปรไฟล์ไม่มีอะไรเลย ทักมาบอกว่าอยากขอเข้าร่วม และบอกว่าสนใจโปสเตอร์ด้วย ซึ่งมันแปลกมากๆ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปทั้งๆ ที่ดูจะสนใจมาก”

บิ๊กตั้งข้อสังเกตว่าในตอนแรกที่มีการขอใช้ห้องเพื่อจัดงานนี้ ก็ได้รับการอนุญาตให้ใช้ห้องตามปกติและในวันจันทร์ที่ 4 ก.ย. ซึ่งมีการเผยแพร่โปสเตอร์ชุดแรกออกไป ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อมีการเผยแพร่โปสเตอร์แบบที่ 2 ในวันอังคารที่ 5 ก.ย. เขาจึงได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยถึงรูปแบบของงาน รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ของเพจ บิ๊กบอกว่าเขาต้องเข้าไปอธิบายเรื่องกิจกรรมดังกล่าวถึง 3 ชั่วโมง และอธิบายกับเจ้าหน้าที่หลายๆ คน และหลายๆ ครั้ง ก่อนถึงวันจัดงาน 

“ผมต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ 3 คน ระดับหัวหน้าและระดับผู้อำนวยการ ซึ่งผู้ใหญ่สั่งให้มาเจรจา แต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจอะไรในเรื่องการให้จัดหรือไม่ให้จัดกิจกรรม เขาก็โทรมาถามว่างานที่จะจัดนี้มันเป็นมายังไง เขาบอกว่าคนข้างนอกเขาจะมองไม่ดี ผู้บริหารไม่เอาแล้ว”

“มันแย่มากที่ภาพที่เราใช้มันคือหนังสือ ไม่ใช่ว่าเราเอาภาพรัชกาลที่ 10 มาแปะเฉยๆ แต่มันคือหน้าปกหนังสือ ซึ่งภาพในโปสเตอร์ ผมเพียงอยากแตะคร่าวๆ ว่าเรื่องราวในสัปดาห์ถัดๆ ไป จะเป็นเรื่องรัฐพันลึก และวิทยากรเรา มีความถนัดในการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับสถาบันษัตริย์ มันก็เป็นการโปรโมตว่าถ้าเราอ่านหนังสือ ก็จะทำให้แลกเปลี่ยนกับวิทยากรได้สนุกขึ้น”



เพจ Thammasat Democratic Study Group -TUDS เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการติดตามของเจ้าหน้าที่
 

บิ๊กบอกว่าได้พยายามเจรจาว่าจะเปลี่ยนภาพโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ใหม่ โดยเลือกจะลบโปสเตอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเพื่อความสบายใจของมหาวิทยาลัย แต่การเจรจาก็ไม่เป็นผล สรุปแล้วกลุ่ม TUDS ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้อง 

“เขาไม่เอาซักอย่างเลย สุดท้ายก็คุยไปเสียเวลาเปล่าเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้อง ตอนแรกเขาบอกว่าจะให้ย้ายไปจัดอีกห้องหนึ่ง แต่พอผมเจรจากับอีกคน เขาก็บอกว่าห้องที่จะย้ายไปจัดใหม่เนี่ย ต้องไปขอกับรองอธิการฯ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องใหญ่ไปอีก สุดท้ายก็จบที่ผู้ใหญ่หมดเลย 

“ความน่าโกรธอีกอย่างผมว่ามันคืออคติของพนักงานมหาวิทยาลัย ผมแค่อยากได้พื้นที่พูดคุยเล่น ไม่ได้จะเคลื่อนไหวทางการเมืองอะไร อาจจะพยายามทำคลิปสั้นๆ หรือทำให้เรื่องที่แลกเปลี่ยนกันกลายเป็นเนื้อหาสั้นๆ ลงเพจ ระหว่างคุยกันในกลุ่มผมก็บอกว่าเราจะไม่อัดเสียงกันเพื่อความสบายใจ และเราก็จะได้ควบคุมเนื้อหาที่จะออกไปทางสาธารณะได้ด้วย แต่พอผมพยายามอธิบายเขา เขาก็บอกว่ามันน่าสงสัย ไหนว่าจะทำวงปิด แล้วทำไมต้องประชาสัมพันธ์ใหญ่ด้วย”

บิ๊กบอกว่า อคติของเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลกิจการนักศึกษาคือประเด็นสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดงาน

“ผมว่าเขาตีความงานผมไปไกลเกินกว่าเหตุมากๆ อคติมากๆ คิดว่าเราจะไปปฎิวัติกันหรือไง เขาบอกว่าถึงไม่ใช้โปสเตอร์แบบนี้ คนก็ไม่เชื่อแล้วว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องสถาบันฯ เขาไม่ไว้ใจธรรมศาสตร์แล้ว เขาก็พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมประมาณหนึ่งเลยให้ยกเลิกกิจกรรมไปซะ แต่เราก็ไม่ยกเลิก

“เขาทั้งไม่อยากให้คนนอกเข้ามาในวงกิจกรรมเพราะกลัวความวุ่นวาย แต่ขณะเดียวกันก็มาตั้งคำถามกับเราว่า วงแบบนี้คนนอกเข้าฟังได้ไหม สรุปเขาต้องการอะไรกันแน่ก็ไม่รู้”

เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาสังเกตการณ์วันที่ 6 ก.ย. 2566

นอกจากจะมีอุปสรรคกับการขอใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยแล้ว วันที่ 6 ก.ย. ซึ่งมีการจัดงาน ยังมีตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบมากกว่า 7 คน เข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ทำกิจกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เดินเข้ามานั่งฟังการพูดคุย แต่ก็ประจำอยู่ใกล้กับจุดจัดกิจกรรม 

บิ๊กบอกว่าตำรวจกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจที่คุ้นเคยกันในพื้นที่มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ได้เข้ามาร่วมวงกิจกรรม เพียงแต่มาสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ 

ภาพการจัดกิจกรรมใต้ตึก SC3 ของกลุ่ม TUDS เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566

ภาพการจัดกิจกรรมใต้ตึก SC3 ของกลุ่ม TUDS เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566

“สุดท้ายเรานั่งคุยกันอยู่หน้าห้องที่จะใช้จัดงานเดิมใต้ตึกที่จะใช้จัดงาน ซึ่งมีอากาศร้อนและมียุงจำนวนมาก สุดท้ายจึงไม่ได้คุยเนื้อหาที่จริงจังมากนักเพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย วันศุกร์ (7 ก.ย.) ก็คิดว่าจะมีวงคุยกันต่อ” 

X