ศาลแขวงสุรินทร์ปรับ 2 นักกิจกรรม อีกคนละ 30,000 คดี ‘คาร์ม็อบ 1 ส.ค. 64’   เชื่อร่วมจัดกิจกรรม เหตุมีอำนาจควบคุมขบวน – โพสต์ขอรับบริจาค

วันที่ 31 ส.ค. 2566 นิรันดร์ ลวดเงิน และวิสณุพร สมนาม 2 สมาชิกพรรคก้าวไกล จ.สุรินทร์ เดินทางไปยังศาลแขวงสุรินทร์ เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่ทั้งสองถูกฟ้องข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบสุรินทร์ สาปแช่งรัฐบาล ขับไล่ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564

คดีนี้นับเป็นการฟังคำพิพากษาคดีที่สอง โดยย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2566 ศาลแขวงสุรินทร์อ่านคำพิพากษาในคดีคาร์ม็อบสุรินทร์ขับไล่เผด็จการ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 พิพากษาว่า ทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9(2) ลงโทษปรับคนละ 30,000 บาท แต่ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงปรับ 20,000 บาท

ต่อสู้คดีในคดีนี้ทั้งนิรันดร์และวิสณุพรยืนยันเช่นเดียวกันว่า ไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรมตามที่โจทก์ฟ้อง ทั้งสองเป็นเพียงผู้เข้าร่วม และการเข้าร่วมกิจกรรมถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

>>>จับตา! นัดพิพากษาคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คาร์ม็อบสุรินทร์ ‘1 ส.ค. 64’ หลังคดีก่อนหน้าศาลพิพากษาปรับ 2 จำเลย คนละ 30,000

บรรยากาศในช่วงเช้าที่ศาลแขวงสุรินทร์ นิรันดร์และวิสณุพรต่างเดินทางมาถึงก่อนเวลานัด 09.00 น. ด้วยคาดหวังว่าวันนี้จะได้ผลคำพิพากษาที่ดีกว่าคดีที่แล้ว หลังจากรอที่ห้องพิจารณาคดีจนกระทั่งเวลา 10.30 น. ปิยฤดี สืบเพ็ชร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลแขวงสุรินทร์ ออกพิจารณาคดี ก่อนอ่านคำพิพากษาสรุปใจความได้ว่า

ทั้ง พ.ต.ท.สกาว คำไกร และ พ.ต.ท.วิโรจน์ หมั่นดี เจ้าพนักงานตำรวจเป็นประจักษ์พยานร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุการชุมนุมเบิกความยืนยันถึงเหตุการณ์ ได้ความจากพยานโจทก์ทั้งสองยืนยันตรงกันว่า จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่เสมือนพิธีกรและเป็นผู้ปราศรัยอยู่ท้ายรถยนต์กระบะติดตั้งเครื่องขยายเสียง ทั้งบอกเส้นทางเคลื่อนขบวนรถ และร่วมอยู่ในขบวนรถตลอดกิจกรรม ตั้งแต่กิจกรรมการเผาหุ่นจำลองจนยุติการชุมนุม จำเลยที่ 1 อยู่ในฐานะผู้นำในการทำกิจกรรม มีส่วนสำคัญเนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจควบคุมการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่ต้น จนกระทั่งเป็นผู้ประกาศยุติการชุมนุม 

ทั้งนิยามคำว่า “ผู้จัด” ย่อมหมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่บริหารและควบคุมดูแลกิจการใด ๆ จึงไม่ได้มีความหมายจำเพาะถึงขนาดว่าจะต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมทั้งหมดขึ้นเอง การจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมากก็เป็นปกติที่อาจมีผู้ร่วมจัดการในส่วนต่างๆ แยกจากกัน ตามความถนัดและความสามารถของตนเอง 

สำหรับจำเลยที่ 2 ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจทราบเกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้เนื่องจากมีการแชร์โพสต์ให้ไปร่วมกิจกรรมในเฟซบุ๊กของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็ยอมรับว่าเป็นเฟซบุ๊กของตนจริง และโพสต์ข้อความทำนองขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือ พร้อมโพสต์หน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อความทั้งหมดถูกโพสต์ก่อนวันที่จัดชุมนุมเพียงไม่กี่วัน มีเนื้อหาแสดงชัดเจนว่าเป็นการนำเงินที่ได้ไปใช้จัดงาน แม้จะไม่ได้ระบุชัดถึงขนาดว่า สำหรับใช้ในการจัดกิจกรรมสุรินทร์คาร์ม็อบในวันที่ 1 ส.ค. 2564 

แต่เมื่อพิจารณาถึงวันที่โพสต์ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนวันเกิดเหตุไม่กี่วัน มีเนื้อหาสอดคล้องกันว่า มีการทำสติ๊กเกอร์สำหรับแปะรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงจะนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นค่าน้ำมันรถปราศรัย ล้วนเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม และในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ก็ได้นำสติ๊กเกอร์มาแจกให้แก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมจริง จึงเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเป็นผู้จัดให้เกิดการชุมนุมขึ้น

ส่วนที่จำเลยทั้งสองนำสืบหักล้างว่า เป็นเพียงผู้เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม ไม่ได้เป็นผู้จัดให้มีการชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้จัดหาหุ่นจำลองและรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียง ไม่ได้เป็นผู้กำหนดเส้นทางการเคลื่อนขบวนรถ หรือประกาศแจ้งเส้นทางเดินรถในวันเกิดเหตุ เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ 

ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า เพิ่งได้รับเชิญให้ไปพูดจึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่า เป็นเพียงตัวแทนกลุ่มที่นำหมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคารมาโพสต์เพราะสะดวกในการเบิกถอนนั้น ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนในการร่วมจัดกิจกรรม 

พยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองนำมาสืบจึงไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ จึงย่อมรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลเกินกว่า 100 คน และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า ช่วงเกิดเหตุมีการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง ทั้งเป็นโรคติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตผู้ได้รับเชื้อ จนเป็นเหตุผลในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร 

ทั้งได้ความจาก สุวรรณี สิริเศรษฐภักดี หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เบิกความว่า ขณะนั้นมีการแพร่ระบาดโควิด-19 มีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น เนื่องจากจังหวัดสุรินทร์มีมาตรการนำผู้ป่วยติดเชื้อกลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนา จังหวัดสุรินทร์มีกำหนดห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่า 100 คน เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในช่วงดังกล่าวไม่มีกิจกรรมใดได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อให้จัดเลย 

เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ขออนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9(2) ลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคนละ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยทั้งสองในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยทั้งสองในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.506/2566 ของศาลนี้ เนื่องจากคดีนี้และคดีดังกล่าวศาลลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเพียงอย่างเดียว จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ 

หลังฟังคำพิพากษา ศาลกล่าวว่า จำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ และหากมีเงินชำระค่าปรับไม่เพียงพอก็สามารถให้ทนายความยื่นคำร้องเลื่อนการชำระค่าปรับออกไปได้เช่นกัน ก่อนที่ทั้งนิรันดร์และวิสณุพรจะถูกคุมตัวไปที่ห้องควบคุมตัวของศาล โดยวันนี้ทั้งคู่เตรียมเงินสดมาชำระค่าปรับคนละ 2,500 บาท ก่อนทนายทำเรื่องชำระค่าปรับบางส่วน และยื่นคำร้องขอเลื่อนการชำระค่าปรับในส่วนที่เหลือออกไป 30 วัน โดยศาลอนุญาตให้เลื่อนชำระค่าปรับออกไปถึงวันที่ 2 ต.ค. 2566 นิรันดร์และวิสณุพรจึงได้รับการปล่อยตัวในเวลา 11.30 น. 

2 นักกิจกรรมทางการเมืองตัดสินใจจะต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เช่นเดียวกับคดีจากเหตุคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 วิสณุพรกล่าวสั้นๆ ถึงคำพิพากษาว่า โทษปรับที่สูงเป็นเหมือนการปรามคนที่อยากออกมาแสดงออกทางการเมืองว่า มันมีค่าใช้จ่ายสูงในการต่อสู้คดีชุมนุมทางการเมือง แต่ทางรัฐก็อย่าหลงลืมไปว่า ยังมีผู้คนอีกมากมายที่มองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหา และต้องการแสดงจุดยืนเช่นเดียวกับพวกตน

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ศาลแขวงสุรินทร์ปรับหนัก 2 นักกิจกรรม คดี ‘คาร์ม็อบ 15 ส.ค. 64’ คนละ 30,000 เชื่อจำเลยคุมขบวนรถ-โพสต์ชวน ถือเป็นผู้จัด ไม่ต้องคำนึงว่าเสี่ยงแพร่โควิดเพียงใด

ยังฟ้องอีก! 2 คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คาร์ม็อบสุรินทร์ จำเลยคาดถูกสกัดทางการเมือง ยืนยันร่วมชุมนุมวิจารณ์รัฐบาลไม่ใช่เรื่องผิด  

X