บันทึกเยี่ยม ‘เก็ท’ โมกหลวง : “ผู้พิพากษาทั้งหลายไม่รู้สึกหน่อยหรือว่านี่คือเรื่องผิดปกติ”

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในคดีมาตรา 112 จำคุก 3 ปี 6 เดือน จากกรณีที่ถูกฟ้องจากคำปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565

.

วันนี้เก็ทบอกว่าอาการตาพร่ามัวของตัวเองดีขึ้นแล้ว หลังจากมีคนแวะเวียนมาเยี่ยมก็มีกำลังใจขึ้น ได้พูดคุยได้ระบายบ้างก็ทำให้กลับมากินข้าวได้แล้ว  “คนเราถ้ามันกินข้าวได้ นอนหลับได้ Mental Health มันก็ดีขึ้นด้วย” 

เรื่องเล่าการเมืองผ่านลูกกรง

จากครั้งแรกที่ทนายความได้เข้าเยี่ยม แล้วมีโอกาสพูดเรื่องรูปถ่ายของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลวันแรกแล้วมีการพบปะกับ ประยุทธ์ จันโอชา เก็ทยังคงรอฟังเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองใหม่ๆ อยู่เสมอจากผู้คนที่เข้ามาเยี่ยม 

วันนี้ทนายได้เล่าให้เขาฟังว่าว่าโผของคณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลเศรษฐาน่าจะชัดเจนแล้วว่ามีใครอยู่ในนั้นบ้าง “ตอนแรกคิดว่าต่อให้ก้าวไกล หรือเพื่อไทยขึ้นเป็นรัฐบาลพรรคเดียว สถานการณ์การทำกิจกรรมคงจะสบายขึ้น แต่พอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เลย” เก็ทแสดงความเห็นหลังจากที่รู้ตัวรัฐมนตรีคร่าวๆ ในโผดังกล่าว

เขายังพูดต่อไปถึงเรื่อการทำงานของประธานสภาและกลุ่มนักการเมืองที่ใช้วาทกรรม ‘สลายขั้วทางการเมือง’ ว่า “ในสถานการณ์ที่มันบิดเบี้ยวแบบนี้ มันไม่มีตรงกลาง” การที่เพื่อไทยไปจับมือกับลุง เก็ทเปรียบเปรยว่าเหมือนคนเคยตีกันแล้วมากอดกัน แบบศัตรูที่มาเป็นมิตร มันดีกว่ามิตรที่กลายเป็นศัตรูไปเสียแล้ว

เรื่องเล่าจากชายชาวเยอรมัน

นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว วันนี้เก็ทเล่าว่าตัวเขาได้พบกับชายชาวเยอรมันที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพแห่งนี้ด้วย โดยเก็ทบอกว่าเหมือนชายคนนี้น่าจะเป็นกลุ่มมาเฟียที่เยอรมันมาก่อน เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรื่องราวการเมืองกับชายคนดังกล่าวแล้วพบว่าชาวเยอรมันเองก็รู้เรื่องสถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทยไม่น้อย “เขาก็ให้กำลังใจ บอกว่าสิ่งที่เราต่อสู้คงจะต้องเห็นผลสักวันหนึ่ง” 

ชายชาวเยอรมันคนนั้น เล่าเรื่องคุกของเยอรมันให้เก็ทฟัง เขาบอกว่าคุกที่นั่นโหดกว่านี้มาก สิ่งที่แตกต่างกับที่นี่คงเป็นเรื่องบรรยากาศ เขามองว่าผู้คุมที่นี่มีความเฟรนลี่มากกว่า และผู้ต้องขังก็ดูพยายามจะปรับตัวให้อยู่กันให้ได้ 

“เขาบอกให้มองคุกเหมือนชายหาด แบบดูสิ นอนพื้นราบไม่ต่างจากชายหาดเลย” อาจเป็นเพราะเห็นว่าเก็ทมีความเครียดสะสม การพูดคุยของชายคนนั้นก็เพียงคงอยากจะปลอบประโลมให้ความเครียดลดลงจากการใช้ชีวิตในคุกของเก็ทไปได้บ้าง 

เก็ทสรุปให้ชายชาวเยอรมันคนนั้นฟังว่าจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องดี อาจเป็นเพราะโครงสร้างทางสังคมที่แย่อยู่แล้ว มันเลยบีบบังคับให้คนต้องปรับตัวตามสถานะมากกว่า 

วันนี้อ่านพุทธทาสภิกขุ

เพียงแค่สองวันหลังจากทนายเข้าเยี่ยมครั้งล่าสุดเมื่อ 28 ส.ค. 2566 เก็ทบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนมาอ่านหนังสือ
‘การเมืองคืออะไร’ ของพุทธทาสภิกขุ 

“มันเป็นมุมมองของพุทธทาสต่อการเมือง เนื้อหาประมาณว่าใช้ธรรมะกลืนเผด็จการ และใช้ธรรมะนำประชาธิปไตย เน้นพัฒนาเชิงทัศนคติมวลรวม ก็เป็นมุมมองที่แปลกใหม่ดี เดี๋ยวจะลองทำความเข้าใจดูว่าคนเห็นต่างแบบนี้เป็นยังไง”

ถึงผู้พิพากษาทั้งหลาย

หลังอัปเดตสถานการณ์การอดอาหารและน้ำของวารุณีให้ฟัง โดยขณะนี้เธอต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะได้ประกันตัวออกไปเมื่อไหร่ เก็ทก็ได้กล่าวถึงเรื่องสิทธิประกันตัวอีกครั้ง “จริงๆ เรื่องนี้มันก็สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานเลยนะ ขนาดนี้แล้ว ศาลทำได้ยังไง ถ้าเป็นลูก เป็นคนใกล้ตัวเขา โดนแบบนี้เขาจะรับได้ไหม”

“คนเป็นผู้พิพากษา ไม่เคยติดคุก ไม่เคยเจอสภาพในคุก จะเข้าใจคนติดคุกได้ยังไง ระบบกฎหมายไทยเราเป็นแบบนี้”

“ผู้พิพากษาทั้งหลายไม่รู้สึกหน่อยเหรอว่านี่มันผิดปกติ หรืออัยการบางคนดูอยากจะชนะคดีมากๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่มันคดีการเมือง ไปศาลแต่ละครั้ง ผมมองศาล มองอัยการ ก็ได้แต่รู้สึกว่าเขาวางเฉยได้อย่างไร”

สุดท้ายเก็ทได้ฝากแสดงความเป็นห่วงถึงผู้ที่ประท้วงอดอาหารอย่าง ‘วารุณี’ และ ‘เวหา’ เขาขอเรียกร้องให้สังคมช่วยกันตระหนักคิดสักครั้ง และหยุดตั้งคำถามถึงเรื่องอดอาหารว่ายังไงก็ไม่มีใครตาย เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย

X