26 ก.ค. 2566 ศาลจังหวัดอุดรธานีนัดฟังคำพิพากษาในคดี “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ซึ่งประชาชน 7 ราย จากหลายจังหวัด ถูกฟ้องจากการแชร์โพสต์เชิญชวนตรวจสอบการทุจริตของเพจ “ข้าราชการปลดแอก – Free Thai Civil Servant” เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2564 และมีการสืบพยานไปเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา
คดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดอุดรฯ เป็นโจทก์ฟ้อง เค้ก (นามสมมติ), ปลั๊ก (นามสมมติ), ป๊อป (นามสมมติ), สมภพ จิตต์สุทธิผล, สุวรรณ จ้อยกลั่น, ปาริชาติ ผลเพิ่ม และไพโรจน์ ภัทรนรากุล ระบุว่า การที่จำเลยแชร์โพสต์ดังกล่าวโดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าผู้เสียหายทั้งสี่เป็นข้าราชการทุจริต อันเป็นการใส่ความ โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้เสียหายทั้งสี่ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยผู้เสียหาย 4 ราย ที่มีชื่อปรากฏในเอกสารที่แนบมาในโพสต์ว่าถูกตั้งคณะกรรมการสอบ กรณีมีหนังสือร้องเรียนการทุจริตเบี้ยเลี้ยงและงบประมาณซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับการป้องกันโควิดในสำนักงานจังหวัดอุดรฯ ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ขณะที่จำเลยทั้งเจ็ดยืนยันต่อสู้คดีมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีว่า การแชร์โพสต์ตามที่ถูกกล่าวหาเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยสุจริต เพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ และยังเป็นการทำหน้าที่ช่วยสอดส่องป้องกันการทุจริต ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทบุคคลใด เนื่องจากข้อความและข้อมูลที่แชร์ไม่ได้ยืนยันว่ามีการทุจริต
>>อ่านข้อมูลคดีและบันทึกการสืบพยาน ลุ้น! คำพิพากษา คดีแชร์โพสต์ชวนตรวจสอบทุจริต เข้าข่ายหมิ่นประมาท 4 ขรก.ผู้ใหญ่ในอุดรฯ หรือไม่ หลัง 7 ประชาชนยืนยัน แสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อประโยชน์สาธารณะ
.
เวลา 09.30 น. เค้ก, ปลั๊ก, ป๊อป, สมภพ, สุวรรณ, ปาริชาติ และไพโรจน์ เดินทางมาพร้อมกันที่ศาล พร้อมด้วยทนายเครือข่ายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ก่อนเข้าไปที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ไม่นาน ตำรวจศาลก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยกุญแจมือ 7 อัน เข้าไปนั่งที่ม้านั่งข้างจำเลย
ราว 10.10 น. ศศินทร์ เตียงพานิช ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ออกนั่งพิจารณาและอ่านคำพิพากษา มีใจความโดยสรุปว่า
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 7 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
เห็นว่า การที่เพจข้าราชการปลดแอกลงข้อความที่มีใจความว่า “…อาจมีการทุจริตเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงและงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับ Covid เช่น วัสดุครุภัณฑ์ที่ใช้ในสํานักงาน การจัดซื้อจัดจ้างในการป้องกันและยับยั้งโรคระบาดที่มีราคาสูงกว่าความเป็นจริง ของสํานักงานจังหวัดอุดรธานี จากการติดตามล่าสุด มหาดไทยพบว่ามีมูลความจริงและได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว…”
พร้อมลงภาพหนังสือราชการที่ปรากฏชื่อและตำแหน่งของโจทก์ร่วมทั้งสี่ เปิดเป็นสาธารณะ สื่อได้ว่ามีการร้องเรียนให้ตรวจสอบโจทก์ร่วมทั้งสี่ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ในขณะที่มีการลงข้อความและเอกสารดังกล่าว ยังไม่ปรากฏผลการตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดซึ่งทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก และขณะเกิดเหตุสถานการณ์ยังคงวิกฤตอยู่ ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่สนใจในหมู่ประชาชน
ดังนั้น การที่เพจข้าราชการปลดแอกที่มีคนติดตามจำนวนมาก และมีการโพสต์ข่าวสารในลักษณะมุ่งตรวจสอบการทุจริตในหน่วยราชการ มีการโพสต์ภาพถ่ายที่เป็นเอกสารราชการที่น่าเชื่อถือ เชื่อว่า จำเลยทั้งเจ็ดย่อมสนใจเรื่องราวดังกล่าว
ทั้งการแชร์โพสต์ไปของจำเลยทั้งเจ็ดก็มีเจตนาเพื่อติดตามให้มีการตรวจสอบ รวมถึงกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อโจทก์ร่วมทั้งสี่ โดยเฉพาะจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ประสบเหตุการณ์ลักษณะเช่นเดียวกันด้วยตนเอง
อีกทั้งเมื่อจำเลยทั้งเจ็ดทราบผลการตรวจสอบของคณะกรรมการว่า โจทก์ร่วมทั้งสี่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวก็ลบโพสต์จากเฟซบุ๊กของตนเอง
จึงฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) โดยเฉพาะการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นไปเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จำเลยทั้งเจ็ดจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328
พิพากษายกฟ้อง.
.
หลังทราบผลคำพิพากษา จำเลยทั้งเจ็ดรายมีท่าทางดีใจพร้อมทั้งโล่งใจ จากนั้น ผู้พิพากษาองค์คณะแจ้งว่า โจทก์และโจทก์ร่วมมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ถ้าหากโจทก์หรือโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ จะมีหมายส่งไปถึงจำเลยที่บ้าน จำเลยรับทราบก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับออกจากศาล
.