“ยิงกันแล้ว ยังมาแจ้งข้อหากันอีก”: พายุและเพื่อน ถูกตร.แจ้งข้อหาคดีชุมนุม #ราษฎรหยุดAPEC2022 เพิ่มอีก

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ที่ สน.สำราญราษฎร์ นักกิจกรรมทางการเมือง 4 ราย ได้แก่ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล, พายุ บุญโสภณ, ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์, กรชนก แสนประเสริฐ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในคดีจากการเข้าร่วมชุมนุม #ราษฎรหยุดAPEC2022 เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 โดยนอกจากภัสราวลีแล้ว นักกิจกรรมอีกสามรายต้องเดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่นเพื่อต่อสู้คดี

สำหรับการชุมนุมดังกล่าว ผู้ชุมนุมจากหลากหลายกลุ่มองค์กรในนาม “ราษฎรหยุดAPEC2022” ได้นัดหมายเคลื่อนขบวนจากลานคนเมืองไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการประชุมเอเปค หลังผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปถึงบริเวณต้นถนนดินสอ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังและรถยนต์ปิดกั้นเส้นทาง ก่อนใช้กำลังเข้าจับกุมผู้ชุมนุม 2 ระลอก มีผู้ชุมนุมถูกจับกุมรวมทั้งสิ้น 26 ราย โดยมีผู้ถูกจับกุมที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 13 ราย และยังมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บอีกหลายราย โดยบางรายอาการสาหัสและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลทันที

ต่อมามีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ถูกจับกุม 25 ราย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215, มาตรา 216 และข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ พ.ศ. 2558 ยกเว้นพายุ ที่ถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ตาข้างขวา ทำให้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ต่อมาตำรวจให้ประกันตัวระหว่างสอบสวนทั้ง 25 คน และได้ถูกสั่งฟ้องคดีต่อศาลแขวงดุสิตไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 คดีอยู่ระหว่างรอการนัดสืบพยานที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2566

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ตำรวจได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 5 คน ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยคดีมี พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์ กับพวก เป็นผู้กล่าวหา โดยนอกจากนักกิจกรรมทั้ง 4 รายข้างต้น ยังมีพระสงฆ์ที่ถูกออกหมายเรียกด้วย แต่ยังไม่สามารถติดต่อประสานงานให้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ 

ร.ต.อ.เลิศชัย ผือลองชัย รองสารวัตรสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนักกิจกรรมทั้งสี่คน โดยระบุเหตุการณ์ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 อ้างว่ามิใช่การชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ มีการก่อความวุ่นวายและมีความรุนแรงเกิดขึ้น มีการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บ 14 นาย มีการการทำลายทรัพย์สินของราชการ ทำให้รถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำมาเป็นแนวกั้นระหว่างผู้ชุมนุม ได้รับความเสียหาย 4 คัน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้กระทำ 25 คน และต่อมาผู้กล่าวหาได้สืบสวนทราบตัวผู้กระทำผิดเพิ่มเติม

บันทึกข้อกล่าวหาระบุว่า ภัสราวลีได้ร่วมเดินขบวน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และปราศรัยบนรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง พายุได้ร่วมควบคุมสั่งการการ์ดผู้ชุมนุมและการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุม ส่วนนักกิจกรรมอีกสองราย ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับกรณีนำพริกใส่กระทะที่ตั้งบนเตาอั้งโล่ แล้วนำพัดลมเข้ามาเป่าควันไฟไปยังบริเวณแถวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ต่อทั้งสี่ ได้แก่

  1. ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215)
  2. ไม่เลิกมั่วสุมตามที่เจ้าพนักงานสั่ง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216)  
  3. ร่วมกันฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ รวมทั้งไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะประกาศกำหนด (พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ) 

นักกิจกรรมทั้งสี่ได้ให้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป ขณะที่พนักงานสอบสวนได้นัดหมายผู้ต้องหามาส่งสำนวนให้กับอัยการในวันที่ 5 เม.ย. 2566

.

หลังการเข้ารับทราบข้อหา ภัสราวลีได้ให้สัมภาษณ์กับเพจ Friends Talk ระบุยืนยันว่าการชุมนุมวันกล่าว สำหรับผู้ชุมนุม เป็นการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมในฐานะประชาชน แต่ตำรวจกลับมาดำเนินคดีในลักษณะเดียวกับข้อกล่าวหาของผู้ถูกจับกุมอีก 25 คน รวมไปถึงตัวพายุ ที่นับเป็นผู้ที่ถูกทำร้ายในระหว่างการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ แต่กลับถูกแจ้งข้อหาว่าร่วมในการใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ ส่วนของตัวภัสราวลีเอง ก็คิดว่าตำรวจได้ใช้กฎหมายแบบนี้เป็นเครื่องมือในการปิดปาก ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ เช่นเดียวกับที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านพายุ ที่สูญเสียดวงตาขวาไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ยืนยันว่าตนเข้าร่วมใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมในวันดังกล่าว เพื่อพยายามสื่อสารให้สังคมเห็นว่าการประชุมเอเปคตอนนั้น มีนโยบายที่สอดไส้เอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนใหญ่อย่างไรบ้าง ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ โดยตอนนี้ดวงตาข้างขวาของตนก็ไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว แต่มีการใส่ลูกตาเทียม แม้ตอนนี้อาการดีขึ้น ไม่มีอาการปวดหรือแพ้ติดเชื้อ แต่ยังต้องรอดูว่าประสาทสัมผัสต่างๆ จะสามารถรับรู้ได้มากขึ้นกว่านี้หรือไม่ และสามารถใส่ลูกตาเทียมให้เหมือนปกติกว่านี้ได้หรือไม่ 

“หลังจากทราบว่าโดนคดีอีก ก็คิดเลยว่า โอโห้ ยิงกันแล้ว ยังมาแจ้งข้อหากันอีกเหรอ” พายุกล่าว

พายุยังระบุว่า อยากสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ว่า หากตามสามัญสำนึก ตามความเป็นมนุษย์แล้ว สิ่งที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อประชาชนในวันนั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า และสุดท้ายมาดำเนินคดีเรากลับแบบนี้อีก

.

ย้อนอ่านรายงานการจับกุม #ราษฎรหยุดAPEC2022

คฝ.กวาดจับ #ราษฎรหยุดAPEC2022 รวม 26 ราย แจ้ง 3 ข้อหา ก่อนได้ประกัน ใช้เงิน 5 แสน พบผู้ถูกจับกุมบาดเจ็บ 13 ราย ด้าน “พายุ ดาวดิน” ยังต้องเฝ้าระวังอาการ

.

X