ศาลแขวงดุสิตพิพากษาปรับ 34,000 บาท  “ป้าเป้า” คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ – เปลือยกายประท้วง คฝ.แยกนางเลิ้ง ชี้การเปลือยกายไม่ส่งเสริมการใช้สิทธิเสรีภาพ

วันที่ 13 มี.ค. 2566 เวลา 10.00 น. ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “ป้าเป้า” วรวรรณ แซ่อั้ง แม่ค้าวัย 68 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกระทำการขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 เนื่องมาจากการเปลื้องผ้าต่อหน้าแนวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ในระหว่างการชุมนุม #ม็อบ28กันยา2564  หรือม็อบหยุดราชวงศ์ประยุทธ์ บริเวณแยกนางเลิ้ง เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มทะลุฟ้า

ทั้งนี้ ป้าเป้าได้เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสาเหตุการแสดงออกดังกล่าวว่า สะท้อนถึงการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความถูกต้องของประชาชน ซึ่งไม่มีอะไรจะสู้แล้ว มีแต่ตัวเปล่าๆ ไม่ได้มีอาวุธใดจะสู้กับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ซึ่งเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน

อีกทั้งในการต่อสู้คดีในชั้นศาล ป้าเป้ายืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้จัดการชุมนุมดังกล่าว เพียงเข้าไปขายของในที่ชุมนุม ทั้งเข้าร่วมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การชุมนุมยังเกิดในที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ส่วนการเปลือยกายก็เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อพยายามไม่ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้ามาจับกุมผู้ชุมนุม ไม่ใช่การกระทำอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล 

คดีนี้ ป้าเป้าถูกออกหมายเรียกภายหลัง และแยกดำเนินคดีต่างหากจากผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ โดยในข้อหาตามมาตรา 388 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท แต่ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท

ย้อนอ่านบันทึกสืบพยาน >>>  “ป้าเป้า” ยันเปลือยกายเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ป้องกัน คฝ. ใช้กำลังจับกุม-สลายชุมนุม จับตานัดพิพากษา 13 มี.ค. นี้ |

เวลา 09.00 น. ป้าเป้า ในฐานะจำเลย ได้เดินทางมาพร้อมทนายความที่ศาลก่อนเวลา โดยในวันนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่งได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจป้าเป้าด้วย

ต่อมาเวลา 10.20 น. ศาลออกพิจารณาคดี โดยเรียกให้จำเลยยืนขึ้นเพื่อแสดงตัว ก่อนจะชี้แจงกับจำเลยว่าในวันนี้ศาลเป็นเพียงผู้อ่านคำพิพากษา จึงจะอ่านคำพิพากษาโดยสรุปใจความสำคัญให้ฟัง เนื่องจากศาลเจ้าของสำนวนเขียนไว้เป็นจำนวนหลายหน้า 

จากนั้นจึงเริ่มอ่านคำพิพากษาระบุว่า จำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกระทำการขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 

พิเคราะห์แล้ว ในข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  พบว่า การชุมนุมในวันที่ 28 ก.ย. 2564 มีลักษณะกีดขวางการจราจร รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมกว่า 150 คน ยืนกันหนาแน่นบนท้องถนน และมีการมั่วสุมกันในสถานที่แออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ง่าย ถึงแม้ในที่เกิดเหตุจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง แต่การที่ผู้ชุมนุมสามารถเดินไปมาบนท้องถนนได้อย่างอิสระ จนทำให้ไม่มีการเว้นระยะห่างกัน 

ส่วนข้อหา กระทำการขายหน้าต่อธารกำนัล ศาลเห็นว่าการนำสืบของพยานโจทก์มีความมั่นคง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ไม่ได้ส่งเสริมทางการแสดงออกของสิทธิและเสรีภาพในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่อาจแก้ปัญหาใดๆ ตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้ แต่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมทางเพศ มิใช่แบบอย่างที่ดีต่อสังคม 

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษปรับ 30,000 บาท และฐานเปลือยกายต่อหน้าธารกำนัล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 388 ลงโทษปรับ 4,000 บาท รวมปรับเป็นจำนวนเงิน 34,000 บาท 

สำหรับการชุมนุม #ม็อบ28กันยา64 ‘หยุดราชวงศ์ประยุทธ์  กลุ่มทะลุฟ้าได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อหยุดความเสียหายของประเทศ’ โดยรวมตัวกันที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป มีจุดหมายปลายทางที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนถึงเวลานัดหมายชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้าได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ทะลุฟ้า – Thalufah” เพื่อชี้แจงเหตุผล 2 ข้อว่า ทำไมทางกลุ่มจึงพยายามเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ราชการที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย และเป็นสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีทำงานอยู่ รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีอื่นๆ

ดังนั้นการจะไปทำเนียบรัฐบาลจึงเป็นการบุกเข้าหาตัวนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลออกมาตอบรับข้อเรียกร้องของพวกเราอย่างทันทีไม่ต้องผ่านผู้อื่น 

ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่อยู่ของ 3 ป. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่ง 3 คนนี้เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งกลุ่มทะลุฟ้าคิดว่า 3 คนนี้เป็นรากฐานอำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งประวิตรเคยเอ่ยปากพูดเองแล้วว่าสามคนนี้เป็นบุคคลที่รักกันประหนึ่งพี่น้อง ดังนั้นการจะตีฐานอำนาจของรัฐบาลชุดนี้จึงต้องไปตีที่ 3 คนนี้ด้วยเช่นกัน และทำเนียบรัฐบาลก็คือคำตอบนั้น พร้อมกันนี้ กลุ่มทะลุฟ้าได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นผู้ออกมาเจรจาโดยตรงกับประชาชน

X