เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปเยี่ยม “ใบปอ” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักกิจกรรมกลุ่ม “ทะลุวัง” ที่ทัณฑสถานหญิงกลางเป็นครั้งแรก หลังจากถูกเพิกถอนประกันในคดีมาตรา 112 กรณีถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว จากการเข้าร่วมกิจกรรมประท้วงระหว่างการประชุม APEC 2022 เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
หลังถูกเพิกถอนประกันในคดีดังกล่าว ทำให้ใบปอถูกส่งตัวไปคุมขังเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิตในทันที ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันเปิดเรียนในภาคการศึกษาที่ 2 ของมหาวิทยาลัยที่ใบปอเรียนอยู่อีกด้วย
ใบปอเผยถูกส่งขังทันที ด้วยรถ “รอบพิเศษ” หลังศาลสั่งถอนประกัน
ใบปอปรากฏตัวในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาลอ่อน สวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้มทับ สวมหน้ากากอนามัย และยังใส่เฟซชิลด์อีกชั้นหนึ่งด้วย เส้นผมยังคงเป็นสีแดงประกายและยาวประกลางหลังเช่นเดิม แววตาของเธอก็ส่งประกายความเข้มแข็งมาแต่ไกล
เมื่อนั่งลงใบปอเริ่มเล่าว่า วันแรกที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พูดกับเธอว่า
“รู้มั้ยว่าเราได้มา ‘รอบพิเศษ’ เลยนะ ศาลโทรมาแต่เช้าว่าใบปอจะเข้ามาวันนี้”
โดยปกติผู้ที่ถูกดำเนินคดีและถูกศาลสั่งให้คุมขัง ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลที่ศาลมีคำพิพากษา ถูกฝากขัง หรือไม่ได้รับการประกันตัว ทุกคนจะถูกพาตัวออกจากห้องพิจารณาคดีและไปคุมขังรวมกันในห้องขังใต้ถุนศาลก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นในเวลาประมาณ 16.00 น. ทุกคนจึงจะถูกทยอยพาตัวขึ้นรถของเรือนจำเพื่อเดินทางไปเรือนจำปลายทางแต่ละแห่งโดยพร้อมกัน เพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น ทว่ากรณีของใบปอและเก็ทนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกัน เจ้าหน้าที่กลับเร่งรีบพาตัวทั้งสองขึ้นรถเพื่อไปเรือนจำปลายทางแทบจะทันที ด้วยรถเที่ยวพิเศษในเวลาประมาณ 12.00 น.
ใบปอเล่าอีกว่า เมื่อเดินทางถึงเรือนจำเธอปฏิเสธที่จะให้ตรวจร่างกายและตรวจหาสารเสพติด เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอดตั้งแต่ถูกคุมขังครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกไว้ ในช่วง 5 วันแรกนี้เธอจะถูกคุมขังอยู่ที่ “เรือนทับทิม” ซึ่งเป็นแดนแรกรับสำหรับกักตัวเพื่อเฝ้าระวังการติดโรคโควิด
ห้องขังฝุ่นเกรอะกับคืนหนาว
ห้องขังที่ใบปออยู่นั้นเป็นห้องแรกของเรือนนอนเลย เธอเดาว่าน่าจะเป็นห้องที่ไม่ได้เปิดใช้งานมานานแล้ว เพราะในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น ตอนแรกที่มาถึงเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลยแม้แต่น้อย
ในห้องนั้น ใบปออยู่กับเพื่อนร่วมห้องอีก 2 คน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับ “ผักบุ้ง” นักกิจกรรมทะลุวังคนสนิทของใบปอ แต่ไม่นานมานี้เพื่อนร่วมห้องหนึ่งในสองคนได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว ใบปอบอกว่าเพื่อนร่วมห้องน่ารักและเป็นมิตรดี ทั้งนี้ ในห้องขังยังคงมี “กล้องวงจรปิด” จับตาดูทุกการกระทำในห้องขังตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าจะเป็นเวลาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำก็ตามแต่
หากครบ 5 วัน ตามกำหนดการกักตัวแล้วพบว่าร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีการติดโรคใดๆ ในวันศุกร์ที่ 13 ม.ค. นี้ ใบปอจะถูกย้ายไปคุมขังยังแดนอื่นของเรือนจำต่อไป เธอเล่าอีกว่า สองวันแรกในเรือนจำ เธอใช้เวลาไปกับการนอนเสียส่วนใหญ่
“หนูนอนเยอะมาก วันแรกเข้ามาช่วงบ่ายๆ หนูก็หลับตั้งแต่ตอนนั้นถึงเช้าของอีกวันเลย เมื่อวานก็นอนอีก นอนเยอะมากๆ ฮ่าๆๆ อ้อ! ได้รับข้าวที่ทุกคนส่งมาให้แล้วนะ แต่ตอนนี้ยังกินไม่ค่อยลง”
“วันนี้หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้างในมันหนาวมากเลย ไม่รู้ทำไม…”
ชีวิตปีแรกในมหาลัยฯ ที่จำต้องใช้เวลาใน “คุก” มากกว่า “ห้องเลคเชอร์”
นี่เป็นการถูกคุมขังครั้งที่ 2 ในชีวิตของใบปอ ครั้งแรกเธอถูกคุมขังเมื่อปีกลายเป็นเวลานานถึง 94 วัน พร้อมกับดำเนินการอดอาหารประท้วงยาวนานถึง 64 วัน ซึ่งนับว่าเป็นการอดอาหารของผู้ต้องขังทางการเมืองที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อปี 2557
ระหว่างการถูกคุมขังครั้งนั้นยังเป็นช่วงเวลาของการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1 ของมหาวิทยาลัยที่เธอศึกษาอยู่ การถูกคุมขังครั้งแรกนานกว่า 3 เดือน ทำให้ใบปอได้รับผลกระทบหลายอย่าง โดยเฉพาะ “สิทธิในการศึกษา”
“รอบก่อนหนูถูกขังช่วงสอบกลางภาคพอดี หนูลงเรียนไปทั้งหมด 6 ตัว ถึงจะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ก็ออกมาสอบไม่ทันอยู่ดี หนูต้องลงเรียนใหม่ทั้ง 6 ตัว เท่ากับว่าหนูต้องเรียนจบช้ากว่าเพื่อนไป 1 เทอม”
“รอบนี้ (ภาคเรียนที่ 2) หนูลงเรียนไป 7 ตัว เอาจริงๆ ไม่รู้เลยว่าครั้งนี้จะถูกขังนานแค่ไหน ถูกขังแค่ 1 เดือน หนูก็เรียนตามเพื่อนไม่ทันแล้ว ยังไงก็คงต้องลงเรียนใหม่”
“ต่อให้ได้ออกไป ก็ไม่รู้จะติดเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ออกไปเรียนไม่ได้อีกมั้ย ถ้ารอบนี้ต้องถูกขังนานกว่า 1 เดือน ก็คงต้องยื่นคำร้องขอถอนวิชาที่ลงทะเบียนเรียนไว้ทั้งหมด อย่างน้อยก็จะได้เงินค่าเทอมที่จ่ายไปคืนกลับมาครึ่งหนึ่ง”
“อย่างรอบก่อนหนูเสียค่าเทอมไปฟรีๆ เลย 50,000”
“หนูเสียเวลา เสียอนาคต เสียเงินไปเยอะมาก ตอนนี้หนูคงจบช้ากว่าเพื่อน 1 ปีแน่ๆ แล้ว ที่จริงหนูวางแผนไว้ว่าจะตั้งใจเรียนแล้วยื่นขอทุนไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ แต่ดูจากที่หนูโดนตอนนี้เอาแค่เรียนจบพร้อมเพื่อนยังเป็นไม่ได้เลย …”
“กับเรื่องเรียนหนูเสียไปเยอะมากๆ ‘รัฐพรากอนาคตของเด็กคนหนึ่งไปเลย’ ทั้งๆ ที่นี่ก็ใกล้วันเด็กแล้ว รัฐชอบบอกว่า ‘เด็กคืออนาคตของชาติ’ แต่ตอนนี้ ‘ชาติพรากอนาคตของหนูไปแล้ว’”
“โกรธ ตั้งแต่ฟังคำสั่งศาลจบ เราออกไปทำกิจกรรมเพราะเรื่องการประชุมเอเปค แต่เหตุที่ศาลถอนประกันเขาบอกว่าผิดเงื่อนไขประกัน หนูแค่ไปชุมนุมตามสิทธิที่ทำได้ แต่ศาลกลับสั่งถอนประกัน เขาไม่ฟังเสียงของเราเลย เขาไม่ฟังเสียงของประชาชนเลย”