บันทึกเยี่ยมป่าน-คิม ทะลุฟ้า: “ไม่เข้าใจว่าศาลใช้เกณฑ์อะไรในการให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน”

1 ส.ค. 2565 หลังจากวันหยุดยาวปลายเดือนกรกฎาคม เรามาเยี่ยม “ป่าน” และ “คิม” ทะลุฟ้า ทั้งสองคนมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม เราอ่านคำสั่งที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ให้ทั้งสองคนฟัง

ทั้งคู่เริ่มบอกเล่าประสบการณ์หลังจากย้ายห้องจาก “แดนแรกรับ” ยัง “แดนกันชน” โดยในห้องที่ทั้งสองคนอยู่แสงสว่างเข้าน้อย ไม่มีลม และเพดานเตี้ย

“หลายอย่างมันรุมเร้า จากเดิมที่อยู่แดนแรกรับ อยู่ชั้นบนได้เห็นท้องฟ้า มีคนในห้องขังน้อย และมีกับข้าวจากข้างนอกมันก็โอเค แต่พอช่วงวันหยุดย้ายห้องมันแออัด มองไม่เห็นท้องฟ้า และอาหารจากข้างนอกก็ไม่ได้ส่งเข้ามา ไม่ได้เจอทนายด้วย”

“ปกติเราไม่ชอบเจอคนเยอะอยู่แล้ว พอเริ่มโอเคก็ต้องย้ายแดน เจอเสียงดนตรี เสียงคน เสียงน้ำ เสียงตะโกน ทำให้นอนไม่หลับ เขียนขอยาฉุกฌแินไป ก็ได้ยามากินทำให้นอนหลับได้ แต่ไม่อยากกินทุกวันกลัวติด”

ป่านยังฝากเราให้โทรศัพท์ไปอวยพรวันเกิดแม่ของเธอ พร้อมทั้งให้แจ้งว่า “วันเกิดพ่อที่ใกล้จะถึงนี้ ก็คงไม่ได้ออกไปเช่นกัน อยากโทรไปแฮปปี้เบิร์ดเดย์แม่กับพ่อ”

ด้านคิมเล่าเพียงว่าในช่วงวันหยุดไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากนอนและอ่านหนังสือ โดยหนังสือที่มีตอนนี้คือแฮร์รี่ พอตเตอร์

“ขนาดไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่อ่านจบไปหลายร้อยหน้าแล้ว ไม่อยากขยับตัวเอง อยากอยู่เฉยๆ มันเหนื่อย”

แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนยังฝากข้อความถึงเพื่อนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ “คิดว่าฝั่งชายน่าจะอยู่กันได้ มีพี่ชาติอยู่น่าจะฮา ให้กำลังใจ ทางนี้โอเคอยู่ได้ด้วยบลูเบอรี่ชีสเค้ก”

.

3 ส.ค. 2565 เราได้อัพเดทถึงคดีสาดสีหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ที่ทั้งสองคนถูกคุมขังอยู่ ว่าอัยการได้ส่งฟ้อง “ไดโน่” ทะลุฟ้า เป็นคนที่สิบ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายในคดีนี้แล้ว และศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว ทั้งคู่ดีใจที่เพื่อนได้ประกันตัว แต่ก็ตั้งคำถามว่าเหตุใดเธอสองคนจึงไม่ได้ประกัน 

“ไม่เข้าใจว่าศาลใช้เกณฑ์อะไรตัดสินในการให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน ทำไมคดีเรา บางคนได้ประกัน บางคนไม่ได้ประกัน หากดูว่ามีคดีเยอะ เราสองคนมีคดีไม่มากเท่ากับเพื่อนที่ได้ประกัน คนที่อยู่ในเรือนจำบางคนอย่างพี่ทู ที่ไปม็อบได้แต่ยืนสูบบุหรี่เฉยๆ ไม่ได้ประกัน ไม่แฟร์มาก”

“เราแค่คิดว่า ทำไมเราไม่ได้ประกัน เราควรได้ประกันทุกคน คดีเรายังไม่ได้สืบพยานเลยด้วยซ้ำ และคู่กรณีก็คือพรรคประชาธิปัตย์ เอาเรามาขังไว้เฉยๆ มันไม่แฟร์ จำเลยทั้งสิบคนควรได้ประกัน”

ป่านรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่เธอและเพื่อนต้องถูกขังในคดีนี้ เพราะคู่กรณีคือพรรคการเมือง “พรรคการเมืองมาจากประชาชน ไม่ฟังเสียงประชาชนและยังมาแจ้งความประชาชนอีก”

เราอธิบายข้อกฎหมายว่าเหตุที่ศาลจะใช้ในการสั่งไม่อนุญาตให้ประกัน มี 5 กรณี คือ เกรงว่าจะหลบหนี, เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน, จะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น, หลักประกันไม่น่าเชื่อถือ หรือเป็นอุปสรรคในการสอบสวน ซึ่งในคดีของป่านและคิม ศาลเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำอีก 

แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงของทั้งสองคน ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจคำสั่งของศาลได้อยู่ดี “จะไปก่อเหตุอื่น ป่านก็ส่งหนังสือรับรองการทำงานแล้ว แล้วก็มีงานทำไม่ได้ไปม็อบมาอย่างน้อยหกเดือน เช็คดูก็ได้ ศาลเคยอ่านอะไรบ้างไหม หรือเซ็นอย่างเดียว”

“คิมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ดีใจที่ไดโน่ได้ประกัน ได้อยู่กับครอบครัว คิมก็คิดเหมือนกันว่ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้ประกันเรา พอออกมารูปนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมไม่ได้ประกัน คงต้องรอดูผลประกันรอบหน้า”

“เราไม่รู้ว่าศาลต้องการหลักประกันแค่ไหน ดีใจที่เพื่อนได้ประกัน และเราควรได้อยู่ข้างนอกเหมือนกัน” 

“อายแทนศาลที่ส่งเราเข้ามาอยู่ในนี้ ทั้งที่คดีเราคือถูกกล่าวหาว่าจัดกิจกรรมที่เสี่ยงกับการแพร่เชื้อโรค”

“ในป้ายชื่อผู้ต้องขัง จะมีคดีที่โดนอยู่ เพื่อนทุกคนขำกันหมด เพราะเป็นคดีร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค คนอื่นมีแต่คดีแรงๆ เพื่อนๆ ก็เอ็นดูกัน บอกว่าคดีแบบนี้ไม่น่าได้เข้ามาเลย”

.

อ่านบันทึกก่อนหน้านี้ วินาทีที่รู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์: บันทึกเยี่ยม “ป่าน-คิม” สองสาวทะลุฟ้า

บันทึกเยี่ยมทะลุฟ้าทั้ง 5: ฝากส่งแรงใจและกำลังใจให้คนข้างนอก ขอให้รู้ว่าทุกวันนี้ยังสู้อยู่ข้างใน

.

X