วินาทีที่รู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์: บันทึกเยี่ยม “ป่าน-คิม” สองสาวทะลุฟ้า

20-21 ก.ค. 2565 ทนายความเข้าเยี่ยม “ป่าน” กตัญญู หมื่นคำเรือง และ “คิม” ทสมา สมจิตร์ สองสมาชิกของกลุ่มทะลุฟ้า ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง หลังจากไม่ได้รับการประกันตัวในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกิจกรรมสาดสีหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยการเข้าเรือนจำในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของทั้งคู่

.

วินาทีที่รู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์ของป่านทะลุฟ้า

ป่านเข้ามานั่งหน้าจอเอามือปิดหน้า คล้ายกับร้องไห้ ดีใจที่ได้เจอทนายความ พร้อมเล่าความในใจ

“เราไม่ได้เตรียมใจที่จะติดคุก บอกที่ทำงานว่าจะไปเซ็นเอกสารที่อัยการแป๊บหนึ่ง เอาหนังสือรับรองการทำงานไปด้วย แต่สุดท้ายมันเร็วไป ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเรารายงานตัวในคดีนี้มาตลอด ป่านไปรายงานตัวทุกเดือนมากกว่าหกเดือนแล้ว แต่ศาลกลับไม่ให้ประกัน”

“ป่านรู้สึกแย่มากเพราะที่ทำงานจะมีงานใหญ่วันเสาร์อาทิตย์นี้  เราช่วยดูแลโครงการมาเจ็ดสัปดาห์ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้ว แต่ต้องเข้าเรือนจำเสียก่อน”

“ตอนที่เข้าไป (ในเรือนจำ) วินาทีที่เรารู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์ คือวินาทีที่เค้าให้เราถอดเสื้อผ้า เค้าให้เราถอดเสื้อผ้า นุ่งกระโจมอก และเค้าดึงกระโจมอกเราไว้ และให้เราอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ดึงให้ตึง แล้วเค้าก็ดู แล้วให้เรานั่งยอง แล้วก็แก้ผ้า เรารู้สึกว่านั่นเป็นวินาทีที่แย่ที่สุดแล้วในชีวิต”

“เราใส่ถ้วยอนามัยเข้ามาด้วย ก็ต้องดึงออกทิ้ง ทั้งๆ ที่มันช่วยให้กรมราชทัณฑ์ไม่ต้องเสียค่าผ้าอนามัยให้เราด้วยซ้ำ เค้าไม่ได้มาสัมผัสเรา แต่ ณ จังหวะหนึ่งที่เราต้องแก้ผ้าต่อหน้าคน เรารู้สึกไม่ดี”

.

คิมมีอาการนอยด์ๆ ตอนตื่นเช้าขึ้นมาแล้ว พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่บ้าน

คิมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา วิทยาลัยการจัดการอุตสาหกรรมบริการ สาขาการท่องเที่ยว คิมเล่าว่าเธอเริ่มสนใจการเมืองและเริ่มจากการไปเข้าค่ายราษฎรออนทัวร์โดยครั้งแรกเป็นผู้เข้าร่วม แต่ครั้งที่สองไปเป็นคนช่วยจัด 

“หลังจากนั้น (ต้นปี 2564) กวิ้น พี่สมยศ หมอลำแบงค์ ทนายอานนท์ถูกจับ คุณจตุภัทร์เขาเลยชวนมาเดิน (ทะลุฟ้า) เราก็ไปเดินด้วยก็ได้ ไปช่วย ตอนนั้นหนูเปิดเทอม มีเรียนสามวันหนูก็ไปเรียน แล้วเขาเดินถึงไหน หนูก็นั่งรถกลับไปช่วยเดินต่อ ช่วงหมู่บ้านทะลุฟ้า หนูก็ไปช่วยไปนอนค้าง แต่ก็มีกลับไปเรียนจนถูกจับคดีแรก (คดีหมู่บ้านทะลุฟ้า) หนูก็กลับไปอยู่บ้านพักใหญ่ๆ เลย หลังจากนั้นสักพักหนึ่งก็กลับมาอยู่กับทะลุฟ้าช่วงกลางปี 64”

เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ต้องเข้ามาในเรือนจำ คิมเล่าว่า “มันช็อค กว่าจะรู้ตัวว่าต้องเข้าเรือนจำ จริงๆ ก็ตอนขึ้นรถ (เรือนจำ) มันจะมีอาการนอยด์ๆ ตอนตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บ้าน ก็นิดนึง แต่ก็ปรับตัวได้ ตื่นขึ้นมาเห็นพี่ป่าน เห็นเพื่อนผู้ต้องขัง ก็ใช้ชีวิตอีกวันหนึ่งไป ก็เป็นภาวะจิตใจ แต่ก็โอเค”

“ภาพในหัวตอนแรกไม่รู้ว่าต้องเจออะไร ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมาก่อน และพอเข้ามาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด สภาพความเป็นอยู่ก็มีที่หลับที่นอน แต่มันแค่ไม่ได้สบายเหมือนที่บ้าน แต่หนูก็เคยลำบากนอนที่นอนแข็งๆ ผ้าผืนเดียวแบบหน้าทำเนียบหนูก็เคยนอนมาแล้ว แต่มันก็จะมีเรื่องอาหารที่เลือกมากหน่อย เพราะไม่อร่อย แต่ก็พยายามกินเข้าไป แต่ดีที่มีเพื่อนช่วย support ”

“อีกเรื่องหนึ่งคือหนูไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบเท่าไหร่ แต่ที่นี่มีกฎระเบียบมากเป็นเรื่องปกติ เข้าใจได้ แต่นิสัยส่วนตัวก็ยังไม่ชอบเท่าไหร่”

“หนูยังไม่เจอคนประหลาด ประหลาดเท่าไหร่ ยังเจอแต่คนปกติ”

.

แดนแรกรับไม่ได้แย่อย่างที่คิด ยังกินได้ นอนได้ แต่อาหารไม่อร่อย

วันที่ 21 ก.ค. เรามาเยี่ยมป่านกับคิมอีกครั้ง ทั้งสองคนหน้าตาสดใสขึ้น รีบเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟัง

ป่านเล่าว่าตอนนี้ในห้องมีคนอยู่ด้วยสิบคน ถือว่าไม่มาก “เมื่อคืนหลับสบาย ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเพราะฝนตก อยู่ชั้นสามฝนตกทั้งคืน อากาศเย็น นอนได้”

ป่านยังเล่าว่า เธอได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่เรื่องการตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่ได้อธิบายเรื่องระเบียบ  และกรณีถ้วยอนามัยเจ้าหน้าที่แนะนำให้เขียนคำร้องว่าเธอมีความจำเป็นต้องใช้อย่างไร แล้วจึงจะให้ส่งเข้ามาได้

เมื่อถามถึงความเป็นอยู่ด้านใน  ป่านบอกว่า “พวกเราผ่านห้องน้ำหน้าทำเนียบ หน้าสภา และหมู่บ้านทะลุฟ้ามาแล้ว ห้องที่อยู่มีส้วมหนึ่งหลุม หนึ่งชักโครกก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ มันมีโมเมนท์นี้ด้วยนะ หนูเข้าห้องน้ำอยู่ และในห้องก็ดูคลิปเบเบ้และเต้นกัน โอเค แบบนี้ก็มีเหมือนกัน 555 แต่ถ้าติดนานกว่านี้ก็อาจจะแย่ วันนี้ได้กินขนมแครกเกอร์ราดนมข้นด้วย”

“ไม่อยากให้คนข้างนอกเป็นห่วงเท่าไหร่ พอรู้ว่าคนข้างนอกเป็นห่วงแล้วหนูชอบ (ใจ) แป้ว” คิม

 “จริงๆ ข้างในนี้ตอนแรกจะเข้ามาก็กลัวมากเลยนะ แต่เข้ามาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น อาหารก็พอกินได้” ป่าน

“กับข้าวหวานเกิน ยังแย่อยู่” คิม

“ยังแย่อยู่ เราหวังพึ่ง (ชื่อเพื่อนนอกเรือนจำที่ช่วยซื้อของให้) เป็นอย่างมาก ในการดำรงชีวิตในนี้ให้อยู่อย่างสุขสบาย และลักซู” ป่าน

“เค้าเรียกที่นี่ว่าคุกไฮโซด้วย” คิม

“ข้างนอกฝากเงินมาให้แล้วจะเป็นเจ้าแม่แฟชั่นในนี้แล้วนะ” ป่าน

“ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงเท่าไหร่ คือช่วงนี้มันยังโอเค แต่ถ้านานๆ ไปค่อยว่ากัน” คิม

คิมยังอยากขอบคุณรุ้งในเรื่องอาหาร “อยากฝากขอบคุณรุ้ง (ปนัสยา) เพื่อนๆ ข้างในก็ขอบคุณรุ้ง  รุ้งทำให้อาหารที่นี่อร่อยขึ้น ดีขึ้นมากๆ คือเพื่อนในเรือนจำบอกว่าอาหารเมื่อก่อนแย่กว่านี้ ระบบการจัดการแย่ รสชาติ คุณภาพก็แย่ แต่นี่มันดีขึ้น”

ป่านยังฝากถึงเพื่อนๆ นักกิจกรรมและสื่อมวลชนว่า หากต้องการใช้รูปเธอในการรณรงค์ขอให้เลือกรูปสวยๆ มาใช้หน่อย เพราะหากออกมาเห็นหลังจากออกจากเรือนจำ จะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

ทั้งสองคนยังเป็นห่วงม็อบหน้ารัฐสภาที่ไปตั้งแคมป์ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐสภา คิมขอให้ช่วยอัพเดท เราจึงเปิดภาพเวทีเสวนาเรื่องคดีทางการเมืองวานนี้ให้ทั้งสองคนดู ว่าเป็นเวทีที่จัดท่ามกลางสายฝน มีการนำกะละมังมารอน้ำฝนที่รั่วมาในเต๊นท์หน้าเวที และปิดเวทีด้วยวงดนตรีสามัญชน 

ทั้งสองคนก็ขำและฝากบอกให้เพื่อนๆ “อดทนหน่อยม็อบหน้าฝน”

.

X