25 ก.ค. 2565
เจมส์ ศักดิ์สิทธิ์: คิดถึงแม่ และพร้อมยอมรับทุกเงื่อนไขของศาล
ทนายความได้เข้าเยี่ยมเจมส์ พบว่าสีหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลอยู่ตลอดบทสนทนา และถึงคราวที่พูดเรื่องประกันตัว เจมส์ยังคงร้องไห้อยู่ในทุกครั้ง
“ทุกวันนี้ ผมอยู่ด้วยความหวัง ยังคงหวังว่าจะได้รับการประกันตัวในเร็ววันนี้ คิดถึงแม่มาก ไม่รู้เลยว่าแม่จะเป็นยังไง กินข้าวไม่ค่อยลงเลย อยากกลับบ้านไปเจอแม่ ฝากบอกแม่เขียนจดหมายถึงผมหน่อยนะครับ” เจมส์ระบายความรู้สึกไปถึงแม่ของเขาที่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันสองสัปดาห์แล้ว
“เรื่องประกันตัว ผมยอมรับทุกเงื่อนไข เพราะต้องทำงานจริงๆ” เจมส์บอกทนายว่าเขาเป็นเสาหลักที่ดูแลครอบครัว โดยรับงานช่างไฟฟ้าในกองถ่าย และดูแลแม่กับน้องๆ มาตลอด การได้กลับไปทำงานเป็นเพียงไม่กี่หนทางที่พอจะจุนเจือครอบครัวได้
อย่างไรก็ตาม เจมส์ได้ฝากข้อความถึงศาล ระบุว่า “เนื่องจากผม ถูกคุมขังในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดประเทศ เวลานั้นรัฐบาลได้ปิดประเทศและไม่จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ จึงทำให้ผมต้องหยุดงาน ไม่มีรายได้ ไม่มีวัคซีนสักที ผมซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้การดำเนินชีวิตลำบากมาก มีแต่รายจ่าย ผมจึงได้เข้าร่วมการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและเร่งทำการเปิดประเทศ
“ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้บ้านเมืองวุ่นวายตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อรัฐบาลได้ทำการเปิดประเทศและมีการนำวัคซีนมาแจกจ่าย ประมาณปลายปี 2564 ผมได้กลับไปทำงานและมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ผมจึงได้หยุดการเข้าร่วมชุมนุม และไม่ได้ไปเข้าร่วมชุมนุมที่ไหนอีกเลย ผมไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามนัดทุกรอบ จนกระทั่งวันที่ 19 ก.ค. 2565 ผมก็ไปรายงานตัวตามปกติ แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว”
26 ก.ค. 2565
คาริม จิตริน: ฝากข้อความถึงทะลุฟ้า ขอให้มีความเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านไปได้
คาริมบอกกับทนายความในระหว่างที่เข้าเยี่ยมว่า เขาอยากได้หนังสือเตรียมสอบตั๋วทนายความ เพราะตอนนี้ตนเรียนจบนิติศาสตร์แล้ว และได้ฝากข้อความถึงทะลุฟ้าทุกคนว่า…
___________________________
คน
ขอเพียงมีความเชื่อมั่น มีความศรัทธา ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็ทนไหว ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไรก็ปรับตัวได้
คน
หากไม่มีอุดมการณ์ก็เหมือนเรือที่ปราศจากหางเสือ เหมือนม้าที่ไร้บังเหียน วิ่งเตลิดไปอย่างไร้ทิศทาง สุดท้ายจะล่องลอยไปแห่งหนใดก็ไม่ทราบ
จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แดน 2
เป็นกำลังใจให้ทะลุฟ้าทุกคน
_____________________________
27 ก.ค. 2565
ทู กฤษณะ: ยังสบายดี ฝากความคิดถึงให้ทุกคน
“ยังพออยู่ได้ครับ สภาพการอยู่การนอนตอนนี้ก็เหมือนไปนอนที่ม็อบ ไม่มีปัญหาอะไรมาก” เขาเล่าให้ทนายความฟัง
ทูบอกกับทนายว่าตอนนี้อาหารการกินของเขามีครอบครัวของแซม พรชัย ช่วยดูแลอยู่บ้าง เขาจะกินของที่คนข้างนอกฝากมาให้บ้าง และอาหารของเรือนจำบ้างสลับกันไป
เมื่อทนายถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนข้างนอกบ้างไหม “ยังไม่รู้ว่าจะฝากอะไรเป็นพิเศษ ถ้ามีอะไรจะบอกอีกที ยังไงก็ขอฝากความคิดถึงให้ทุกคน” ทูบอก
คาริม จิตริน – เจมส์ ศักดิ์สิทธิ์: คาริมมีกำลังใจดีอยู่ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนสู้ต่อ ส่วนเจมส์ฝากความเป็นห่วงถึงแม่ ตอนนี้ตนเองก็สุขภาพไม่ค่อยดี เครียดและยังนอนไม่หลับ
ทนายกลับมาเยี่ยมคาริมอีกครั้ง เขาบอกว่าตัวเองยังมีกำลังใจดีอยู่ ตอนนี้ทุกห้องกำลังย้ายแดนกันไปหมดแล้ว เหลือแต่ทะลุฟ้าที่ยังไม่ได้ย้ายแดนเสียที ตอนนี้ฝากพี่ไผ่ จตุภัทร์ ให้ติดต่อกับครอบครัวแล้ว เขาอยากฟังเรื่องครอบครัวว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ฝากบอกทะลุฟ้าว่าคิดถึงทุกคน เหมือนเดิม ให้กำลังใจทุกคน สู้ๆ” คาริมบอกผ่านทนาย ทั้งนี้ยังได้ฝากให้กำลังใจถึงทีมทนายและคนอื่นๆ ด้วย
_________________________________
ส่วนเจมส์บอกกับทนายว่าตอนนี้โอเคขึ้นมาบ้างแล้ว พอทราบว่าทนายกำลังทำเรื่องประกันตัวให้ แต่ตอนนี้เป็นห่วงแม่มากขึ้น “เมื่อเช้ามีเจ้าหน้าที่มาบอกว่า แม่มาเยี่ยม แต่มาผิดขั้นตอนเลยไม่ได้เข้าเยี่ยม ตอนนี้เป็นห่วงแม่ เพราะเราอยู่กันแค่สองคน”
นอกจากนี้ เจมส์ได้ฝากบอกว่าหากมีเรื่องอะไรก็อยากให้ติดต่อหาแม่ของเขาด้วย พอทนายถามถึงความรู้สึกตอนนี้ เขาได้บอกว่ายังคงเครียดอยู่ “สุขภาพไม่ค่อยดี เครียด นอนหลับๆ ตื่นๆ มีพี่ผู้ช่วยผู้คุมคอยคุยด้วยบ้าง ช่วง 3 – 4 วันแรกสติหลุด คิดถึงขั้นฆ่าตัวตายเลย ทำอะไรไม่ถูก”
เจมส์บอกว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้อาจเพราะว่าหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองมาเป็นปีแล้ว เขาออกไปทำงาน หาเงินดูแลครอบครัว พอโดนศาลสั่งแบบนี้ก็จิตเกือบหลุดไปเลยเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้าง แต่ยังคงหวังว่าจะได้ออกไป
เมื่อทนายถามว่าอยากได้ขอฝากอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม เจมส์ก็ได้ตอบว่า “ตอนนี้ของที่จะฝาก ฝากอะไรมาก็ได้เลย ขอบคุณทุกอย่างครับ”
ป่าน กตัญญู – คิม ทศมา: สภาพจิตใจยังเข้มแข็ง กำลังปรับตัว แต่ก็ยังเครียดเพราะย้ายแดนใหม่ค่อนข้างเสียงดังวุ่นวาย
ป่านกับคิมเดินเข้ามาด้วยชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาล ใบหน้าตึงและเครียดเล็กน้อย เมื่อทนายถามความเป็นอยู่ของทั้งสองคน พวกเธอก็ได้บอกว่ายังสบายดีอยู่ ปรับตัวกันพอได้ ตอนนี้ทั้งสองคนย้ายลงมาที่แดนใหม่แล้ว จากที่เคยอยู่ 8-9 คน ตอนนี้ต้องมาอยู่รวมกัน 16-17 คน
ป่าน: อยู่ได้นะคะ แต่เมื่อวานลงมาแดนใหม่แล้วมันมีเสียงดัง คือมันไม่ได้ดังมากนะ แต่มันมีเสียงคนพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา มีอาบน้ำ เสียงทำนู่นนี่ มันเลยทำให้เราสองคนเครียดกันอยู่ ส่วนตัวป่านก็เป็นแพนิคด้วย มันเลยไปกันใหญ่เลย มันไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้ จนต้องแจ้งผู้คุม
คิม: สภาพแวดล้อมเป็นแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน มันทำให้พี่ป่านกับคิมค่อนข้างเครียด พี่ป่านเองเป็นแพนิค ส่วนคิมเองก็เป็นไมเกรนขึ้นด้วย เราแจ้งผู้คุมไปแล้ว เขาก็มาช่วยดูแลอยู่ แต่สภาพห้องกับจำนวนคนมันมีความแออัดมาก เวลาใครทำอะไรก็ได้ยินไปหมด เพดานเองก็ต่ำมากด้วย รวมกับความกดดันที่เรามี มันเลยเครียดๆ กันหน่อย
คิมเสริมว่า โดยรวมสภาพจิตใจของพวกเธอสองคนก็ยังเข้มแข็งกันอยู่ ยังพอพยุงชีวิตในแต่ละวันไปได้บ้าง รอวันที่ได้ประกัน ฝากบอกกับทะลุฟ้าทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง
คิม, ป่าน: ถ้าได้ประกันวันนี้ก็ดีค่ะ (27 ก.ค. 2565) แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ได้ผิดหวังมาก เอาจริงๆ ก็งงอยู่ว่าคดีพวกเรามันหนักถึงขนาดต้องขังกันไว้เลยเหรอ พวกเราแค่ออกมาเรียกร้องตามสิทธิประชาธิปไตย แต่มาโดนฝากขังเหมือนเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์เลยอะ
สุดท้ายแล้ว ในวันที่ 27 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุฟ้าทั้ง 7 คนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวตามที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้
เมื่อทนายถามทั้งสองสาวว่าอยากได้ของฝาก หรือสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ ป่านบอกว่าเธอต้องการชุดนอนไซส์ใหญ่สัก 2 ชุด ส่วนคิมนั้นมีพอแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ
ทั้งสองคนได้บอกว่า ของกินที่ฝากเข้ามาทั้งคู่แชร์ด้วยกัน ไม่ต้องสั่งกับข้าวซ้ำกันก็ได้ มีขนมอยู่พอสมควรแล้ว ในช่วงวันหยุดสั่งกับข้าวอยากรบกวนช่วยระบุวันที่ให้ด้วย เพราะเวลาได้รับของพวกเขาจะมาให้วันเดียวเลย ทำให้วันอื่นอาจไม่มีกินกัน
สุดท้าย พวกเธอทั้งสองคนฝากบอกว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาเป็นธุระให้ และเราจะสู้ไปด้วยกัน”
ทะลุฟ้าทั้ง 7 คน ยังถูกคุมขังในกรณีทำกิจกรรมชุมนุมสาดสีหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 โดยศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวจากการยื่นรวมสองครั้ง