การเดินทางของคำอวยพร “สุขสันต์วันเกิด”: จาก ‘ป่าน ทะลุฟ้า’ ในเรือนจำ ถึง ‘พ่อ’ ที่น่าน 

8 ส.ค. 2565 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรามาเยี่ยมป่านและคิม พร้อมแจ้งคำสั่งศาล ซึ่งทางทีมทนายความได้ยื่นขอประกันตัว “เจมส์” และ “คิม” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ศาลยังคงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่ายังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม  และอัพเดทสถานการณ์ว่าในวันเดียวกันศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ประกันตัว “มิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ” ที่ถูกจับในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง 

ทั้งสองคนทราบข่าวตั้งแต่วันเสาร์ว่าไม่ได้มีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองเข้ามาใหม่ จึงยินดีที่มิ้นท์ได้ประกันตัว แต่ก็ยังสงสัยอยู่ตลอดว่า เหตุใดเธอสองคนและเพื่อนๆ ทะลุฟ้า จึงยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ด้านป่านนั้น เมื่อที่ 5 ส.ค. เพื่อนของเธอได้มาเยี่ยมที่เรือนจำ ทำให้เดิมเพื่อนร่วมงานที่มูลนิธิคณะก้าวหน้าตั้งใจมาคุยเรื่องงานในวันที่ 9 ส.ค. ก็ไม่สามารถทำเรื่องเยี่ยมได้อีก แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าหากจำเป็นสามารถเขียนคำร้องขอให้เยี่ยมเพิ่มได้มากกว่าเดือนละครั้ง 

ต่อมา ป่านได้ทำเรื่องยื่นไปตั้งแต่วันศุกร์ และติดตามเรื่องอีกครั้งในวันที่ 8 ส.ค. รวมถึงเพื่อนที่ทำงานก็ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์หลายหน แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ยังไม่อนุญาตให้มีการเยี่ยมทางเรือนจำมากกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือนได้ (ย้อนอ่าน “ป่าน-คิม ทะลุฟ้า” เรียกร้องสิทธิเยี่ยมญาติ หลังราชทัณฑ์ยังให้เยี่ยมเดือนละครั้ง)

.

พ่อพาไปม็อบ แม่ให้อ่านหนังสือ ก่อนมาเป็น “ป่าน ทะลุฟ้า”

วันนี้ป่านได้ขอให้เราทำธุระแทนเธอ ในการอวยพรวันเกิดพ่อ เพราะพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) เป็นวันเกิดพ่อของเธอ โดยได้ฝากโทรหาแม่ เพื่อบอกกับพ่อว่า “สุขสันต์วันเกิด”

“พ่อเป็นทหารแตงโม พาไปม็อบ ตอนเด็กยังมัธยมอยู่เลย พ่อพาไปม็อบหน้าศาลากลาง ไปซื้อผ้าโพกหัวสีแดง เขียนว่า นปช. ด้วย  เป็นครั้งแรกได้ไปม็อบ ไปกันทั้งบ้าน ตอนที่ไปพ่อยังใส่ชุดทหารไปเลย ตอนนั้นรู้สึกว่ามีเสรีภาพมากกว่านี้”

เราเลยถามว่าพอป่านออกมาเคลื่อนไหวและมีคดีแบบนี้ พ่อเคยห้ามบ้างไหม “พ่อไม่เคยห้ามเลย เวลาพ่อจะห้าม เราก็จะรีบบอกว่าพ่อเป็นคนพาเราไปม็อบเอง ผ้าสีแดงที่เขียนว่า นปช. ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย พ่อจะเป็นคนติดตามข่าวการเมือง พ่อชอบดูข่าว พ่อจะตื่นแต่เช้าและเริ่มต้นวันด้วยการดูข่าวทีวี ทุกวันนี้พ่อก็ไม่เคยห้าม แค่จะเดินมาบอกว่ามี ‘หมาย’ มา แต่ไม่ว่าอะไร”

“เคยมีเพื่อนบ้านถามเขาว่า ป่านทำไปเพื่ออะไร พ่อเขาก็ตอบประมาณว่า เราจะมีชีวิตอยู่อีกสักกี่ปี เด็กรุ่นนี้เขาจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ให้เขาเลือกอนาคตของเขาเอง”

เราถามป่านต่อว่า การที่ป่านสนใจมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเพราะพ่อหรือเปล่า “ทั้งพ่อและแม่ แม่ให้อ่านหนังสือ ส่วนพ่อจะพาไปม็อบ”

“แม่ป่านก็ถือว่าเป็นคน progressive ในรุ่นของเขา เขาเป็นคนผลักดันให้ป่านไปเป็นอาสานานานาชาติ เป็นคนทำให้ป่านอ่านหนังสือ ป่านโตมากับหนังสือจิตร ภูมิศักดิ์  ใบไม้ที่หายไป ของจิรนันท์ พิตรปรีชา หนังสือเขมรแดง ไม่รู้จะทำอะไร ก็นั่งอ่านหนังสือ”

“จังหวัดน่านเคยเป็นพื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่คอมมิวนิสต์เก่าด้วย แม่เล่าว่าอยากไปทำงานอาสากับ UN แต่ไม่ได้ไป แต่แม่ทำให้เรารู้จักองค์กรต่างๆ พวกนี้ แม่ป่านเป็นครู แต่ตอนนี้รีไทร์แล้ว”

“ตอนที่ป่านได้ทำงานที่คณะก้าวหน้า พ่อก็ดีใจ เพราะเขาติดตามพรรคอนาคตใหม่ เขาก็ดีใจ”

.

“บอกป่านให้อดทนหน่อย สู้ๆ ทำตัวให้สนุกแล้วกัน” จากแม่ถึงลูก

หลังจากเยี่ยมป่านและคิมแล้ว เราโทรศัพท์คุยกับแม่ของป่าน จากการพูดคุยกับแม่ป่านสองสามครั้งก่อนหน้า แม่ป่านเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ได้มีน้ำเสียงวิตกกังวลอะไร คราวก่อน เราโทรมาอวยพรวันเกิดแม่ย้อนหลังแทนป่านเช่นกัน

“ฝากบอกเขา ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร พรุ่งนี้แม่จะพาพ่อ ไปทำบุญพร้อมกัน เดี๋ยวจะทำบุญเผื่อเค้าด้วย” แม่ตอบกลับมา

เรายิ้มให้คำตอบของแม่ที่บอกว่าจะทำบุญเผื่อป่าน  เราถามแม่ว่าเคยห้ามป่านทำกิจกรรมบ้างหรือเปล่า “แม่ไม่เคยห้าม ขนาดมีตำรวจไปตามที่บ้านหลายครั้ง แม่ยังไม่ห้ามเลย” 

แม่เล่าว่าเจ้าหน้าที่เคยไปห้ามที่โรงเรียนที่สอน สันติบาลก็เคยมา เคยมาหาที่บ้าน “ตอนประยุทธ์จะไปเชียงใหม่ก็ยังมาหาเลย เขามาเช็คดูว่าอยู่บ้านหรือเปล่า มาเจอกับพ่อ พ่อเขาเป็นทหาร เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร มาขอถ่ายรูปพ่อกับแม่ ถ่ายรูปบ้านไป ก็ให้ถ่าย”

เราถามแม่ว่า ป่านบอกว่าแม่ progressive ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แม่บอกว่าแม่สนใจประเด็นความยุติธรรมมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น “พอมีครอบครัวก็ยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก” 

แม้ครอบครัวของป่านต้องเผชิญทั้งการที่เจ้าหน้าที่ไปติดตามที่บ้าน ถูกดำเนินคดี และป่านเองอยู่ในเรือนจำขณะนี้  แต่แม่ก็ยังมีเสียงหัวเราะได้ “ไม่เครียด เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าทำแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ ก็เคยบอกป่านให้ทำใจไว้ แม่ไม่กังวล แม่ก็แค่ติดตามข่าวต่างๆ”

ก่อนวางสาย เราได้ยินเสียงพ่อแทรกเข้ามา “พ่อเขาบอกว่าฝากขอบคุณทนาย”

“บอกป่านให้อดทนหน่อย สู้ๆ ทำตัวให้สนุกแล้วกัน ใจเย็นหน่อย ถ้าอาหารมีเยอะก็แบ่งให้คนอื่นกินด้วย” แม่กล่าวทิ้งท้าย

.

X