บุ้ง-ใบปอยังยืนยันอดอาหารต่อ เข้าสู่วันที่ 37: “ไม่ใช่การทรมานตัวเอง แต่เป็นการต่อสู้จากข้างใน”

วันนี้ (8 ก.ค. 2565) ทนายความสองคนได้เข้าเยี่ยมใบปอและบุ้งแยกกัน หลังจากวานนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ยังมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวทั้งสองคนเป็นครั้งที่ 6 ในคดีจากการทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ ทำให้ทั้งสองถูกคุมขังมาแล้วเข้าสู่วันที่ 67 และอดอาหารมาแล้ว 37 วัน เท่ากับระยะเวลาที่ “ทานตะวัน” อดอาหารมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การอดอาหารของทั้งคู่ยังดำเนินต่อไป

.

บุ้ง “คุกหมุน” ตลอดเวลา แต่ยังตัดสินใจเดินหน้าอดอาหาร

บุ้งเดินเข้ามาพบทนายความ พร้อมเอามือจับหลัง ค่อยๆ เดินย่างมาอย่างช้าๆ ส่ายหน้ามาแต่ไกล บอกว่าไม่ไหว ปวดท้องมาก บุ้งบอกว่าเริ่มปวดท้องมากๆ ตอน 3.00 น. เธอเพลียมาก และบ้านหมุนตลอดเวลา หรือที่เธอเรียกว่า “คุกหมุน” พอตอน 8.00 น. ก็เริ่มอาเจียน

ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน เธอนั่งกระสับกระส่าย หน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด และนั่งหลับตา ดูไม่มีแรงเลย ทั้งต้องเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้นเพื่อปลุกให้รู้สึกตัว การพูดคุยจึงทำได้อย่างจำกัด

แต่สิ่งหนึ่งที่เธอยืนยันมาจากหลังลูกกรง แม้จะอาการทั้งหมดนั้น คือยังตัดสินใจว่าจะอดอาหารต่อไป

.

คำถามจากใบปอ “การตั้งคำถาม เป็นภัยอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศมากขนาดนั้นเลยหรือ”

ด้านใบปอ เธอได้ขอให้ทนายความอ่านคำสั่งศาลให้ฟัง ทนายจึงได้อ่านข้อความจากเอกสารคำสั่งศาลสองหน้าเศษให้ฟังทั้งหมด ใบปอฟังอย่างตั้งใจ ทนายเงยหน้าจากกระดาษไปดูใบปอเป็นคราวๆ บางจังหวะเห็นใบปอเอามือกุมขมับ ก้มหน้า ไม่แน่ใจว่าใบปอกำลังมีอาการทางกาย จากการอดอาหาร หรือฟังคำสั่งศาลแล้วเจ็บปวดกันแน่

“คือต้องให้เราตายเลยใช่ไหม” ใบปอเงยหน้ามาถามหลังอ่านคำสั่งจบ แน่นอน, เป็นคำถามที่เราใช้หลักการทางกฎหมายตอบไม่ได้ ใบปอบอกว่าอยากเขียนจดหมายแต่เธอเบลอแล้ว ขอให้ช่วยเรียบเรียงให้เธอด้วย

————————

สวัสดีค่ะ ใบปอเองนะคะ

หลังจากยื่นประกันทั้งหมดเจ็ดครั้ง (ใบปอนับรวมคำสั่งศาลในชั้นอุทธรณ์ด้วย) หนูเหนื่อยมาก ลุ้นด้วย เมื่อวานก็มีความหวัง แต่ศาลยังยกคำร้องอีก ด้วยเหตุผลว่าอาการทางกายเรายังหนักไม่พอ และกลัวว่าเราจะไปก่อเหตุอีก เราจึงอยากถามศาลว่า ต้องให้อาการเราทรุดแค่ไหนจึงจะปล่อยเรา จนพี่บุ้งเข้าโรงพยาบาลเกือบตายมารอบหนึ่งแล้ว หรือต้องพรากชีวิตเราไปจริงๆ เราจึงจะได้ออกจากเรือนจำ

การตั้งคำถามในประเทศนี้ เป็นภัยอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศมากขนาดนั้นเลยหรือ มีคำถามอีกมากมายในประเทศนี้ที่รอคำตอบอยู่ และสักวันหนึ่งก็จะได้คำตอบ เหมือนที่เราจะรอคำตอบจากศาลว่าเมื่อไหร่เราสองคนจึงจะได้รับความเป็นธรรม ได้รับสิทธิประกันตัว

ใบปอ ทะลุวัง

ทัณฑสถานหญิงกลาง

8 กรกฎาคม 2565

————————

จากนั้นใบปอเล่าว่า ช่วงสองสามวันนี้เธอมีอาการเหนื่อยมากขึ้น เพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทานแต่น้ำเปล่าจริงๆ ไม่ได้ดื่มน้ำผลไม้ นม หรือได้รับยาอะไร เธอมีอาการเหนื่อย หอบ หน้ามืด เริ่มมีอาการเซ ทรงตัวไม่อยู่ และเริ่มมีอาการมือสั่น มีบางครั้งที่ต้องผลัดกันพยุงตัวกับบุ้ง ส่วนบุ้งเริ่มกลับมามีอาการอ้วกเหมือนก่อนหน้านี้ ตัวเย็น หน้าซีด

แต่ถึงขั้นนี้ทั้งสองคนยังยืนยันว่าจะอดอาหารต่อไป “ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากติด สภาพร่างกายเราสองคนผอมอย่างเห็นได้ชัด พยาบาลชอบมาถามว่าไหวไหม หนูก็จะตอบว่า ‘มันต้องอยู่ให้ได้’ การอดอาหารมันไม่ใช่การทรมานตัวเอง แต่เป็นการต่อสู้จากข้างใน และเป็นการยืนยันว่าเราควรได้รับสิทธิ”

“ในคำสั่งศาลที่บอกว่าเราสดใสร่าเริง ถามว่าพวกคุณเห็นไหม ตอนที่เราต้องเรียกเจ้าหน้าที่เป็นชั่วโมงๆ เพื่อขอให้พาพี่บุ้งไปโรงพยาบาล ความเจ็บปวดที่เราถูกกระทำ กับรอยยิ้มที่เราพยายามสร้างในแต่ละวันเป็นครั้งคราวเพื่อประทังชีวิตในเรือนจำนี้ มันเทียบกันได้หรือเปล่า”

ใบปอยังเล่าว่าเมื่อเช้า ยังได้ยินทางเรือนจำเรียกผู้ต้องขังไปพบนายแพทย์ชาตรี ใบปอจึงสงสัยว่า การสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 นั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และทำไมนายแพทย์ชาตรีจึงยังได้ทำการรักษาอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางนี้

เมื่อทราบว่าทางแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลได้จัดเสวนาเรื่อง “สิทธิมนุษยชนหลังกรงขัง” ใบปอยังได้บอกว่าอยากออกมาพูดด้วย และบอกว่า “การละเมิดเป็นเรื่องปกติในนี้” เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า ว่ากระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำในบางกรณีกลับกลายเป็นผู้ละเมิดมากกว่าการปกป้องสิทธิ

.

X