ยกฟ้องคดี “ณัฐวุฒิ” ข้อหาเตรียมวางเพลิง กรณีราดน้ำมันหน้าประตูทำเนียบ ศาลเชื่อว่าจำเลยกลับใจไม่กระทำความผิด

22 ธ.ค. 2565 เวลา 9.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาในคดีของณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ธุรการของหน่วยงานเอกชนวัย 29 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่า “เทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดบนถนน” ตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 33 และ “ตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 และ 219 

คดีนี้ เหตุจากกรณีที่ณัฐวุฒิไปเทน้ำมันบริเวณประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อประท้วงนายกรัฐมนตรี ในช่วงก่อนรุ่งเช้าวันที่ 5 ก.ค. 2564 เนื่องจากรู้สึกไม่พอใจการบริหารงานอันย่ำแย่ของรัฐบาล จนทำให้พ่อของณัฐวุฒิต้องติดโควิด-19 และไม่สามารถหาเตียงในช่วงนั้นได้ ส่วนแม่ไม่สามารถเข้าถึงบริการตรวจหาเชื้อได้

ย้อนอ่านประมวลคดี>> เปิดแฟ้มคดี “ณัฐวุฒิ” ราดน้ำมันประตูทำเนียบ ปมเครียดพ่อติดโควิด-แม่เข้าไม่ถึงการตรวจเชื้อ จำเลยรับไปที่เกิดเหตุจริง แต่ตัดสินใจหยุดวางเพลิงเอง ไม่มีใครพบเห็น

เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ”ณัฐวุฒิ”, ทนายจำเลย และนายประกัน ได้ทยอยมาศาล โดยมีผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

เวลาประมาณ 10.00 น. ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาสั้นๆ โดยเริ่มจากพฤติการณ์ข้อกล่าวหาต่อจำเลยว่า สถานที่เกิดเหตุนั้น คือประตู 3 ของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ มีลักษณะเปิดโล่งแจ้งและมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ในบริเวณนั้น

พิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วพบว่า ในกล้องวงจรปิดปรากฎภาพของจำเลยได้นำถังสแตนเลสออกมาและเทของเหลวที่อยู่ภายในออกลงบนถนน ก่อนขับรถออกไปทางแยกนางเลิ้ง ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำการดังกล่าวจริง ดังนั้นจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องในข้อหาเทสิ่งปฏิกูลบนถนน ตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ 

ในส่วนข้อหา “ตระเตรียมการวางเพลิง” ศาลวินิจฉัยแล้วพบว่า จำเลยมีการตระเตรียมการจริง แต่เนื่องจากทางโจทก์ได้นำสืบว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารผู้ประสบเหตุพยายามจะเข้ามาจับกุมจำเลยในขณะกระทำผิด ก่อนจำเลยจะได้หลบหนีไปนั้น มีเหตุให้สงสัยว่ามีผู้มาพบเห็นจำเลยขณะกระทำผิดจริงหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้มีการเข้าจับกุมหรือขัดขวางการกระทำของจำเลย และขณะกระทำผิดจำเลยก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกตกใจว่ามีผู้พบเห็นแต่อย่างใด 

ดังนั้น จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่า จำเลยได้ตัดสินใจเลิกกระทำการวางเพลิงด้วยใจสมัครของตนเอง ไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งลาดตระเวนผ่านมา ตรวจพบแล้วจึงหลบหนีไป 

ศาลจึงพิพากษา ยกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 และ 219 “วางเพลิงเผาทรัพย์” และ “ตระเตรียมการวางเพลิง” แต่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 4 ปรับ 9,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้หนึ่งในสาม เหลือปรับ 6,000 บาท 

พร้อมกันนี้ศาลได้ชี้แจงกับจำเลยเพิ่มเติมว่า เนื่องจากของเหลวที่จำเลยเทลงไปนั้นต่างจากสิ่งปฎิกูลทั่วไป เมื่อเทลงไปแล้วอาจจะเกิดความเสียหายร้ายแรงได้ ศาลจึงลงโทษตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ด้วยอัตราโทษปรับหนักสุด หากจำเลยยังติดใจกับคำพิพากษา สามารถยื่นอุทธรณ์ได้

ทั้งนี้ เนื่องจากณัฐวุฒิเคยถูกคุมขังอยู่ 2 วัน ในระหว่างชั้นสอบสวนที่สถานีตำรวจ จึงนำมาเป็นส่วนลดค่าปรับได้ 1,000 บาท ทำให้ต้องเสียค่าปรับตามคำพิพากษาทั้งหมด 5,000 บาท

หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้ว “ณัฐวุฒิ” เปิดเผยว่ารู้สึกโล่งใจที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง และรู้สึกว่าดีใจที่ศาลรับฟังและตัดสินอย่างยุติธรรม คำตัดสินวันนี้สามารถเรียกความรู้สึกเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมกลับมาได้

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศาลให้ประกัน! “ณัฐวุฒิ” ชายราดน้ำมันเตรียมเผาทำเนียบ ประท้วงนายกฯ เหตุพ่อติดโควิดแต่หาเตียงไม่ได้
X