นักกิจกรรม Korat Movement ถูกติดตาม-กดดันครอบครัว หลังถูกสกัดห้ามชูป้าย “คน = คน” ระหว่างขบวนเสด็จพระเทพฯ

นักกิจกรรมกลุ่ม Korat Movement ถูกตำรวจปิดกั้นการทำกิจกรรมชูป้ายข้อความระหว่างมีขบวนเสด็จพระเทพฯ ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ จ.นครราชสีมา ช่วงกลางเดือน ต.ค. และต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งการพยายามยึดป้าย บังป้าย ผลักดันให้ออกจากริมทาง จนถึงพยายามควบคุมตัว ภายหลังกิจกรรมตำรวจยังติดตาม ดำเนินคดีในความผิดเล็กน้อย และคุกคามโดยการกดดันครอบครัว คาดสร้างความหวาดกลัว กังวล หวังให้หยุดเคลื่อนไหว

.

สกัดหนัก 4 นักกิจกรรม-เยาวชน ชูป้าย “คน = คน” ระหว่างขบวนเสด็จ – ติดตามจับตาอีกหลาย ชม.

9 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. นักกิจกรรมกลุ่ม Korat Movement 4 ราย ทำกิจกรรมชูป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” “คน = คน” ที่ฟุตบาทหน้า ร.ร.บุญวัฒนา ซึ่งพระเทพฯ เสด็จมาเปิดอาคาร ตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายได้เข้าล้อมและบอกให้ยุติกิจกรรม พร้อมทั้งพยายามควบคุมตัว “ฟ้า” (นามสมมติ) หนึ่งในนักกิจกรรมที่ชูป้ายไป สภ.เมืองนครราชสีมา แต่เพื่อนช่วยกันมาดึงไม่ให้ไปกับตำรวจ ระหว่างนั้นขบวนเสด็จได้กลับออกจาก ร.ร.บุญวัฒนา นักกิจกรรมนำป้ายมาชูอีก ตำรวจจึงทั้งดึงทั้งผลักดันให้กลุ่มนักกิจกรรมออกจากริมถนนเข้าไปใต้อาคาร และพยายามแย่งป้ายจนนักกิจกรรมล้มลง 

ไนท์ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี หนึ่งในผู้ทำกิจกรรมเล่าถึงเหตุการณ์ว่า ก่อนขบวนเสด็จผ่านตำรวจได้เดินมาถามตนว่า เป็นคนไทยรึเปล่า และขอดูบัตรประชาชน ไนท์ได้ยื่นบัตรประชาชนให้ตำรวจดู แต่ตำรวจได้ดึงบัตรประชาชนไปจากมือของเธอ พร้อมกับถ่ายรูปบัตรโดยไม่ได้ขออนุญาต แม้ว่าไนท์จะบอกว่าห้ามถ่าย

เธอยังเล่าอีกว่า ในระหว่างที่ขบวนเสด็จกำลังผ่านและเธอกำลังถือป้ายอยู่ ตำรวจหลายนายได้บีบล้อมเข้ามาเพื่อบังป้ายจนไนท์ล้มหงายหลังหัวฟาดพื้น เพื่อนอีกคนก็ล้ม ขณะเดียวกันตำรวจก็พยายามมาดึงป้ายผ้าและป้ายกระดาษไปจากมือ

นักกิจกรรมถูกผลักดันเพื่อบังป้ายจนล้มกระแทกพื้น (ภาพจากไลฟ์ในเพจ Korat Movement)

ด้านปอน (นามสมมุติ) เยาวชนวัย 15 ปี อีกราย ซึ่งไลฟ์สดรายงานสถานการณ์การชูป้ายและการปิดกั้นของตำรวจเล่าว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามเอาหน้าอกมาดันเธอเพื่อไม่ให้สามารถถ่ายไลฟ์ได้ จนเธอต้องถอยหลังไปติดกับรถ ตำรวจยังพยายามยืนล้อมเพื่อน 3 คน เพื่อกันไม่ให้ปอนสามารถไลฟ์ได้ แต่ปอนก็ยังพยายามไลฟ์ให้เห็นเพื่อน จนเมื่อเหตุการณ์เริ่มชุลมุนขณะขบวนเสด็จผ่าน และเธอพยายามเข้าไปถ่ายขณะตำรวจแย่งป้าย และเพื่อนถูกล้อม ตำรวจก็เอามือมาบังกล้องก่อนที่จะมีมือเจ้าหน้าที่ฟาดมาที่หูของเธอ

ฟ้าเล่าเพิ่มเติมอีกว่า ขณะที่ทำกิจกรรมกันอยู่ ชุดสืบนายหนึ่งพยายามจะควบคุมเขาไป สภ.เมืองนครราชสีมา อ้างว่า ไปคุยกับผู้กำกับ และมีตำรวจอีกหลายนายมายืนล้อมตนไว้ แต่เขาตอบตำรวจว่า จะไม่ไปไหน ต่อมาเมื่อขบวนเสด็จผ่านและเกิดเหตุชุลมุน ตำรวจได้กระชากแขนเขาและบีบอย่างแรงทั้งสองข้าง

หลังยุติกิจกรรมและขับรถออกจากบริเวณนั้น ฟ้าสังเกตว่ามีรถตำรวจขับตามอยู่ตลอด จากนั้นตำรวจก็เรียกและถามหาคู่มือรถมอเตอร์ไซค์คันที่ปอนและไนท์ขับมา รวมถึงถามหาใบขับขี่และหมวกกันน็อค  ปอนบอกว่า คู่มือรถอยู่บ้าน ไม่ได้พกมา และไม่มีใบขับขี่ ตำรวจจึงให้ไปเสียค่าปรับที่ สภ.เมืองนครราชสีมา โดยไม่ยอมออกใบสั่ง ตำรวจยังขอดู พ.ร.บ.รถ ปอนแจ้งว่า รถคันนี้เป็นของแม่และต่อ พ.ร.บ.เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นภาพให้ดู ตำรวจให้ไปเอาตัวจริงมายืนยัน แต่เมื่อปอนบอกว่า จะกลับไปบ้านไปเอา พ.ร.บ.รถ มายืนยัน ตำรวจก็ไม่ให้เธอกลับ อ้างว่าถ้าไม่ไปเสียค่าปรับที่ สภ.เมืองฯ จะยึดรถ

ภาพในกระจกมองหลังเห็นนอกเครื่องแบบที่ยังขับรถติดตามหลังกิจกรรมยุติแล้ว

สุดท้าย นักกิจกรรม Korat Movement ทั้งสี่ต้องยอมไปที่ สภ.เมืองฯ ขณะรอตำรวจเปรียบเทียบปรับ ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปปอนโดยจ่อเข้าไปที่ใบหน้า จนผู้สังเกตการณ์ทักท้วงและขอให้ลบรูป แต่เจ้าหน้าที่กลับเมินเฉยพร้อมกับพูดว่า “พวกคุณก็ถ่ายผมเหมือนกัน” แต่ผู้สังเกตการณ์ยืนยันให้ลบรูป เนื่องจากปอนยังเป็นเยาวชน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ตำรวจนายนั้นจึงยอมลบรูป โดยผู้สังเกตการณ์ย้ำให้ตำรวจลบรูปออกจากถังขยะด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรูปของปอนหลงเหลืออยู่ในโทรศัพท์ของตำรวจ

ในวันดังกล่าวนักกิจกรรมทั้งสี่ได้กลับออกจาก สภ.เมืองนครราชสีมา หลังเวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วโมง  

นอกจากการปิดกั้นการแสดงออกและติดตามนักกิจกรรมทั้งสี่นี้แล้ว วันเดียวกันตำรวจนอกเครื่องแบบ 7-8 นาย ยังได้ติดตามเฝ้า “บุ๊ค” วรัญญู คงสถิตธรรม และ “เตอร์” มกรพงษ์ ทรัพย์ประเสริฐ ซึ่งมีนัดสืบพยานที่ศาลแขวงนครราชสีมาในคดีคาร์ม็อบโคราช โดยตำรวจให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่มาเฝ้าว่า กลัวว่าทั้งสองคนจะไปทำกิจกรรม เนื่องจากมีขบวนเสด็จพระเทพฯ ในวันนั้น

.

กดดันผ่านครอบครัว สร้างความกลัวหวังให้หยุดเคลื่อนไหว

หลังกิจกรรมชูป้าย ฟ้าเปิดเผยว่า มีตำรวจไปหาแม่ถึงที่ทำงาน และเอารูปที่เขาชูป้ายให้แม่ดู ทั้งยังใส่ความว่า เขาด่าพระเทพฯ ด้วยคำหยาบคาย ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้น ทำให้แม่มาต่อว่าเขา ก่อนหน้านั้น 1 วัน ก็มีทหารไปหาแม่ ฟ้าคาดว่าน่าจะเป็นครู รด. เพราะตอนมัธยมเขาเรียน รด. และเคยถูกเรียกไปเตือนหลายครั้งเรื่องทำกิจกรรมทางการเมือง

ไนท์เป็นอีกคนที่ถูกคุกคามโดยการกดดันไปทางครอบครัว ไนท์เล่าว่า ตำรวจโทรไปหาพ่อของเธอบอกว่า “ช่วยบอกลูกอย่าทำกิจกรรมได้ไหม” แต่พ่อเข้าใจเธอ ตำรวจจึงเปลี่ยนไปส่งข้อมูลการทำกิจกรรมของไนท์ให้อา แล้วอาก็ส่งต่อเข้าไปที่กรุ๊ปไลน์ของครอบครัว ซึ่งทำให้ไนท์เป็นกังวลว่า จะทำให้ปู่เป็นห่วงเธอ

.

ถูกกักตัวริมทางกว่าครึ่งชั่วโมง หลัง 3 นักกิจกรรมชูป้ายตั้งคำถามเชิงสัญลักษณ์ จบลงที่ปรับไม่พกบัตรประชาชน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 กลุ่ม Korat Movement 3 คน ที่ไปทำกิจกรรมชูป้ายข้อความว่า “ไปไหนมาไหนก็เป็นภาระ” ริมถนนบริเวณสามแยกปักธงชัย ขณะขบวนเสด็จพระเทพฯ ผ่านในเวลาประมาณ 20.00 น. ก็เจอเหตุการณ์ปิดกั้นการแสดงออกและควบคุมตัวในลักษณะเดียวกัน โดยตำรวจในเครื่องแบบ 2 นาย  พยายามบังและแย่งป้ายกระดาษดังกล่าวเพื่อไม่ให้ขบวนเสด็จเห็นข้อความ

ภาพจากเพจ Korat Movement

บุ๊คเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า “หลังจากขบวนเสด็จผ่านไปแล้วก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 18-20 นาย มาล้อมเราทั้งสามคนไว้ พยายามจะยึดป้ายกระดาษ นุดา (นามสมมุติ) ซึ่งกำลังไลฟ์สดเหตุการณ์ก็ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามที่จะบังกล้องไว้ ทั้งยังเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูป โดยจ่อเข้าไปใกล้ใบหน้าของนุดา” 

ไม่เพียงเท่านั้น ตำรวจนายนั้นถามนุดาว่า “ถูกถ่ายเองแบบนี้รู้สึกอย่างไร และการถ่ายตำรวจแบบนี้มันอาจจะผิดกฎหมายถ้ามีคนมีคอมเมนท์ให้ตำรวจเสียหาย”  แต่บุ๊กและนุดาแย้งว่า ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและพวกตนบันทึกภาพไว้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ 

ตำรวจนอกเครื่องแบบซึ่งเป็นชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ยังขอตรวจบัตรประชาชนของทั้งสามคน บุ๊คบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าให้ดูได้แต่ห้ามถ่ายรูปหรือจดข้อมูลส่วนตัว แต่กลับถูกตำรวจละเมิดสิทธิโดยการถ่ายรูปบัตรประชาชนทั้งของบุ๊คและนุดา ส่วนเบล (นามสมมติ) ไม่ได้พกบัตรประชาชนไปด้วย ตำรวจจึงบอกว่า ต้องพาไปปรับที่ สภ.โพธิ์กลาง ข้อหาไม่แสดงบัตรประชาชน  

ตำรวจถ่ายรูปบัตรประชาชนนักกิจกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต (ภาพจากไลฟ์ในเพจ Korat Movement)

ทั้งสามคนถูกควบคุมตัวไว้ที่ริมถนนกว่าครึ่งชั่วโมง แม้ว่าพวกเขาจะยืนยันว่า จะไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจและกลับบ้านแล้ว เพราะหิวข้าว จนเป็นเหตุให้บุ๊คถามตำรวจว่า “นี่เป็นการกักตัวใช่ไหมครับ” แต่ตำรวจตอบว่า ไม่ใช่ แค่อยากให้รอผู้กำกับมาพบ จนกระทั่งผู้กำกับมาถึง ซึ่งก็ยังไม่ให้บุ๊คและนุดากลับ อ้างว่าพูดคุยสอบถามก่อน จากนั้นตำรวจขับมอเตอร์ไซค์พาเบลไปที่สถานีตำรวจเพื่อเสียค่าปรับ โดยบุ๊คและนุดานั่งด้านหลังรถกระบะตำรวจติดตามไปดูแล

บุ๊คเล่าเพิ่มเติมว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวผู้กำกับและสารวัตรสืบสวนพยายามถามเขาว่า ข้อความในป้ายมีความหมายอย่างไร ซึ่งเขายืนยันว่าเป็นการตั้งคำถามเชิงสัญลักษณ์กับสังคมเท่านั้น มีความหมายอย่างไรแล้วแต่การตีความของสังคม ตนเป็นนักกิจกรรมมีหน้าที่ถ่ายทอด สื่อสาร และยืนยันสิทธิในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ ช่วงหนึ่งของการพูดคุยสารวัตรสืบได้กล่าวกับพวกเขาว่า “เป็นคนไทยเกิดมาต้องจงรักภักดี พี่เกิดมาก็ยกมือท่วมหัว” 

ทั้งสามคนยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อไปถึง สภ.โพธิ์กลาง ตำรวจไม่ได้ขับรถพาบุ๊คกับนาดาไปอาคารด้านหน้าที่ร้อยเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่กลับพาไปห้องสืบสวนที่อยู่อาคารข้างหลัง บุ๊คจึงทักท้วงขึ้นว่า “ทำไมมาตรงนี้” ตำรวจจึงขับวนไปจอดด้านหน้า เช่นเดียวกับเบลที่ตำรวจพาไปห้องสืบสวนก่อนจะพามาพบร้อยเวร โดยร้อยเวรเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 100 บาท แล้วปล่อยตัวกลับ

บุ๊ค, นุดา และเบลเปิดเผยถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์และสภาวะที่ถูกล้อมไว้ในคืนนั้นว่า รู้สึกประหลาดใจกับอภินิหารของกฎหมาย และรู้สึกถึงความน่ากลัวของผู้บังคับใช้กฎหมายมาก เพราะตำรวจได้เสกข้อกฎหมายที่ไม่แน่ใจว่ามันมีจริงๆ หรือไม่ เช่น ตอนแรกก็บอกว่าเราไม่สามารถทำแบบนี้ ได้แต่พอเราบอกไปว่านั่นคือกฎของตำรวจ ไม่ใช่ของประชาชน ตำรวจก็เริ่มหาข้อกฎหมายใหม่มาอีกบอกว่าไลฟ์ให้เห็นตำรวจไม่ได้ ซึ่งถ้าพวกเขาไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายมาอาจจะถูกยัดข้อหาอะไรบ้างก็ไม่รู้

.

การคุกคามและปิดกั้นการแสดงออก ทั้งก่อนและในวันที่มีขบวนเสด็จของพระเทพฯ มาที่ จ.นครราชสีมา เกิดขึ้นกับนักกิจกรรม Korat Movement มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าพวกเขาเพียงยืนยันที่จะใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองเท่านั้น

ทั้งนี้ กลุ่ม Korat Movement ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 เพื่อเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคมการเมืองทั้งในระดับประเทศ และในจังหวัด ทั้งการเรียกร้องประชาธิปไตย การปฏิรูปการศึกษา นำเสนอปัญหาความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมในโคราช

.

อ่านข่าวการคุกคามก่อนหน้านี้

จับ-ปรับ กลุ่ม Korat Movement 1 หมื่นบาท เหตุไปที่ มทร.อีสาน ขณะพระเทพฯ เสด็จ ตัวแทนระบุ ‘เพียงแค่อยากไปดูงานรับปริญญา’

ตร.ล้อมบ้านนักกิจกรรม Korat Movement ทั้งคืนทั้งวันก่อนพระเทพฯ เสด็จ ทั้งไปสั่งแม่ห้ามนักกิจกรรมออกจากบ้าน อ้างกลัวก่อเหตุเผาซุ้ม-ทำลายขบวนเสด็จ

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ช่วง ก.ย. – ต.ค. 65 ยอดผู้ถูกคุกคามทะยานสูงถึง 56 ราย รวมเยาวชน เหตุบุคคลสำคัญลงพื้นที่ยังเป็นปัจจัยหลัก

X