มาให้ลำบากคนอื่นทำไม ? นักกิจกรรมอุบลฯ ตะโกนคำถามคาใจ ก่อนถูก ตร.ล็อคคอ-ปิดปาก อีกหลายคนถูกคุกคาม

4 ต.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ขอนแก่น และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งไม่แตกต่างจากทุกครั้งที่มีบุคคลระดับประเทศไปเยือนพื้นที่นั้นๆ ทั้งภาพที่ข้าราชการและประชาชนถูกจัดวางให้ออกมาคอยต้อนรับบุคคลสำคัญเหล่านั้น แต่กับประชาชนที่ต้องการไปแสดงออกว่า ไม่ยินดีต้อนรับ กลับถูกกีดกัน ข่มขู่ และคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ

หนำซ้ำประชาชนบางส่วนที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ กับการมาของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับต้องถูกติดตามและเค้นถามถึงที่อยู่ในลักษณะรบกวนจิตใจ เพียงเพราะพวกเขาและเธอถูกมองเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐ 

.

ตำรวจไปพบที่บ้านก่อนหน้า 2 วัน ก่อนถูกปิดปากปิดจมูกหลังตะโกนคำถามคาใจ

“มาให้ลำบากคนอื่นทำไม” ? เป็นประโยคคำถามจากประชาชนส่วนหนึ่งในอุบลราชธานี ที่กำลังประสบภาวะอุทกภัย แล้วยังต้องมาพบการปิดถนนบางจุดของเมือง การตั้งด่านตรวจค้นเกินความจำเป็น และเจ้าหน้าที่รัฐต่างทุ่มกำลังเพื่อมาคอยอำนวยความสะดวกผู้นำ 

“ออฟ” วิศรุต สวัสดิ์วร สมาชิกพรรคก้าวไกลและนักกิจกรรม เล่าว่า ตั้งแต่ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ มีตำรวจมาหาที่บ้านอยู่ 2 ครั้ง ระหว่างวันที่ 2-3 ต.ค. 2565 วันละ 2 รอบ แต่ไม่พบตัวออฟ จนวันที่ 4 ต.ค. ถึงได้เจอกับออฟขณะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล ตำรวจที่มาจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ ตามไปเจอออฟที่โรงพยาบาล ก่อนจะขอถ่ายภาพด้วย  

หลังจากนั้นตำรวจถามว่า ออฟจะไปต้อนรับนายกฯ หรือไม่ ออฟถามกลับไปว่า คงจะไม่ได้ห้ามใช่ไหม ตำรวจตอบว่าคงห้ามไม่ได้ ออฟจึงตอบว่าจะไป 

จากนั้นช่วง 12.30 น. ออฟนั่งรถโดยสารไปที่สะพานข้ามแม่น้ำมูล และนั่งรถจีเอ็มซีข้ามไปฝั่ง อ.วารินชำราบ เพื่อคอยดูเหตุการณ์ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาถึง เมื่อไปถึงวงเวียนน้ำพุ ราว 13.00 น. บริเวณนั้นยังมีประชาชนคนอื่นมารอดู พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน 

หญิงสูงวัยคนหนึ่งยืนถือกระดาษขนาด A4 เขียนข้อความ “รักไม่ใช่ดวงดาวที่พราวแสง ลุงตู่มีความเป็นผู้นำ นำความ…หาย” ไม่นานตำรวจหลายนายเข้ามายึดกระดาษ ส่วนออฟ ตำรวจได้ขอตรวจบัตรประชาชน และค้นตัว พบเพียงกระดาษเปล่าก็ยึดไป 

ผ่านไปราว 10 นาที มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลฯ และประชาชนมาที่บริเวณนั้นเพิ่มอีกรวมแล้วเกือบ 10 คน ตำรวจก็พยายามเข้าตรวจสอบและค้นตัวเช่นกัน ออฟได้ยินเสียงตำรวจสั่งการในลักษณะตะคอก แถมมีการข่มขู่ว่า ถ้าใครไลฟ์สดหรือถ่ายรูปติดหน้าตำรวจจะจับและฟ้องด้วย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่แล้วณัฐ นักกิจกรรมอีกราย ก็เริ่มไลฟ์สดรายงานสถานการณ์ ก่อนออฟได้ยินเสียงตำรวจตะคอกอีกครั้ง เขาจึงเดินเข้าไปบอกตำรวจว่า ไม่ควรจำกัดสิทธิประชาชน

อีกราว 10 นาที ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะมา นายตำรวจหัวหน้าชุดเดินมาสั่งประชาชนที่มาเฝ้าดูอยู่ที่บริเวณนั้นอีกว่า ให้นั่งเฉยๆ ห้ามลุก ห้ามชูป้ายหรือส่งเสียงใดๆ ถ้าใครขยับจะจับให้หมด ก่อนจะสั่งให้ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) มายืนบังประชาชนกลุ่มดังกล่าวไว้ นำรถตู้มาจอดขวาง พร้อมทั้งเตรียมร่ม เตรียมกระดาษขาว มาใช้บังหากใครจะแสดงสัญลักษณ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางผ่าน  

ประชาชนที่ถูก ตร.สั่งให้นั่งเฉยๆ ห้ามแสดงออก แคปจากไลฟ์สดของณัฐที่ลบไปแล้ว

จน 15.00 น. ออฟชำเลืองเห็นรถที่มี พล.อ.ประยุทธ์ กำลังผ่าน เมื่อได้สบตากับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตะโกนไปว่า “มาให้ลำบากคนอื่นทำไม” ทันใดนั้นตำรวจนายหนึ่งรีบวิ่งมาล็อคแขนออฟไม่ให้ชูสามนิ้ว อีกนายเข้าล็อคคอและใช้มือปิดทั้งปากทั้งจมูกเพื่อไม่ให้ตะโกนอะไรอีก ก่อนพยายามกดตัวลง ออฟยินยอมให้ทำเพราะคาดว่าหากขัดขืนอาจจะเจ็บตัวได้ ก่อนบอกให้ตำรวจปล่อยตัวได้แล้ว หลังรถ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านไป   

คลิปเหตุการณ์ขณะออฟตะโกนถาม พล.อ.ประยุทธ์ จากเพจ คณะอุบลปลดแอก

จังหวะที่ออฟถูกรวบตัว เขาสังเกตเห็นว่า มีอีกคนถูกตำรวจ 2 นาย กดตัวลงกับพื้น ทราบภายหลังว่าเป็นต้าร์ (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลฯ ที่พยายามชู 3 นิ้ว และตะโกนไล่ประยุทธ์ ขณะที่นายตำรวจก็ยังสั่งคนอื่นๆ ไม่ให้แสดงสัญลักษณ์ใดๆ 

หลังจังหวะชุลมุน ออฟเริ่มพูดต่อว่าพฤติกรรมการใช้อำนาจของตำรวจ ระหว่างนั้นณัฐก็ยังไลฟ์สดอยู่ตลอด ตำรวจจึงขอดูบัตรประชาชน และพยายามยึดโทรศัพท์ของณัฐ ทั้งขู่ว่า ให้ คฝ.มาควบคุมตัวขึ้นรถ ก่อนให้ณัฐลบคลิปดังกล่าว ออฟคาดว่าตำรวจพยายามถ่วงเวลาเพื่อคุมตัวคนกลุ่มนี้ไว้จนกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางกลับ

จนออฟที่เดินกลับออกมาก่อน แต่ก็มีตำรวจ 3 นาย ตามมาด้วย เมื่อเขาขึ้นรถจีเอ็มซีกลับไปถึงฝั่ง อ.เมือง ก็มีตำรวจรอรับอีก บอกเขาว่า จะไปส่งที่บ้าน ออฟจึงให้ไปส่งที่ร้านกาแฟข้างบ้าน เนื่องจากออฟไม่อยากให้ตำรวจเข้าบ้าน

“มันกดประชาชนเกินไป จนไม่มีใครกล้าออกมา อยากให้เขารับรู้ว่าคุณทำให้คนอื่นลำบากมาก การมาของนายกฯ แต่ละครั้ง รู้สึกคนอุบลฯ จะเสียประโยชน์มากกว่า กำลังของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเอามาทุ่มเทสำหรับการต้อนรับนายกฯ จนเกินจำเป็น”

“ประยุทธ์มาตั้งแต่ 2562-2565 ไม่มีอะไรดีขึ้น ยังมาละเมิดสิทธิประชาชนและการตั้งด่านรอบเมืองเพื่อคัดกรองผู้คน ทำให้รถติดหนักไปอีก ยิ่งในช่วงวิกฤตที่น้ำกำลังขึ้น ชาวบ้านต้องการกำลังจากเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือมากกว่า ตอนแรกผมเองก็ไม่คิดอยากจะมา แต่ทนไม่ได้ที่เห็นสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในบ้านตัวเอง” ออฟสะท้อนความรู้สึก  

.

ขู่คนไลฟ์สดด้วย PDPA – สั่งลบคลิปเหตุการณ์

“ณัฐ” ณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) สมาชิกคณะอุบลปลดแอกที่เดินทางไปจุดเดียวกับออฟอีกรายเล่าเหตุการณ์การถูกคุกคามที่เกิดขึ้นกับเขาว่า หลังทำงานไรเดอร์ในช่วงพักเที่ยงเสร็จ เขาเดินทางไปที่ อ.วารินชำราบ ในจุดที่นัดหมายกับกลุ่มเพื่อดูสถานการณ์ 

เมื่อไปถึงณัฐได้ทำการไลฟ์สด ตำรวจก็ข่มขู่ว่า หากเห็นหน้าตำรวจจะแจ้งข้อหาตามกฎหมาย PDPA (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ณัฐเลยบอกว่า เขาจะถ่ายกลุ่มประชาชนที่มารอดูประยุทธ์ด้วยกัน ถ้าติดตำรวจบ้างก็ไม่ได้ตั้งใจ เพราะตำรวจเองที่เดินไปเดินมา ตำรวจจึงเดินมาขู่เป็นระยะๆ ณัฐยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายตำรวจเลย และบอกให้ตำรวจเดินให้ห่างจากกล้องของตน 

จนกระทั่งรถของ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่าน ตำรวจราว 10-20 นาย ตั้งแถวกั้นกลุ่มประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น จังหวะนั้น ต้าร์ นักศึกษาคนหนึ่ง ตะโกนขึ้นว่า “ประยุทธ์ออกไป” พร้อมกับชู 3 นิ้ว ทำให้ตำรวจเข้าล็อคแขนและกดตัวลงกับพื้น พร้อมกับมีตำรวจอีกนายกางร่มออกเพื่อกั้นไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายทอดผ่านการไลฟ์สดของณัฐ เป็นขณะเดียวกับที่ออฟซึ่งตะโกน “มาให้ลำบากคนอื่นทำไม” และชู 3 นิ้ว ถูกล็อคตัวเหมือนกัน

ภาพขณะต้าร์ถูกล็อคแขนกดตัวลง แคปจากไลฟ์สดของณัฐที่ลบไปแล้ว

หลังรถ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านไปแล้ว และตำรวจปล่อยตัวออฟและณัฐ นายตำรวจได้บอกให้ณัฐหยุดไลฟ์ พร้อมทั้งขอดูบัตรประชาชนณัฐและถ่ายภาพบัตรประชาชนไป ก่อนพยายามจะยึดโทรศัพท์ไปตรวจสอบ โดยณัฐปฏิเสธ และต่อรองว่า ขอไลฟ์สดอย่างเดียว ไม่เอาคลิปไปโพสต์ แต่ตำรวจยืนยันให้หยุดไลฟ์และลบคลิปเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่งั้นจะใช้กำลัง คฝ.เข้าจับกุม

เมื่อเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยณัฐจึงยอมลบคลิปดังกล่าว และเตรียมขับรถกลับ ตำรวจตามมาถามอีกว่าจะไปไหน จะกลับบ้านแน่ใช่ไหม ณัฐยืนยันว่า จะกลับ ก่อนขับรถออกมา

.

ถูกประกบตลอดวัน แม้ยืนยันว่าไม่ทำกิจกรรม เหตุมีอาการไม่สบาย

“แชมป์” ฉัตรชัย แก้วคำปอด ทนายความและนักกิจกรรม เล่าว่า ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะมา 2 วัน มีตำรวจสันติบาลโทรศัพท์มาหาเขา พูดในเชิงว่าไม่อยากให้ออกไปทำกิจกรรม พร้อมกับถามหาเค้ก (นามสมมติ) นักกิจกรรมที่เคยไปเทอาหารหมาให้ คฝ. เมื่อปี 2564 

วันเดียวกันปลัดอำเภอเดชอุดมก็โทรมาสอบถามด้วยว่า อยู่ที่ไหนและจะไปทำกิจกรรมหรือไม่ ทุกครั้งที่ถูกถามแชมป์จะตอบว่า คงไม่ได้ไป เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกไม่ค่อยสบาย กระทั่งวันที่ 3 ต.ค. 2565 ก็ยังมีตำรวจสันติบาลโทรมาติดตามว่าอยู่ที่ไหน แชมป์จึงยืนยันว่า คงไปไม่ได้เพราะมีนัดไปพบแพทย์ 

กระทั่งประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 4 ต.ค. ตำรวจ 2 นาย จึงมาพบแชมป์ที่ร้าน หลังจากกินข้าวด้วยกันแล้วแชมป์ก็ขอตัวไปพักผ่อนเพื่อเตรียมไปพบแพทย์ แต่ตำรวจก็ยังติดตามไปด้วย จนสุดท้ายช่วง 14.00 น. แชมป์ทราบเรื่องที่นักกิจกรรมถูกตำรวจคุกคามที่ อ.วารินชำราบ ในฐานะทนายความจึงรีบติดตามไปพื้นที่ดังกล่าว โดยมีตำรวจทั้งสองนายนั่งรถไปด้วย 

เมื่อขับเข้าเขตวารินชำราบและผ่านด่านตรวจ ตำรวจขอตรวจค้นรถและพูดจาในลักษณะยื้อไม่ให้แชมป์ได้เดินทางในทันทีอยู่ถึง 10 สิบนาที จึงปล่อยให้เขาออกจากด่านตรวจ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว อย่างไรก็ตาม ขากลับแชมป์ก็ยังต้องขับรถมาส่งตำรวจ เนื่องจากตำรวจ 2 นายนั้น จอดรถไว้แถวบ้านแชมป์ 

.

อีกหลายคนถูกโทรหา ติดตามถึงบ้าน เฝ้าหน้าหอพัก ประชาชนทั่วไปยังถูกห้ามใส่เสื้อแดง

นอกจากนี้ ยังมีนักกิจกรรมและผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง ที่ต่างถูกติดตามเพื่อตรวจสอบพิกัดแม้กระทั่งสอบถามว่าจะทำกิจกรรมอะไรหรือไม่ แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเว้นจากการทำกิจกรรมทางการเมืองมาพักใหญ่แล้ว 

ปรีดี พันทิวา ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบอุบลฯ ให้ข้อมูลว่า ตำรวจพยายามติดต่อเขาหลายครั้งเพื่อสอบถามว่าจะทำกิจกรรมอะไรหรือไม่ในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ ด้านเชษฐวิทย์ ณรงค์ดิษย์ อีกผู้ถูกดำเนินคดีคาร์ม็อบก็ให้ข้อมูลว่า ถูกตำรวจติดตามมาหาถึงบ้านในช่วงก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมา 

ขณะที่ “ฟลุค” กิตติพล (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดี 112 จากการชูป้ายในคาร์ม็อบ ก็มีตำรวจโทรมาสอบถามว่าเขาอยู่ที่อุบลฯ หรือไม่ 

ส่วน “เค้ก” สุรีพร (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกดำเนินคดีจากการเทอาหารให้ คฝ. ตอนที่ประยุทธ์มาอุบลฯ เมื่อปี 2564 ให้ข้อมูลว่า ในวันที่ประยุทธ์มาอุบลฯ แม่ของเธอเล่าว่า ราวบ่ายโมงมีตำรวจมาที่บ้าน ถ่ายรูป สอบถามเบอร์โทรศัพท์ของเค้ก และถามวนไปวนมาว่า เค้กได้กลับมาบ้านหรือไม่ โดยก่อนจะถึงบ้าน ตำรวจเอารูปเค้กไปถามกับคนในละแวกบ้านมาหมดแล้วด้วย 

และที่หอที่เค้กพักอยู่ก็มีชายแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบมายืนเฝ้าอยู่แถวหน้าหอพักตั้งแต่เที่ยง ก่อนจะขับรถวนเวียนเพื่อตรวจสอบดูว่าเค้กจะออกเดินทางไปไหนหรือไม่ ซึ่งสร้างความรบกวนจิตใจให้เค้กอย่างมาก 

ไม่เพียงคนที่เคยทำกิจกรรมที่ถูกคุกคาม มีข้อมูลว่า ประชาชนทั่วไปที่บังเอิญใส่เสื้อสีแดงขี่รถเข้าเมืองเพื่อทำธุระ ก็ถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกให้จอดรถ ถ่ายรูป ถามว่า รู้มั้ย นายกฯ มา เขาห้ามใส่เสื้อสีแดง จนประชาชนคนดังกล่าวต้องเปลี่ยนเสื้อสีแดงออก

.

เป็นอีกครั้งที่การลงพื้นที่ จ.อุบลฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างความยากลำบากให้ประชาชนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะการรบกวนชีวิตปกติสุข อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ควรจะได้รับ หากมองในแง่ปรากฏการณ์ ทั้งการไปติดตามหาถึงบ้านคอยเช็คพิกัด กระทั่งตามติดทุกอิริยาบถไม่ว่าจะไปที่ไหน นับเป็นการคุกคามที่เป็นลักษณะนอกกฎหมาย 

มากกว่านั้นในนามของรัฐและการใช้กฎหมาย คดีที่เกิดจากการแสดงออกของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะไปลงพื้นที่ก็ยังปรากฏอยู่ ทั้งคดีเทอาหารหมาใส่ คฝ. และคดีชูป้าย “I HERE ตู่” ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีผู้ที่ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมจากการแสดงออกในลักษณะเดียวกันนี้อีกหรือไม่

.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

หวั่นความไม่สงบ ขณะ ร.10 เสด็จอุบลฯ นักกิจกรรมถูกคุกคาม-จับกุม แม้ไม่มีใครประกาศเคลื่อนไหว 

เฝ้าถึงบ้าน-ขู่ถอนประกัน-กดดันครอบครัว นักกิจกรรมและประชาชนอุบลฯ ถูก จนท.คุกคามหนักก่อนประยุทธ์ลงพื้นที่

X