ช่วงระหว่างวันที่ 21 – 23 ต.ค. 2565 มีรายงานกรณีนักกิจกรรมอย่างน้อย 3 คน ถูกคุกคามและติดตามอย่างหนัก ทั้งเหตุบุคคลไม่ทราบฝ่ายลอบทำร้าย “เอีย” นักกิจกรรมเด็กวัย 13 ปี เหตุมือดีลอบดัดแปลงรถจักรยานยนต์ของ “พิมพ์” นักกิจกรรมอิสระวัย 22 ปี ด้วยการกระชากสายคลัตช์จนเป็นเหตุให้รถล้มได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทราบสังกัดติดตามคุกคามและข่มขู่ “นัท” นักกิจกรรมจากกลุ่ม “เยาวรุ่นทะลุเพดาน” ตั้งแต่ปากซอยบ้านถึงลานคนเมือง เหตุเนื่องจากจะมีการเสด็จไปลานพระบรมรูปทรงม้าของรัชกาลที่ 10 และราชินี เนื่องในวันปิยมหาราช
.
“พิมพ์” นักกิจกรรมอิสระถูกมือดีกระชากสายคลัตช์รถมอเตอร์ไซค์เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ คาดเกี่ยวข้องกับบทบาทการเป็นนักกิจกรรมการเมือง
“พิมพ์” เปิดเผยข้อมูลว่า สายคลัตช์รถจักรยานยนต์ของเธอถูกกระชากออกจนเกือบขาด เป็นเหตุให้พิมพ์กับเพื่อนอีกคน ประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2565 ช่วงเวลากลางดึก
พิมพ์เล่าว่าในวันดังกล่าวนัดทานข้าวกับเพื่อนๆ นักกิจกรรมที่ร้านแมคโดนัลด์ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งพิมพ์เดินทางไปด้วยรถจักรยานยนต์ และเมื่อไปถึงก็มีเจ้าหน้าที่ คฝ. มาบอกให้เข้าไปจอดรถในบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา โดยอ้างว่าเพื่อความเรียบร้อยในการดูแลและถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ
เมื่อเสร็จจากการทานอาหาร พิมพ์กับเพื่อนนักกิจกรรมคนหนึ่งคือ สายน้ำ ได้เข้าไปนำรถมอเตอร์ไซค์คันที่เกิดเหตุออกจากโรงเรียนสตรีวิทยา แล้วขับมุ่งหน้าไปทางสะพานซังฮี้เพราะมีนัดกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่ระหว่างที่ขับขี่รถอยู่นั้น สายน้ำที่เป็นคนขับก็สังเกตว่ารถมอเตอร์ไซต์ของพิมพ์มีอาการผิดปกติ คือมีอาการกระชาก เข้าเกียร์ไม่ได้ เป็นเหตุให้รถล้มและส่งผลให้สายน้ำมีแผลถลอกขนาดใหญ่ ส่วนพิมพ์มีอาการบาดเจ็บจากการที่หัวกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งพิมพ์ระบุว่าโชคดีที่ตอนนั้นตนเองสวมหมวกกันน็อกไว้
หลังประสบอุบัติเหตุ ได้ตรวจดูรถก่อนจะพบว่ามีความผิดปกติที่สายคลัตช์ ซึ่งมีรอยชำรุดที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานตามปกติ เพราะรอยดังกล่าวมีลักษณะคล้ายถูกกระชากอย่างแรงจนเกิดรอยขาดตรงบริเวณยางหุ้มสาย และความชำรุดนี้ได้ส่งผลให้ล้อรถล็อกและเกิดเป็นอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ สายน้ำได้เปิดเผยกับสำนักข่าวประชาไทว่า จากการตรวจสอบที่สายคลัตช์ดูเป็นรอยกระชากขาดบริเวณที่ยางหุ้มสาย มองว่าดูเหมือนรีบทำและมองว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ขาด เพราะถ้าสายคลัตช์ขาดแต่แรกจะทำให้รถมอเตอร์ไซค์จะสตาร์ทไม่ติด นอกจากนี้สายน้ำยังกล่าวด้วยว่า ได้ลองกลับไปถามเจ้าหน้าที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาว่ามีใครเข้ามาตรงที่มอเตอร์ไซค์ของพิมพ์จอดอยู่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นคนทำ
พิมพ์บอกเพิ่มเติมด้วยว่ารถคันที่เกิดเหตุนี้เป็นรถที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ได้ไม่นาน โดยเหตุที่เปลี่ยนก็เพราะรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพิมพ์เคยถูกตัดสายเบรคมาแล้วครั้งหนึ่ง คือเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้า คือราวเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่พิมพ์ได้ทำกิจกรรมการเมืองในประเด็นผู้ถูกบังคับสูญหาย โดยในครั้งนั้นก็ไม่อาจสืบทราบได้ว่าเป็นฝีมือของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด
อย่างไรก็ดี พิมพ์กล่าวว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความกังวลอยู่บ้าง เนื่องจากมองว่าอาจเกี่ยวข้องกับบทบาทการเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองของตน โดยพิมพ์เล่าว่านับแต่ทำกิจกรรมการเมืองมาก็ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามสอดแนมอยู่เสมอ และครั้งหนึ่งยังเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่แบบซึ่งหน้าด้วยว่า “ให้ระวังตัวไว้ เพราะกำลังจะยัดคดีหนักๆ ให้”
.
“เอีย” นักกิจกรรมวัย 13 ปี ถูกรุมทำร้ายกลางดึกจากกลุ่มชายไม่ทราบชื่อ-ที่มา
“เอีย” นักกิจกรรมเด็กวัย 13 ปี เปิดเผยว่าถูกกลุ่มชายไม่ทราบชื่อจำนวน 6 คน ข่มขู่และทำร้ายร่างกายระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์บริเวณพระราชวังจิตรลดาฯ เมื่อเวลาประมาณ 03:30 น. ของวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา
เอียเล่าว่าในวันและเวลาเกิดเหตุ เขากำลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับจากบ้านเพื่อน และระหว่างที่ติดไฟแดงอยู่ที่แยกราชวิถีก็สังเกตเห็นกลุ่มชาย 6 คน สวมใส่หมวกแก๊ป ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟ 110 และ 125 ซ้อนกันมาคันละ 3 คน มองมาที่ตนด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ เอียจึงตัดสินใจขับรถไปทางวังจิตรลดาฯ เพราะรู้ว่าที่ตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวังยืนรักษาการณ์อยู่
แต่กระนั้น ชายกลุ่มดังกล่าวก็ขับรถตามมาประกบและสั่งให้จอดรถ ซึ่งเมื่อจอดรถแล้ว ทั้งหมดก็เข้ามาประชิดตัวเอีย โดยชายคนหนึ่งใช้มีดขนาดยาวจ่อข่มขู่ แล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าพร้อมถามว่า “มึงเก่งหรอ” ซึ่งเอียกล่าวว่า ในตอนนั้นเขาถูกต่อยจนปากแตก และสังเกตเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีอาวุธปืนขนาดสั้นไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อพกติดตัวมาด้วย
เอียระบุด้วยว่าขณะที่กำลังถูกทำร้ายร่างกาย เขาเห็นว่าที่บริเวณวังจิตรลดาฯ มีเจ้าหน้าที่ที่คาดว่าเป็นตำรวจวังยืนรักษาการณ์อยู่ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครเข้ามาห้ามปรามเหตุการณ์หรือให้ความช่วยเหลือแก่เอียแต่อย่างใด
เวลาต่อมา เอียเดินทางไปแจ้งความกรณีถูกทำร้ายร่างกายที่ สน.ดุสิต ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่โดยมี ร.ต.อ. ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เป็นผู้รับแจ้งความ ซึ่งระบุว่าความคืบหน้าตอนนี้คือกำลังอยู่ในขั้นตอนติดต่อขอภาพกล้องวงจรปิดจาก กทม. เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิและคุกคามนักกิจกรรมทางการเมืองที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2565 พบว่าเอียเป็นนักกิจกรรมเยาวชนหนึ่งที่ถูกติดตามคุกคามอย่างหนัก โดยเอียมักถูกติดตามสอดแนมอยู่เสมอ เคยถูกควบคุมตัว ค้นกระเป๋า และพาไปลงบันทึกประจำวันโดยไม่มีเหตุอันควรขณะกำลังเดินทางไปร่วม #ม็อบ13มิถุนา65 รวมถึงเคยถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวน 5 – 7 คนเข้าควบคุมตัวไว้กว่า 2 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 ที่ห้างสยามพารากอน เหตุเพราะประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ห้างดังกล่าว
สำหรับเหตุการณ์นี้ เอียยอมรับว่าเหตุการณ์อาจจะยังไม่สามารถระบุตัวตนผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน แต่ก็อาจมองได้ว่าเกี่ยวเนื่องกับการที่ตนเป็นนักกิจกรรมการเมือง ทั้งนี้เพราะยืนยันได้ว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร
.
“นัท” นักกิจกรรมกลุ่ม “เยาวรุ่นทะลุเพดาน” ถูก เจ้าหน้าที่ นคบ. ไม่ทราบสังกัดตามคุกคามตั้งแต่ปากซอยบ้านถึงลานคนเมือง เหตุมีขบวนเสด็จของ ร.10 และราชินี เนื่องในวันปิยมหาราช
25 ต.ค. 2565 “นัท” นักกิจกรรมจากกลุ่ม “เยาวรุ่นทะลุเพดาน” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามคุกคามตั้งแต่ปากซอยบ้านจนถึงลานคนเมือง เหตุเพราะในวันดังกล่าวมีขบวนเสด็จของรัชกาลที่ 10 และราชินี เนื่องในวันปิยมหาราช
นัทเล่าว่าในวันที่ 23 ต.ค. 2565 เขามีแผนจะออกไปดูมวยที่ลานคนเมือง โดยจะแวะไปทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อน แต่เมื่อออกจากบ้านก็สังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาสอดแนมและตามถ่ายรูปตั้งแต่หน้าปากซอยบ้าน แต่เมื่อไปถึงที่ร้านก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาถามว่า “มึงมาทำไม” และสั่งให้นัทออกไปจากร้าน
นัทเล่าต่อว่า พอถูกไล่แล้วเขาตัดสินใจออกจากร้านแมคฯ และเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ห่างออกไป แต่กระนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ติดตามไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยว โดยไปถามคำถามเดิมซ้ำๆ ว่า “มึงมาทำไม มึงมาที่นี่ทำไม”
นัทจึงออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วก็เดินต่อไปยังลานคนเมืองเพื่อดูมวย ซึ่งเขากล่าวว่าตลอดเวลากำลังดูมวยนั้น ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมอยู่เสมอ
จากการถูกติดตามทำให้นัทตัดสินใจไม่ดูมวยและเดินออกจากลานคนเมืองเพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างทางกลับก็ปรากฏว่ายังคงมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวน 5 – 6 คน ขับขี่ติดตามมาพร้อมกับถ่ายรูปอีก ซึ่งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยทำให้นัทยกมือถือขึ้นเตรียมจะถ่ายรูปบรรดาเจ้าหน้าที่ดังกล่าวบ้าง ซึ่งก็ถูกเจ้าหน้าที่นายหนึ่งห้ามไว้พร้อมข่มขู่ว่าให้ระวังกฎหมาย PDPA เพราะถ่ายรูปติดหน้าคนอื่น
แต่ในขณะเดียวกันนัทรู้สึกว่าการกระทำของเจ้าหน้าก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมายเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจไลฟ์สดเพื่อแจ้งข่าวและรายงานสถานการณ์การถูกคุกคามของตนเองผ่านทางเฟซบุ๊กเพจทะลุแก๊ซ ซึ่งจากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าทางฝ่ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอ้างว่าพวกเขาไม่ได้ติดตามนัท หากพฤติกรรมกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม
.
.
นัทบอกว่าเขามักถูกเจ้าหน้าที่ติดตามสอดแนมพฤติกรรมอยู่เสมอ ทั้งจากตำรวจในกรุงเทพฯ และตำรวจในท้องที่จังหวัดบ้านเกิด เนื่องจากในช่วงปี 2564 นัทได้ออกไปร่วมการชุมนุมที่แยกดินแดงอยู่บ่อยครั้ง และถูกดำเนินคดีการเมืองอีกกว่า 21 คดี โดยเป็นข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เสียส่วนใหญ่ และสำหรับการถูกติดตามในครั้งนี้ นัทระบุว่าอาจเป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับขบวนเสด็จ เพราะเขาเพิ่งมาทราบในตอนหลังว่า เวลาประมาณ 17:00 น. ของวันที่ 23 ต.ค. 2565 จะมีขบวนเสด็จเนื่องในวันปิยมหาราช
.