4 ต.ค. 2565 เวลา 15.30 น. “ไนท์” ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ และ “อะตอม” ชานน อาจณรงค์ 2 นักกิจกรรมขอนแก่น พร้อมทนายความ เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด กรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย ระหว่างกลุ่มนักกิจกรรมเดินทางไปชูป้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งลงพื้นที่รับฟังรายงานการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดขอนแก่น
สืบเนื่องจากในวันเดียวกันนั้น เวลาประมาณ 09.30 น. ซึ่งตามกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปที่บริเวณบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น นักกิจกรรมในจังหวัดขอนแก่นจากหลากหลายกลุ่มรวมแล้วประมาณ 20 คน ได้เดินทางไปชูป้ายข้อความต่าง ๆ อย่าง “นายกฯ เถื่อน” “ประยุทธ์ออกไป” “หยุดโครงการผันน้ำ โขง เลย ชี มูล” ที่บริเวณซอยด้านข้างวัดศรีสะอาด โดยมีกำลังตำรวจหลายสิบนายพร้อมรถตู้ ตั้งแถวปิดกั้นทางเข้าประตูวัดด้านข้าง
หลังกลุ่มนักกิจกรรมซึ่งทั้งชูป้ายและตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นระยะ ๆ ขอให้ตำรวจเปิดทางให้นักกิจกรรมไปพบประยุทธ์ และให้ประชาชนละแวกนั้นได้สัญจรไปทำธุระ แต่ตำรวจไม่มีการเจรจาหรือให้คำตอบใด ๆ กลับเสริมกำลังพร้อมโล่เข้ามาอีก ทำให้มีการผลักดันกันเป็นเวลาสั้น ๆ ในที่สุดกลุ่มนักกิจกรรมจึงตัดสินใจเปลี่ยนทางไปเข้าประตูวัดอีกด้าน ก่อนพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากจุดนี้ไปแล้ว และเจ้าหน้าที่หน่วยต่าง ๆ กำลังเก็บของ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มนักกิจกรรมจะพากันเดินออกจากวัด กลับถูกกำลังตำรวจคล้องแขนกันตั้งแถวปิดกั้นทางออกพร้อมทั้งปิดประตู จากนั้น ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้ประกาศผ่านโทรโข่งขอให้นักกิจกรรมชุมนุมโดยสงบไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ละเว้นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น มีป้ายผ้า หรือข้อความในป้ายผ้าที่อาจสุ่มเสี่ยงข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ทำให้ถูกกลุ่มนักกิจกรรมตะโกนว่า “ประยุทธ์ออกไป” พร้อมทั้งโต้กลับว่า ตำรวจเป็นฝ่ายละเมิดรัฐธรรมนูญที่ปิดกั้นเสรีภาพในการเดินทางของประชาชน
ระหว่างที่กลุ่มนักกิจกรรมยังไม่สามารถออกจากวัดได้ เนื่องจากตำรวจยังปิดกั้นทาง ได้มีคนสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งใช้กล้องขนาดเล็กตามถ่ายรูปนักกิจกรรมในระยะประชิด ทำให้กลุ่มนักกิจกรรมรู้สึกถูกคุกคาม และพยายามเข้าไปกดดันให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายนั้น และอีก 1 นายที่รับกล้องต่อ แสดงบัตรเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งลบรูปที่ถ่ายไป เนื่องจากละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ
ขณะนั้นมีนอกเครื่องแบบอีก 1 นาย แสดงตัวเป็นผู้บังคับบัญชาเข้ามาเจรจา และกลายเป็นเหตุชุลมุนเมื่อตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาอุ้มตัว “อะตอม” ออกไป ทำให้เพื่อนนักกิจกรรมช่วยกันดึงกลับมา ระหว่างนั้นนอกเครื่องแบบได้เข้าล็อคคอและชกเข้าที่บริเวณใบหน้าของ “ไนท์” ก่อนวิ่งหนีเข้าไปหลังแนวตำรวจในเครื่องแบบที่เข้าล็อคคออะตอมลากไปอีกครั้ง (ดูคลิปและลำดับเหตุการณ์โดยประชาไทเพิ่มเติม)
ภายหลังนักกิจกรรมออกจากวัดได้และแยกย้ายเดินทางกลับ อะตอมและไนท์ซึ่งเริ่มมีอาการบวมที่โหนกแก้มด้านซ้ายจึงปรึกษาทนายความก่อนเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านเป็ด ซึ่งรับผิดชอบท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีของอะตอมมีคลิปวีดีโอเห็นภาพเหตุการณ์ขณะที่เขาถูกอุ้มและล็อคคอเป็นหลักฐานชัดเจน ร.ต.อ.ชัยวานิช คำละมูล รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเป็ด จึงรับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีและดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนกรณีของไนท์ เนื่องจากไม่มีคลิปวิดีโอจับภาพจังหวะที่ถูกชกได้อย่างชัดเจน พนักงานสอบสวนจึงได้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ก่อน และให้ไนท์รวบรวมพยานบุคคลมาให้ปากคำเพิ่มเติม
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือส่งตัวนักกิจกรรมทั้งสองไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป โดยแพทย์ระบุผลการตรวจร่างกายของไนท์ว่า มีบาดแผลฟกช้ำที่แก้มซ้ายและหลังมือขวา ขณะอะตอมแพทย์นัดให้ไปตรวจในวันรุ่งขึ้น
ไนท์เปิดเผยความรู้สึกต่อเหตุการณ์ในวันดังกล่าวว่า “เราชุมนุมกันแบบสันติ แต่ตำรวจขัดขวางการใช้สิทธิในการชุมนุม โดยการใช้กำลังเข้าสกัดไม่ให้เราไปแสดงออกต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ มีการแอบถ่ายรูปโดยนอกเครื่องแบบตลอดเวลา โดยเฉพาะเจาะจงถ่ายไปที่ใบหน้าของนักกิจกรรม และไม่แสดงบัตรของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งผิดกฎหมาย ทั้งยังปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ ทำร้ายร่างกาย อุ้ม ล็อคคอ ต่อย เราจึงไม่อยากปล่อยผ่าน ต้องดำเนินคดีไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก หลังจากนี้จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ได้”
ไนท์ เป็นที่รู้จักในชื่อ “ไนท์ ดาวดิน” ทำกิจกรรมทางด้านการเมืองและทรัพยากรร่วมกับกลุ่มดาวดินมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2564 ไนท์เคยร่วมทำกิจกรรมขับไล่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มาลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดขอนแก่น และถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าควบคุมตัวจนได้รับบาดเจ็บมาแล้วครั้งหนึ่ง
ด้าน อะตอม เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับกลุ่ม “ขอนแก่นพอกันที” รวมทั้งเป็นสมาชิกสภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น สังกัดกลุ่ม “ปฏิวัติมอดินแดง” ด้วย
.