อัยการฟ้อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน นักกิจกรรมร่วมคาร์ม็อบเพชรบูรณ์ #ไล่ประยุทธ์ ก่อนศาลให้ประกันไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

วันที่ 19 ก.ย. 2565 ที่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ อัยการยื่นฟ้อง ศุภวิทษ์ ประสินทอง นักกิจกรรมวัย 24 ปีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้อนุญาต จากการเข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบเพชรบูรณ์ครั้งที่ 2 “ลบรอยรถถังเผด็จการ ด้วยขบวนรถประชาชน” #ไล่ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 และได้ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ติดตามมาถ่ายรูประหว่างกิจกรรม ก่อนศาลให้ประกันตัวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว

หลังจากที่ศุภวิทษ์ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปเกือบ 1 ปีก่อนหน้านี้ และพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ต้องหาให้กับอัยการจังหวัดเพชรบูรณ์พิจารณามีความเห็นทางคดีเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ทำให้เขาต้องมีภาระในการไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการเพชรบูรณ์เดือนละครั้งด้วยกัน จนกระทั่งล่าสุดอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาล โดยนัดหมายในวันครบรอบ 1 ปีของกิจกรรม เนื่องจากหากเลยจากนี้ไป จะมีบางข้อหาที่หมดอายุความแล้ว

เวลา 10.00 น. ศุภวิทษ์เดินทางไปศาลตามนัดหมายส่งฟ้องของอัยการ เมื่อเข้ารายงานตัวที่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วศุภวิทษ์ได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ในห้องสำหรับจำเลยที่รอการประกันตัวด้านหน้าห้องขังของศาล ระหว่างที่ทนายความได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวศุภวิทษ์โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวให้ศาลพิจารณา

สำหรับคำฟ้องของอัยการจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ยื่นฟ้องศุภวิทษ์ บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 ขณะที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั่วราชอาณาจักร มีการประกาศข้อกำหนดและประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนความมั่นคง ศุภวิทย์ได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ (CARMOB) มั่วสุมชุมนุมรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจํานวนรวมกันมากกว่า 25 คน เพื่อทํากิจกรรมทางการเมือง โดยมีศุภวิทย์อยู่ท้ายรถยนต์กระบะแล่นไปตามทางถนนสายสระบุรี-หล่มสัก จากบริเวณลานจอดรถหน้าพระพุทธมหาธรรมราชา ไปบริเวณลานจอดรถหน้าค่ายพ่อขุนผาเมือง ระหว่างนั้นได้ใช้โทรโข่งกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง

กระทั่งมาถึงบริเวณลานจอดรถหน้าค่ายพ่อขุนผาเมือง ได้หยุดรถและลงมาพบปะมวลชนจํานวนมาก แล้วพูดตะโกนผ่านโทรโข่งโดยไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลที่ชุมนุมกันเกินกว่า 25 คน โดยจําเลยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทําการจัดกิจกรรมชุมนุมได้ และไม่เข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกําหนด

นอกจากนี้ตามคําสั่งสถานีตํารวจภูธรเมืองเพชรบูรณ์ เรื่องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังสถานการณ์การเคลื่อนไหวของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ผู้กํากับการ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.ต.อดิศร สมานทร ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งรักษาราชการแทนรองผู้กํากับการสืบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ให้เป็นรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการ ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ บางเขียว ผู้เสียหายที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ให้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการ และได้แต่งตั้งให้ ร.ต.อ.เกษม จันทร์ศูนย์ ผู้เสียหายที่ 3 ให้เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบและติดตามผู้ร่วมชุมนุม

ภาพกิจกรรม คาร์ม็อบเพชรบูรณ์ครั้งที่ 2

ผู้เสียหายทั้งสามซึ่งเป็นข้าราชการตํารวจ ได้เข้าทําการเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมคาร์ม็อบ ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ขณะที่ผู้เสียหายทั้งสามได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ศุภวิทย์ได้ทำการพูดจาดูหมิ่นผู้เสียหายทั้งสาม ซึ่งทําให้บุคคลโดยทั่วไปที่ได้ยินเข้าใจว่าผู้เสียหายทั้งสามเป็นข้าราชการตํารวจที่มีความประพฤติไม่ดี ใช้อํานาจหน้าที่รังแกประชาชน

การกระทำของศุภวิทย์จึงเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดและประกาศซึ่งออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้อนุญาต ส่วนตอนท้ายของคำฟ้องเรื่องการขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ขอให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล

ก่อนที่เวลาประมาณ 13.00 น. ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวศุภวิทษ์ ระหว่างการพิจารณาคดี โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว พร้อมกับนัดหมายสอบคำให้การในวันที่ 17 ต.ค. 2565 เวลา 8.30 น.

X