ย้อนดูเส้นทาง ‘บุ้ง-ใบปอ’ อดอาหารประท้วง ทวงสิทธิประกันตัว ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจนอาการวิกฤต

2 ส.ค. 2565 บุ้งและใบปอ อดอาหารประท้วงครบ 2 เดือนแล้ว หรือนับเป็นเวลา 62 วัน 186 มื้อ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ทั้งสองเริ่มต้นอดอาหารประท้วงเป็นวันแรก หลังจากศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเป็นครั้งที่ 3 ในคดี มาตรา 112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ ซึ่งทำให้พวกเธอถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2565 จนถึงปัจจุบัน

จนถึงขณะนี้ ทั้งสองคนถือว่าเป็นผู้ดำเนินการอดอาหารประท้วงยาวนานที่สุดในระลอกการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในระยะ 8 ปี หลังเกิดรัฐประหาร ปี 2557 ด้วยเวลา 62 วัน และจำนวนวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ หากศาลยังคงไม่ให้สิทธิในการประกันตัวแก่ทั้งสองคน

ตั้งแต่ถูกคุมขังมาเป็นระยะเวลาเกือบ 3 เดือนพร้อมทั้งทำการอดอาหาร 2 เดือน บุ้งน้ำหนักตัวลดลงไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 17 กิโลกรัม พร้อมเผชิญอาการวิกฤตจนต้องเข้าพบแพทย์แล้วถึง 6 ครั้ง ส่วนใบปอน้ำหนักตัวลดลงไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 7 กิโลกรัม พร้อมเผชิญอาการวิกฤตจนต้องเข้าพบแพทย์แล้วถึง 5 ครั้ง โดยบุ้งทานได้เพียงน้ำเปล่ามาตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. ขณะใบปอทานเพียงน้ำเปล่ามาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. นั่นความหมายว่าทั้งสองอดอาหารโดยไม่มีพลังงานหล่อเลี้ยงร่างกายเลย มานานมากกว่า 1 เดือนแล้ว

ชวนย้อนดูเส้นทางการอดอาหารประท้วงตลอด 2 เดือน ของ ‘บุ้ง-ใบปอ’ ขณะถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีเข้าเดือนที่ 3 แล้ว และร่างกายของทั้งสองต่างก็เผชิญอาการวิกฤตจากการอดอาหารที่นับวันยิ่งหนักหน่วงขึ้น

บุ้ง-ใบปอ อาการทรุดระหว่างถูกเบิกตัวไปศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2565 จนต้องพาส่ง รพ.เลิดสินและถูกส่งตัวกลับไปรพ.ราชทัณฑ์ในเวลาต่อมาภาพ ไข่แมวชีส

ไทม์ไลน์ “บุ้ง-ใบปอ” อดอาหารตลอด 2 เดือนจนวิกฤต

มิถุนายน 2565

2 มิ.ย. – ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสอบคำให้การในคดี ม.112 กรณีทำโพลสำรวจความเห็นความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จและอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีนี้ จากนั้นทนายความยื่นประกันตัวบุ้งและใบปอเป็นครั้งที่ 3 แต่ศาลยังคงไม่ให้ประกัน ทั้งสองจึงเริ่มต้นการอดอาหารประท้วง โดยใบปอทานนม น้ำผลไม้ และน้ำเกลือแร่ ส่วนบุ้งทานนมแต่มีอาการท้องเสีย และดื่มน้ำผลไม้ไม่ได้เช่นกันเนื่องจากจะทำให้อาเจียน

6 มิ.ย. – บุ้งมีอาการเพลีย แต่ยังทานน้ำ ทานนมอยู่ แต่ถ่ายเหลว และเริ่มมีอาการปวดท้อง ปวดหัวในช่วงกลางวัน เพราะอากาศร้อน ใบปอมีอาการเครียด ปวดหัว ต้องขอยาแก้ปวดทานทุกวัน วันนี้พยาบาลได้เริ่มเข้ามาตรวจเช็คร่างกายพวกเธอเป็นวันแรกอีกด้วย

7 มิ.ย. – บุ้งมีอาการมือสั่นเพิ่มขึ้นมา โดยเป็นเฉพาะมือข้างซ้ายข้างเดียว ทั้งสองคนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแบบปกติ ไม่เช่นนั้นแล้วจะหน้ามืดและล้มลงได้  ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักลดไป 5 กิโลกรัม ใบปอน้ำหนักลดไป 1 กิโลกรัม

9 มิ.ย. – ใบปอมีอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก เพราะในห้องขังอากาศร้อน บุ้งมีอาการตาพร่า ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักลดไป 6 กิโลกรัม

14 มิ.ย. – บุ้งมีอาการแสบท้องและอาเจียนอีกแล้ว หลังพยายามจะดื่มน้ำหวาน เธอรู้สึกว่าในตอนนี้ร่างกายของตัวเองปฏิเสธน้ำหวานอย่างสุดโต่ง จึงทำได้เพียงดื่ม “น้ำเปล่า” เท่านั้น พร้อมกันนี้ยังมีอาการเบลอและตาพร่ามัวอยู่แทบจะตลอดเวลา รู้สึกว่าสมองทำงานได้ช้าลงกว่าเดิมมาก ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักตัวลดลงไป 9 กิโลกรัม

ส่วนใบปอมีอาการปวดท้อง แสบท้อง ยาเคลือบกระเพาะไม่บรรเทาอาการอีกต่อไปแล้ว และยังคงรู้สึกอ่อนเพลีย ตาพร่ามัวเช่นเดียวกับบุ้ง โดยเธอเล่าว่า “ขนาดใส่แว่นแล้วยังมองเห็นอะไรไม่ชัดเลย”

16 มิ.ย. – บุ้งยังคงกินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำเปล่า น้ำหนักลดไปอีกเกือบ 1 กิโลกรัม ตอนนี้ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักลดไปประมาณ 10 กิโลกรัมแล้ว ส่วนใบปอมีอาการถ่ายเหลว

17 มิ.ย. – บุ้งมีอาการปวดท้องมากขึ้น เพราะดื่มแต่น้ำเปล่ามาตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. แล้ว เนื่องจากไม่สามารถทานนมหรือน้ำหวานได้ จึงรู้สึกแสบท้องอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้มีอาการตาพร่า หากมองระยะไกลจะไม่เห็นว่าเป็นอะไรแล้ว บุ้งยังปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายซุปไก่สกัดมา 2-3 วันแล้ว ส่วนใบปอยังมีอาการเหงือกบวมตรงที่เคยผ่าฟันคุด และตอนแปรงฟันก็ยังคงมีเลือดออกอยู่บ้าง

18 มิ.ย. – บุ้งอาเจียน ยังคงกินได้แต่น้ำ เธอรู้สึกเหมือนกรดไหลย้อนตีขึ้นมาที่คอ แม้จะพยายามกลั้นมันลงไป แต่มันก็แสบ จนอ้วกออกมาเป็นน้ำมีสีเหลือง รู้สึกแสบหลอดอาหาร แสบท้อง พะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา ปัสสาวะมีสีน้ำตาลเข้มมา 4-5 วันแล้ว บุ้งบอกว่าวันนี้กินเฉพาะน้ำเปล่าอย่างเดียวมาครบอาทิตย์ (7 วัน) แล้ว

นอกจากนี้บุ้งรู้สึกปวดท้องข้างซ้ายและขวา ลักษณะปวดแปลบๆ เจ็บจี๊ดแล้วแป๊บนึงก็หาย แต่ถ้าเจ็บขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะรู้สึกร้าวไปถึงข้างหลังเลย ส่วนใบปออาการโดยรวมยังคงทรงตัว

22  มิ.ย. – ช่วงกลางดึกบุ้งถูกพาตัวออกไปรักษายังสถานพยาบาลในเรือนจำ เนื่องจากมีอาการทรุดลงอย่างชัดเจน ตัวซีด ปวดท้อง อาเจียน แสบท้อง หลอดอาหาร แน่นหน้าอก จากนั้นสถานพยาบาลในเรือนจำได้นำตัวบุ้งส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในช่วง 01.00 น. ของคืนเดียวกัน 

คืนนั้นบุ้งได้พบแพทย์และได้รับยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะ ยาแก้อาการคลื่นไส้ โดยแพทย์บอกว่าอ้วกสีเหลืองของบุ้งน่าจะเป็น ‘น้ำย่อย’ ส่วนอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า แพทย์บอกว่าเป็นอาการของร่างกายที่ขาดสารอาหาร ในวันเดียวกันบุ้งถูกส่งตัวกลับมารักษาตัวที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำต่อทันที 

23 มิ.ย. – บุ้งต้องกินยากว่า 5 ชนิด ได้แก่ ยาเคลือบกระเพาะ, แอนตาซิน, ยาลดกรด และยาแก้เวียนหัว ถ้าหากหมดฤทธิ์ยา บุ้งจะอ้วกทันที ขณะนี้อาการทรงตัวอยู่ได้เพราะยาอย่างเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ถูกขังบุ้งน้ำหนักลดลงไป 13 กิโลกรัมแล้ว 

24 มิ.ย. – บุ้งรู้สึกมึน ตาพร่า และมือสั่น ส่วนใบปอยังคงมีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียเพลียเหมือนเดิม วันนี้ใบปอจะเริ่มประทังชีวิตด้วยการดื่มเฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น หลังจากที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565

27 มิ.ย. – เวลา 23.00 น. บุ้งถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการปวดท้องด้านขวาไปถึงด้านหลัง ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักลดลงไปถึง 15 กิโลกรัม ส่วนใบปอลดลงไป 5 กิโลกรัมแล้ว

29 มิ.ย. – บุ้งได้รับการให้น้ำเกลือและวิตามิน โดยแพทย์วินิจฉัยว่าบุ้งอาจเป็นไส้ติ่งที่มดลูก หรืออาจจะเกิดจากการที่ลำไส้มีการบีบตัวจากการอดอาหาร และพบว่าค่าโพแทสเซียมในเลือดต่ำมาก จึงต้องให้ยาทางเส้นเลือดร่วมด้วย แพทย์บอกว่า บุ้งมีภาวะโพแทสเซียมบุ้งต่ำจนกล้ามเนื้อหัวใจเกือบตายได้

ครอบครัวมีโอกาสพูดคุยกับบุ้งได้สังเกตเห็นว่าเธอดูซูบลงเยอะมาก แก้มตอบและเห็นส่วนคอชัดเจน อีกทั้งดูเหนื่อยล้า ตาลอย มึนเบลอ และตอบคำถามได้ช้าตลอดการสนทนา ส่วนใบปอเริ่มปวดท้องมากขึ้น วันนี้เธอดื่มเฉพาะน้ำเปล่ามา 6 วันแล้ว ก่อนหน้านี้ใบปอยังดื่มนมและน้ำผลไม้บ้าง แต่ช่วงนี้ไม่ทานแล้ว 

30 มิ.ย. – บุ้งอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์วันที่ 4 แพทย์บอกว่าบุ้งยังมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ ต้องอยู่โรงพยาบาลก่อนจนค่าโพแทสเซียมจะอยู่ในระดับปกติ บุ้งถูกน้ำเกลือตลอดเวลา และหมอให้ทานโพแทสเซียมวันละ 2 ครั้ง ส่วนใบปอมีอาการร้อนบริเวณหลอดอาหาร 

กรกฎาคม 2565

1 ก.ค.บุ้งถูกส่งตัวกลับเรือนจำ หลังรักษาตัวอยู่รพ.ราชทัณฑ์ รวม 5 วัน ทั้งที่ความดันของบุ้งอยู่ที่ 86/64 ซึ่งยังต่ำอยู่มาก อีกทั้งยังมีอาการอ่อนเพลีย เวียนหัวมาก แม้หมอจะจ่ายยาแก้อาเจียนให้แล้ว แต่ก็ยังคงเวียนหัว ด้านตั้งแต่ถูกขัง ใบปอน้ำหนักตัวลดลงไปประมาณ 6 กิโลกรัม

6 ก.ค. – ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนคำร้องขอประกันตัวบุ้งและใบปอ พี่สาวบุ้งเผยว่า บุ้งเคยรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งแพทย์เคยได้วินิจฉัยว่าบุ้งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดก้อนเนื้อในมดลูก ซึ่งควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ใบปออ่อนเพลียจนฟุบลงไปกับโต๊ะ เนื่องจากมีอาการเหนื่อยมาก และเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกเป็นระยะ ส่วนบุ้งเองยังคงมีอาการในลักษณะเดิม คือหัวหมุน ชาตามปลายมือปลายเท้า และหากจับท้องก็จะเจ็บมาก 

8 ก.ค. – ใบปอเหนื่อยมากขึ้น เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทานแต่น้ำเปล่า หรือได้รับยาอะไรเลย นอกจากนี้มีอาการหอบ หน้ามืด เริ่มมีอาการเซ ทรงตัวไม่อยู่ และเริ่มมีอาการมือสั่น ส่วนบุ้งเริ่มกลับมามีอาการอ้วกเหมือนก่อนหน้านี้ ตัวเย็น และหน้าซีด

11 ก.ค. – ใบปอมีอาการหน้ามืด ใจสั่น มือเท้าชา เวียนหัว แสบท้อง แสบหน้าอก หายใจไม่ออกแทบจะตลอดเวลา และแทบจะลืมตาไม่ได้แล้ว ส่วนบุ้งมีอาการแสบท้อง ปวดท้อง หน้ามืด ตาลาย มือเท้าชา 

18 ก.ค. – บุ้งและใบปอมีอาการปวดท้องรุนแรงกะทันหันระหว่างถูกเบิกตัวไปศาลอาญากรุงเทพใต้ ในนัดตรวจพยานหลักฐาน คดี ม.112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขวนเสด็จ ทั้งสองจึงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด 

จากนั้นทั้งสองถูกส่งตัวกลับไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยแพทย์แนะนำให้บุ้ง admit เพราะผลการตรวจเลือดของเธอจากโรงพยาบาลเลิดสินบ่งชี้ว่าค่าโพแทสเซียมในเลือดบุ้งต่ำ ส่วนใบปอ ในตอนนั้นมีอาการขาสั่นมือสั่นและเล็บม่วง 

20 ก.ค.ค่าโพแทสเซียมในเลือดบุ้งยังคงลดลงเฉลี่ยวันละ 0.1 และมีอาการกระพุ้งแก้มลอก ด้านใบปอมีอาการมือเท้าเย็น ตั้งแต่ถูกขัง ใบปอน้ำหนักลดลงไปประมาณ 7 กิโลกรัม 

26 ก.ค. – บุ้งบอกว่าใบปอตัวซีดมาก ส่วนบุ้งแค่หายใจเธอก็เจ็บที่หัวใจแล้ว 

27 ก.ค. – บุ้งถูกเบิกตัวออกไปนัดถามคำให้การ ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี กรณีทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการสาดสี-พ่นสเปรย์บนรูปปั้นภายในกระทรวงสาธารณสุข บุ้งมีสภาพอิดโรย ไร้เรี่ยวแรง และไม่สามารถทรงตัวได้ มีอาการหอบหายใจแรงถี่ เนื้อตัวซูบผอมลงชัดเจน ไม่มีสติรับรู้ตอบสนอง  เวลาเดินเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำเป็นต้องช่วยกันพยุงตัวบุ้งประกบซ้ายขวา 

31 ก.ค.ใบปอตัวสั่น จึงได้ถูกส่งตัวไปสถานพยาบาลในเรือนจำ และได้รับการให้น้ำเกลือ จากนั้นในวันเดียวกันใบปอถูกส่งตัวไปตรวจอาการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนถูกส่งตัวกลับมายังสถานพยาบาลในเรือนจำเช่นเดิม 

สิงหาคม 2565

1-2 ส.ค. – บุ้งใช้มือกดๆ ที่หน้าอกตลอด เนื่องจากมีอาการเจ็บหัวใจ ตั้งแต่ถูกขัง บุ้งน้ำหนักลดลงไป 17 กิโลกรัม เหลือเพียง 66 กิโลกรัม ส่วนใบปออยู่ระหว่างการให้น้ำเกลือที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำ 

ภาพรวมการอดอาหารของ “บุ้ง” 

ในช่วงแรกบุ้งอดอาหารโดยดื่มน้ำเปล่า เกลือแร่ และนมด้วย แต่พบว่ามีอาการท้องเสียจากนม ต่อมาในวันที่ 12 มิ.ย. เธอจึงหันมาดื่มเพียงน้ำเปล่าเท่านั้นจนถึงปัจจุบัน เพราะเมื่อดื่มน้ำผลไม้ก็จะทำให้อาเจียน ดื่มนมก็จะทำให้ท้องเสีย โดยระหว่างนั้นเธอพยายามลองดื่มน้ำหวานหลายครั้งเพื่อให้ร่างกายได้มีพลังงานหล่อเลี้ยงอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าเธอก็จะอาเจียนออกมาเช่นเดิม ท้ายที่สุดจึงประทังชีวิตในแต่ละวันด้วยการดื่มเพียงได้น้ำเปล่าเท่านั้นตั้งแต่ดำเนินการอดอาหาร บุ้งเผชิญอาการวิกฤตจนต้องถูกส่งตัวไปพบแพทย์รวม 6 ครั้ง ดังนี้  

  1. สถานพยาบาลในเรือนจำ 2 ครั้ง ภายใน 1 วัน
  2. โรงพยาบาลราชทัณฑ์ 3 ครั้ง ภายใน 7 วัน 
  3. โรงพยาบาลเลิดสิน 1 ครั้ง ภายใน 1 วัน

อาการวิกฤตสำคัญของบุ้ง คือ ภาวะโพแทสเซียมต่ำ โดยเมื่อครั้งที่เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อระหว่างวันที่ 27 มิ.ย. – 1 ก.ค. แพทย์เผยว่า บุ้งมีภาวะโพแทสเซียมต่ำจนเกือบทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย จากภาวะดังกล่าวทำให้บุ้งมีอาการน่าเป็นห่วงตลอดมา โดยจะรู้สึกหายใจไม่ออก หายใจแล้วเจ็บหน้าอกเพราะโพแทสเซียมเกี่ยวข้องกับการทำงานโดยตรงของกล้ามเนื้อหัวใจ 

ภาพรวมการอดอาหารของ “ใบปอ” 

ในช่วงแรกใบปอเริ่มต้นอดอาหารด้วยการดื่มนม น้ำผลไม้ และน้ำหวานด้วย แต่ภายหลังศาลไม่ให้ประกันตัวครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ใบปอจึงตัดสินใจเริ่มประทังชีวิตด้วยการดื่มเพียงน้ำเปล่าและเกลือแร่เท่านั้น เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

ตั้งแต่ดำเนินการอดอาหาร บุ้งเผชิญอาการวิกฤตจนต้องถูกส่งตัวไปพบแพทย์รวม 5 ครั้ง ดังนี้  

  1. สถานพยาบาลในเรือนจำ 2 ครั้ง ภายใน 2 วัน
  2. โรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 ครั้ง ภายใน 2 วัน 
  3. โรงพยาบาลเลิดสิน 1 ครั้ง ภายใน 1 วัน

ระหว่างการอดอาหารใบปอเผชิญผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะช่วงหลังเธออ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง จนถึงขนาดกับฟุบนอนกับโต๊ะหลายครั้งเมื่อทนายความเข้าเยี่ยม ขณะเดียวกันก็มีอาการปวดแสบท้อง ท้องอืด หน้ามืด ใจสั่น มือเท้าชา เวียนหัว ลืมตาไม่ขึ้น เหงือกบวม เลือดออกตามไรฟันเมื่อแปรงฟัน เป็นต้น 

ทั้งสองอดอาหารด้วยการดื่มเพียงน้ำเปล่าและเครื่องดื่มเกลือแร่มาแล้วมากกว่า 1 เดือน ผลข้างเคียงจึงเห็นได้ชัดเจนจากอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เนื่องจากร่างกายไม่มีพลังงานจากสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองพยายามอย่างมากที่สุดที่จะอยู่ให้ได้ในสภาพดังกล่าว โดยจะพยายามนอนให้ได้มากที่สุด รวมถึงทานยาหลายชนิดเพื่อบรรเทาอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น ยาแก้อาเจียน ยาลดกรด ยาแก้เวียนหัว ยาเคลือบกระเพาะ เป็นต้น 

X