ยกคำร้อง! ศาลไม่เพิกถอนประกันมิ้นท์-นาดสินปฏิวัติเหตุร่วมชุมนุม 2 ม็อบ ชี้ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าฝ่าฝืนเงื่อนไข

16 มิ.ย. 2565 ที่ศาลอาญาธนบุรี นัดไต่สวนเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว มิ้นท์” (สงวนชื่อสกุล) นักกิจกรรมกลุ่ม นาดสินปฏิวัติ ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 จากกรณีร่วมปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ซึ่งจัดโดยกลุ่มโมกหลวงริมน้ำเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ 

ก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 6 มิ.ย. 2565 หลังพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการประกันตัวต่อศาล โดยระบุถึงพฤติการณ์การเข้าร่วม 2 กิจกรรมทางการเมือง ได้แก่ เทิดวีรชนคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 และเข้าร่วมกิจกรรม บิดหยุดขัง เมื่อ 29 พ.ค. 2565 โดยกล่าวหาว่า การเข้าร่วมชุมนุมของผู้ต้องหาเข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกําหนดไว้ กล่าวคือ ห้ามกระทําการใดในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จึงขอให้ศาลไต่สวนเพิกถอนการประกันตัวผู้ต้องหา

ในวันดังกล่าว ทนายความได้ขอเลื่อนการไต่สวนออกไป เนื่องจากเพิ่งได้รับเอกสารคำร้องในวันไต่สวน เพียงแค่ 2 แผ่น โดยไม่มีเอกสารหรือรูปภาพประกอบอื่นๆ ที่ตำรวจกล่าวหา ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนมาเป็นวันนี้

ตร.อ้าง ร่วมชุมนุม-แสดงโขนฟันฉัตร ผิดเงื่อนไขศาล ด้านมิ้นท์ยันเป็นการแสดงทั่วไปและชุมนุมโดยสงบ ไม่ผิดเงื่อนไข

เช้านี้ บริเวณด้านในศาลอาญาธนบุรี มีเจ้าหน้าที่คอยคัดกรองผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร ศาลจึงจำกัดคนเข้าห้องเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังคงใช้มาตรการนั่งเว้นระยะห่าง

เวลา 10.30 น. ศาลนั่งบัลลังก์ โดยมีตำรวจผู้ยื่นคำร้อง นายประกัน ผู้ต้องหา และทนายความของผู้ต้องหา มาศาล 

พ.ต.ท.ศุภวุฒิ แป้นชุม พนักงานสอบสวนสน.บุปผาราม ผู้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกัน ได้แถลงว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 สืบทราบว่าผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์ หนึ่งในกิจกรรมรําลึกถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ โดยติดตามความเคลื่อนไหวจากการรวบรวมข้อมูล ในเฟซบุ๊กของผู้ชุมนุม แต่ไม่ได้มีภาพกิจกรรมดังกล่าวมาแสดงต่อศาล 

ส่วนในกิจกรรม บิด หยุด ขัง” เมื่อวันที่  29 พ.ค. 2565 ตนได้ทราบข้อมูลจากตำรวจ สน.สําราญราษฎร์ ว่า ผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรม และได้ขึ้นกล่าวปราศรัย ทั้งภายหลังจบกิจกรรมผู้ต้องหายังได้ชูป้ายข้อความที่เขียนขึ้นเองและโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของตนเอง ป้ายมีข้อความว่า ปลดรูปคู่กรณี ก่อนพิพากษาคดี 112”

พ.ต.ต.พลเชษฐ์ มาดี สารวัตรสืบสวน สน.สําราญราษฏร์ แถลงยืนยันข้อเท็จจริงตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล และยอมรับต่อศาลว่ากิจกรรมดังกล่าว ทางตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาหรือผู้ชุมนุมรายใดจากการชุมนุมดังกล่าว รวมถึงยอมรับว่า การชุมนุมทั้งสองเหตุการณ์นั้นเป็นไปโดยสงบ ปราศจากความวุ่นวาย

ด้านผู้ต้องหายอมรับว่า เข้าร่วมการชุมนุมทั้งสองวันจริงและโพสต์ภาพตามที่ตำรวจอ้างจริง โดยพิจารณาแล้วว่ากิจกรรมที่เข้าร่วมไม่น่าจะผิดเงื่อนไขการประกันตัว สำหรับการเข้าร่วมกิจกรรม บิด หยุด ขัง เป็นการเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเราที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ 

พร้อมทั้งยืนยันว่าการเข้าร่วมชุมนุมทั้งสองวันเป็นไปโดยสงบ ไม่มีเหตุวุ่นวาย และตัวเธอทราบถึงวัตถุประสงค์ของการชุมนุมทั้งสองวันเป็นอย่างดี และเข้าร่วมในฐานะของผู้ชุมนุม ไม่ใช่ในฐานะ แกนนำ” แต่อย่างใด

ศาลกล่าวต่อผู้ต้องหาว่า ศาลไม่ได้จะห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง เพียงแต่อยากให้หลีกเลี่ยง และตระหนักถึงข้อกำหนดที่ศาลให้ไว้ ซึ่งผู้ต้องหารับทราบและเข้าใจ

สำหรับกิจกรรม เทิดวีรชนคนเสื้อแดงผู้ต้องหาเบิกความว่า ตนได้ร่วมแสดงโขนรามเกียรติ์ โดยสวมบทเป็นพระลักษณ์ถือพระขรรค์ ไม่ใช่ดาบ ซึ่งตนและผู้ร่วมแสดงอื่นได้แต่งกายถูกต้องตามหลักนาฎศิลป์ อีกทั้งการแสดงดังกล่าวยังเป็นการแสดงโขนที่แสดงกันทั่วไปอีกด้วย

ผู้ต้องหาได้ชี้แจงต่อศาลเพิ่มเติมอีกว่า ประเด็นที่พนักงานสอบสวนระบุว่า ผู้ต้องใช้ดาบฟันเศวตฉัตร หรือ ฉัตร 9 ชั้น ที่กษัตริย์ใช้ทำพิธีต่างๆ ตามโบราณราชประเพณีนั้นไม่จริงตามที่อ้าง เนื่องจากฉัตรประกอบฉาก เป็นฉัตรที่ใช้ในพิธีทั่วไป และการเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสองนั้น ตนได้คำนึงถึงเงื่อนไขของศาลจึงตัดสินใจเข้าร่วม และกิจกรรมที่เข้าร่วมนั้นเป็นไปโดยสงบ ไม่มีความวุ่นวาย หรือสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ 

เนื่องจากกิจกรรมในวันดังกล่าว พนักงานสอบสวนไม่ได้มีภาพกิจกรรมมาแสดงต่อศาลเพื่อประกอบคําร้อง  ศาลจึงถามถึงรายละเอียดเครื่องแต่งกายของผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนระบุว่า จำรายละเอียดไม่ได้ แต่รวบรวมข้อมูลของกิจกรรมจากเฟซบุ๊กของผู้ชุมนุม 

ก่อนศาลถามนายประกันว่า นายประกันทราบหรือไม่ว่าผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสองวันดังกล่าว นายประกันแถลงว่า ไม่ทราบ ซึ่งศาลกล่าวเตือนให้นายประกันคำนึงถึงหน้าที่ รวมถึงให้นายประกันคอยดูแลกำชับผู้ต้องหา ไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข

ด้านทนายความแถลงสรุปต่อศาลว่า กิจกรรมรำลึกวีรชนเสื้อแดงถูกจัดขึ้นทุกปี และกิจกรรม “บิด หยุด ขัง” เป็นเพียงกิจกรรมแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง ซึ่งผู้ต้องหาขึ้นพูดถึงจุดประสงค์งานเท่านั้น ไม่ได้ปราศรัยแต่อย่างใด และเข้าร่วมในฐานะ “ผู้ชุมนุม” 

หลังการไต่สวน ศาลแจ้งว่าหากฝ่ายใดต้องการจะเพิ่มเติมในประเด็นไหนก็สามารถแจ้งศาลได้ พร้อมย้ำว่าศาลเปิดกว้างและรับฟังทุกฝ่าย ก่อนเสร็จสิ้นการไต่สวนในเวลา 10.45 น.

.

ศาลยกคำร้อง แต่ตักเตือน พฤติการณ์เสี่ยงฝ่าฝืนเงื่อนไขศาล พร้อมกำชับผู้ต้องหาและนายประกันให้ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยเคร่งครัด

เวลา 13.00 น. ศาลอ่านคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม พิเคราะห์คําร้อง คําคัดค้าน และข้อเท็จจริงที่ได้จากการจากการสอบถามทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรมในการชุมนุมทั้งสองเหตุการณ์จริง 

โดยการชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อรําลึกถึงการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงและเพื่อเรียกร้องการปล่อยตัวชั่วคราวที่ถูกคุมขังจากคดีทางการเมือง และการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความสงบ ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง 

ทั้งผู้ต้องหายังแถลงรับว่า เป็นผู้ร่วมแสดงนาฏศิลป์โขนรามเกียรติ์ ที่แต่งกายตามแบบของชุดโขนทั่วไป และฉัตรที่นํามาแสดงทําด้วยโฟม 8 ชั้น ไม่ใช่เศวตฉัตร ซึ่งข้อนี้ผู้ร้องก็ไม่ได้นําภาพถ่ายเกี่ยวกับการแสดงโขนมายืนยัน 

ส่วนเหตุการณ์ที่ผู้ต้องหาขึ้นกล่าวปราศรัย ก็เป็นเพียงข้อความพูดชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการทํากิจกรรมเท่านั้น รวมถึงประเด็นที่ป้ายข้อความที่ลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าเป็นการรณรงค์ให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ที่ถูกดําเนินคดีจากการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนามุ่งหมายอย่างอื่น ประกอบกับพนักงานสอบสวนท้องที่ที่เกิดเหตุก็ไม่ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหามาสอบปากคําและแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาเกี่ยวกับพฤติการณ์และการกระทําของผู้ต้องหาทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด กรณีจึงยังรับฟังได้ไม่ถนัดนักว่าผู้ต้องหาผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว จึงให้ยกคําร้อง 

อย่างไรก็ตาม ศาลระบุเพิ่มเติมว่า แม้ในวันนี้จะยกคำร้อง แต่พฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมต่างๆ และการกระทําที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้ต้องหาและนายประกัน พร้อมกำชับให้ทำตามเงื่อนไขโดยเคร่งครัด

คำสั่งดังกล่าวลงนามโดย ชิดพงศ์ ปั้นวิจิตร เลขานุการศาลอาญาธนบุรี

หลังอ่านคำสั่งดังกล่าวเสร็จ ศาลยังได้กำชับกับผู้ต้องหาและนายประกันให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดอีกรอบ พร้อมทั้งกล่าวเตือนให้ระวังพฤติการณ์ที่อาจผิดเงื่อนไข หากมีคำร้องเพิกถอนและเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืน ศาลก็จำเป็นต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

อนึ่ง กิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ที่มิ้นท์ถูกจับกุมดำเนินคดี ยังมีนักกิจกรรมทางการเมืองอีก 2 ราย คือ โจเซฟ (สงวนชื่อสกุล) และ“เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่ม “โมกหลวงริมน้ำ” ที่ถูกดำเนินคดีด้วย

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

จับ “โจเซฟ-มิ้นท์” ตามหมายจับ ม.112 เหตุปราศรัย “ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ก่อนได้ประกัน มีเงื่อนไขห้ามชุมนุมที่กระทบสถาบันกษัตริย์

X