เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2565 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พิมชนก ใจหงษ์ นักกิจกรรมอายุ 25 ปี เดินทางไปฟังคำสั่งฟ้องคดีในข้อหา ‘หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เหตุเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “รัฐบาลส้นตีน สถาบันก็ส้นตีน” เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2565
สำหรับความเป็นมาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 พิมชนกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวจากกรุงเทพฯ ส่งตัวมายัง สภ.แม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนได้สอบคำให้การพิมชนก พร้อมส่งตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักประกัน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยตัว ได้แก่ “ห้ามผู้ต้องหาลงข้อความเสื่อมเสียในสังคมออนไลน์หรือกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น และให้ผู้ต้องหามารายงานตัวต่อศาลทุก 12 วัน”
ในช่วงที่ผ่านมา พิมชนกจึงต้องเดินทางมารายงานตัวที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ทุกๆ 12 วัน โดยที่เธอไม่ได้มีภูมิลำเนาในเชียงใหม่อีกด้วย รวมเป็นระยะเวลา 7 ครั้ง จนครบผัดฟ้องครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2565
ย้อนอ่าน > จับกุมมาราธอน ม.112 ‘พิมชนก’ จาก กทม. มาแจ้งข้อหาเชียงใหม่ ก่อนศาลให้ประกัน แต่พลาดโอกาสสอบ TCAS
.
เวลา 9.30 น. พิมชนกเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้วเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2565 ซึ่งเป็นวันผัดฟ้องและฝากขังในผัดสุดท้าย และแจ้งให้พิมชนกเข้าไปรอในห้องขังใต้ถุนศาลเพื่อให้ศาลสอบคำให้การ ขณะที่ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เดิมจากชั้นสอบสวน
ขณะพิมชนกรออยู่ในห้องขังใต้ถุนศาล เวลาประมาณ 14.00 น. ศาลได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาอธิบายฟ้องและสอบถามคำให้การ โดยพิมชนกให้การปฏิเสธ
นอกจากนี้ ศาลยังแจ้งยกเลิกเงื่อนไขรายงานตัวทุก 12 วัน แต่กำชับให้มาตามนัดศาลอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 29 มิ.ย. 2565 และนัดพร้อมคดีในวันที่ 18 ก.ค. 2565 เวลา 9.00 น.
ต่อมาเวลา 16.30 น. ศาลสั่งอนุญาตให้ประกันตัวพิมชนกในระหว่างพิจารณา โดยยกเลิกเงื่อนไขการประกันตัวที่ให้มารายงานตัวต่อศาลทุก 12 วัน แต่เงื่อนไขในเรื่องการโพสต์ข้อความ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรยังกำหนดไว้เช่นเดิม
.
อัยการอ้างข้อความ “รัฐบาลส้นตีน สถาบันก็ส้นตีน” ส่อให้เห็นเจตนาจำเลยดูหมิ่น ให้ร้าย ลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์
สำหรับคดีนี้มี ขวัญชัย สนองคุณ เป็นพนักงานอัยการผู้เรียงฟ้องในคดีนี้ โดยสรุประบุว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2565 จําเลยได้พิมพ์ข้อความเข้าไปเผยแพร่ในระบบอินเตอร์เน็ตผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊กของจำเลย โดยพิมพ์ข้อความว่า “รัฐบาลส้นตีน สถาบันก็ส้นตีน”
อัยการบรรยายต่อไปว่า คำว่า สถาบันก็ส้นตีน มีความหมาย…ถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และคำว่า “ส้นตีน” เป็นคำบริภาษ เป็นคำด่าที่ใช้อวัยวะเบื้องต่ำในการสื่อความหมาย เมื่อนำมารวมกัน ย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยในการดูหมิ่น ใส่ร้าย หรือลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งข้อความที่จำเลยพิมพ์ทั้งหมดดังกล่าว และเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
อัยการยังระบุต่อว่าทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาประชาชนชาวไทย ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้
ทั้งนี้ อัยการไม่คัดค้านการประกันตัว ระบุ หากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล
.
ความรู้สึกหลังจากถูกขังใต้ถุนศาล นานกว่า 6 ชั่วโมง
“มันไม่ใช่ที่ที่หนูควรจะมาอยู่ มันไม่ใช่ที่ของหนู จริงๆ ก็ทำใจมาก่อนแล้วแต่พอใกล้ 4 โมง ก็ลุ้นมากว่าจะได้ประกันไหม”
พิมชนกเล่าถึงความรู้สึกที่กดดันในห้องขังใต้ถุนของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในห้วงเวลากว่า 6 ชั่วโมงของการรอคอยคำสั่งประกันตัวจากศาล การพูดคุยกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ที่อยู่ด้วยกันในขณะนั้น ทำให้ความเครียดลดลงได้บ้าง โดยในระหว่างถูกขังอยู่นั้น พิมชนกได้ฝากให้เพื่อนที่มาคอยให้กำลังใจ ซื้อข้าวกล่องเพื่อนำมาให้ผู้ต้องขังในคดีอื่นที่ถูกนำตัวมาจากเรือนจำเพื่อพิจารณาคดีที่ศาล
“ผู้ต้องขังบางคน เขาไม่สมควรจะโดน แต่เขาโดนการกดทับจากสังคม หลายคนได้กินแต่ข้าวในเรือนจำที่ไม่อร่อยอยู่แล้ว ชีวิตในเรือนจำก็ยากลำบาก หนูช่วยอะไรเขาไม่ได้ ทำได้แค่ซื้อข้าวให้เขาได้ทาน ที่อร่อยกว่าข้าวที่เขาทานกันอยู่ในเรือนจำทุกวัน”
พิมชนกเล่าต่อไปถึงการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจสำหรับคดีนี้ว่า เป็นเรื่องยากสำหรับเธอพอสมควร โดยก่อนมาเชียงใหม่ก็พยายามใช้ชีวิตกับเพื่อน ครอบครัว คนสนิท ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “อยากขอบคุณเพื่อนๆ ที่ทักมาให้กำลังใจเยอะมาก ใครสัญญาจะเลี้ยงข้าวก็ห้ามลืมนะ”
.