คดีชุมนุม 19 กันยา ศาลออกหมายเรียกเอกสารคดี ‘กท.การคลังฟ้อง ร.7’ แต่ไม่ออกหมายเรียกเอกสารเดินทาง ร.10-งบ สนง.ทรัพย์สินฯ

7 มิ.ย. 2565 ที่ศาลอาญารัชดา มีนัดสืบพยานในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. 2563 ที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง คดีนี้มีจำเลยเป็นนักกิจกรรมทั้งหมด 22 ราย ในข้อหาต่างๆ กันหลายข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116, พ.ร.บ.โบราณสถานฯ, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, พ.ร.บ.จราจรฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

.

นัดนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดี เนื่องจากอัยการติดโควิดกำลังเข้ารับการรักษาตัว ทำให้นัดสืบพยานตลอดเดือน มิ.ย. ต้องเลื่อนออกไป ขณะเดียวกันทางฝ่ายจำเลยได้ขอเลื่อนการพิจารณาเช่นกัน เนื่องจากมีทนายจำเลยหลายคนป่วยจากการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และ ‘ไบรท์’ ชินวัตร เป็นกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ อีกทั้งมีจำเลยที่ติดภารกิจ อาทิ ภัทรพงศ์ น้อยผาง ติดฝึกงาน และ ณัทพัช อัคฮาด ต้องดูแลมารดาที่เข้ารับการผ่าตัด 

ศาลนั่งพิจารณาคดี เวลา 10.30 น. โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าฟังการพิจารณา นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตสวีเดน และผู้สังเกตการณ์จาก Clooney Foundation For Justice พร้อมล่าม เข้าร่วมสังเกตการณ์พิจารณาคดีด้วย  

ศาลได้กล่าวถึงคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานหลักฐานที่ทนายจำเลยได้ยื่นเข้ามาอีกครั้งเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2565 ซึ่งในคำร้องดังกล่าว กล่าวถึงปัญหาอุปสรรคในการส่งหนังสือไปขอความอนุเคราะห์ต่อบุคคลภายนอก หรือหน่วยงานผู้ครอบครองเอกสาร เพื่อขอเอกสารมาประกอบการต่อสู้คดีของจําเลย โดยผลการติดตามขอเอกสารปรากฎว่าไม่มีหน่วยงานใดยินยอมส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้ ทั้งยังมีหนังสือแจ้งให้จําเลยไปดําเนินการขอออกหมายเรียกต่อศาลก่อน จําเลยจึงไม่สามารถนําเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอกมาแสดงต่อศาลได้ 

>> เพนกวิน-อานนท์-รุ้ง-ไมค์ ยื่นขอเอกสารคดี กท.การคลัง ฟ้อง ร.7- งบ สนง.ทรัพย์สินฯ – เอกสารเดินทาง ร.10 เพื่อใช้ต่อสู้คดีชุมนุม 19 กันยา

>> เลื่อนสืบพยานคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ศาลยังไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญ ทนายระบุคดีจะเร็วขึ้นหากได้ข้อมูลที่อยู่ในมือรัฐ

จากนั้น ศาลได้มีคำสั่งต่อคำร้องดังกล่าว ระบุว่า “เพื่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวมเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายเป็นหลักประกันหรือคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ถูกกล่าวหา เห็นควรออกหมายเรียกคำฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคำเบิกความพยานโจทก์ให้ตามข้อ 1

“ส่วนรายละเอียดการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ และรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เห็นว่าเป็นข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 ไม่อาจออกหมายเรียกให้ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ให้ผู้ร้องรับหมายไปส่งได้”

ภายหลังได้ทราบคำสั่ง ทนายความและจำเลยในคดีได้มีการสอบถามแลกเปลี่ยนกับศาลถึงคำสั่งดังกล่าว ศาลกล่าวว่าหากติดใจเรื่องการเดินทาง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโจทก์พิสูจน์เรื่องดังกล่าวว่าจริงเท็จอย่างไร หากโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยในส่วนนี้ไป

ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส กล่าวกับศาลว่า การขอออกหมายเรียกเอกสารการเดินทางนั้น เพื่อเป็นหลักประกันให้จำเลย เนื่องจากหากพยานโจทก์ 10 ปาก เบิกความตรงกันว่าในหลวงไม่เคยไปเยอรมนี แล้วทนายจำเลยจะเอาอะไรมาถามค้านได้ หากไม่มีหลักฐานในมือเลย ในคดีที่ใกล้เคียงกับเรื่องนี้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมิ่นลูกพลเอกประยุทธ์ จำเลยบอกว่าลูกประยุทธ์เดินทางไปออสเตรเลีย อัยการขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารการเดินทางของลูก พล.อ.ประยุทธ์ มา ศาลก็ยังออกให้

ศาลตอบทนายว่า หากเป็นคนธรรมดา ศาลก็ไม่ติดปัญหาอะไร แต่เรื่องที่จะขอให้ออกหมายเรียกการเดินทางในคดีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ ทนายกฤษฎางค์กล่าวว่า ทั้งตนและศาล ต่างก็เป็นปลายเหตุ รัฐไม่ควรฟ้องในเนื้อหาการปราศรัยเช่นนี้แต่แรก เพราะสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดภาวะเช่นนี้

ทนายรัษฎา มนูรัษฎา กล่าวเสริมว่า การเสด็จพระราชดำเนินไปที่ใด ทุกๆ ครั้งจะมีการแจ้งกำหนดการ การเดินทางจึงไม่น่าจะใช่ความลับ ศาลตอบว่าแต่ถ้าหากเป็นการเสด็จส่วนพระองค์ก็เป็นเรื่องส่วนตัว 

ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม กล่าวว่า มีคำถามสองสามข้อที่จะถามต่อศาล เนื่องจากลูกความของตนถูกโจทก์บรรยายฟ้องเรื่องที่ปราศรัยเกี่ยวกับธงมหาราช ซึ่งหากชักขึ้นแปลว่าพระมหากษัตริย์ต้องอยู่ในประเทศ แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในขณะนั้น หากโจทก์ยืนยันว่าว่าพระองค์อยู่ แล้วทนายจำเลยจะเอาอะไรมาหักล้าง ศาลตอบว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าทรงอยู่ในประเทศในขณะนั้น

นอกจากนั้นทนายนรเศรษฐ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเห็นว่า การไม่ออกหมายเรียกเนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการกระทบความมั่นคงตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ นั้น น่าจะเป็นส่วนที่หน่วยงานซึ่งได้รับหมายเรียกเป็นผู้พิจารณามากกว่าว่าข้อมูลที่จะให้เป็นการขัด พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ หรือไม่ ศาลตอบว่า เป็นดุลยพินิจของศาลตั้งแต่ต้น ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานอื่น

ทนายอานนท์ นำภา แสดงความเห็นต่อศาลว่า การขอให้ออกหมายเรียกเอกสารการเดินทางนั้นเป็นหนทางที่สุภาพที่สุดที่จะนำมาให้ศาลพิจารณา หากจำเลยจะต้องเป็นผู้หาหลักฐานอื่นออกมา เช่น คลิปต่างๆ การพิจารณาคดีจะเกินเลยไปอย่างแน่นอน 

พริษฐ์ ชิวารักษ์ จำเลย ได้ขึ้นกล่าวด้วยว่า การพิจารณาของศาลจะเป็นสถานที่พิสูจน์ความจริงหรือไม่ คดีนี้ไม่ได้ต้องการพิสูจน์เพียงแพ้ชนะ แต่ต้องการพิสูจน์ความจริงต่อสังคมด้วย หากอ้างว่าการออกหมายเรียกพยานหลักฐานดังกล่าวจะกระทบความมั่นคง อัยการก็ไม่ควรสั่งฟ้องมาแต่แรก

ทนายจำเลย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่เห็นว่าจะมีวิธีพิสูจน์ความจริงอื่นใด นอกจากการใช้กระบวนการทางศาล หากศาลเห็นว่าขั้นตอนนี้ โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์เพียงอย่างเดียว ก็ขอให้ศาลบันทึกลงในรายงานกระบวนพิจารณาด้วย

ศาลกล่าวกับทนายและจำเลยว่า อย่าคิดไปก่อนว่าการไม่มีเอกสารตารางการบินแล้วจะแพ้คดี เพราะแทบจะยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนการสืบพยาน อย่ามุ่งประเด็นไปเพียงแค่ส่วนนั้นแต่อย่างเดียว เพราะยังมีการปราศรัยอีกหลายๆ ส่วนที่จะต้องพิสูจน์

ทนายกฤษฎางค์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นขอถามศาลในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณเพราะตนคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องสาธารณะ โดยมีการนำเรื่องงบประมาณดังกล่าวเข้าอภิปรายในสภาแล้ว ศาลตอบทนายว่า ถ้าเช่นนั้นก็ลองขอไปทางรัฐสภาดู ทนายกฤษฎางค์อธิบายว่า สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานราชการ การขอออกหมายน่าจะทำได้ไม่ยาก และจะได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด 

สมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในจำเลย กล่าวว่า อยากให้ศาลช่วยอธิบายเกี่ยวกับข้อกฎหมายเรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ แต่ศาลกล่าวว่าให้ทนายของจำเลยไปอธิบายจำเลยภายหลังได้ สมยศกล่าวต่อว่า หากขอออกหมายเรียกพยานไปแล้ว หน่วยงานนั้นๆ ตอบกลับมาว่าข้อมูลที่ขอเสื่อมเสีย กระทบความมั่นคง ตนจึงจะพอยอมรับได้ แต่การใช้ดุลยพินิจตั้งแต่แรกว่าจะไม่ให้ออกหมายให้ ทำให้พวกตนรู้สึกลำบากใจ 

พริษฐ์ยังได้ถามขึ้นอีกครั้งว่า ศาลทราบได้อย่างไรตั้งแต่ต้นว่าข้อมูลที่จำเลยขอให้ออกหมายเรียกจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย ศาลได้ถามกลับว่า แล้วจำเลยทราบได้อย่างไรว่าจะไม่เสื่อมเสีย 

ต่อมา ศาลได้แจ้งให้ยุติการพูดคุยในหัวข้อดังกล่าว เพราะคงไม่สามารถพูดคุยให้คำตอบได้มากกว่านี้ นอกจากที่มีคำสั่งไปแล้วตามข้อกฎหมาย 

สำหรับคดีนี้ จะมีกำหนดวันสืบพยานโจทก์อีกครั้งในเดือน ก.ค. 2565 ได้แก่ ในวันที่ 8, 15, 22, 26-27 ก.ค. 2565 และมีนัดในแต่ละเดือนต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ 

อ่านข้อมูลคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร

.

X