นัดตรวจพยานคดี “ส่องโกงราชภักดิ์” ศาลสั่งตัดพยานที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ อ้างไม่เกี่ยวกับคดี

นัดตรวจพยานหลักฐานคดี “ส่องโกงราชภักดิ์” ศาลทหารสั่งตัดพยานบุคคล 4 ปาก ที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ว่ามีการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์หรือไม่ และยังตัดพยานเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าวและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ 2 ชุดที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานฯ ศาลอ้างเหตุว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ วันนี้ศาลจึงสั่งรวมคดีทั้ง 3 คดีก่อน ส่วนการตรวจพยานหลักฐานให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 21 ก.ย.2560

วันนี้(19มิ.ย.2560) ศาลทหารกรุงเทพนัดฟังคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ 175/2559 ของนายกรกช แสงเย็นพันธ์ และคดีหมายเลขดำที่256/2559 นางสาวชนกนันท์ รวมทรัพย์ ศาลทหารกรุงเทพมีคำสั่งรวมคดีทั้งสองกับคดีหมายเลขดำที่ 97/2559 นายสิรวิชญ์ เสริวัฒน์ และพวกรวม 6 คน โดยให้เรียกนายกรกช แสงเย็นพันธ์ เป็นจำเลยที่ 7 นางสาวชนกนันท์ รวมทรัพทร์ เป็นจำเลยที่ 8 ในกรณีที่จำเลยทั้งหมดถูกจับกุมดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนชุมนุม ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 จากการร่วมกันทำกิจกรรม “นั่งรถไฟไปราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เมื่อ 7 ธ.ค.2558

ก่อนเริ่มการตรวจพยานหลักฐานอัยการทหารซึ่งเป็นโจทก์แถลงศาลว่าทั้งสามคดีเป็นคดีที่มีบัญชีพยานชุดเดียวกันจึงให้จำเลยตรวจพยานหลักฐานเพียงชุดเดียว ทนายจำเลยที่ 1-5,7-8 แถลงว่าพยานหลักฐานที่จะส่งตรวจเป็นพยานหลักฐานที่มีการระบุพยานเหมือนกันจึงส่งตรวจเพียงชุดเดียว

ทั้งนี้ศาลได้แจ้งแก่จำเลยว่ามีคำสั่งตัดพยานบุคคลในลำดับที่ 9-12 ซึ่งมีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และพยานซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ทั้ง 2 ชุด และศาลยังตัดพยานเอกสารในลำดับที่ 15-19 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารสรุปการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพบก สำเนาเอกสารจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์ และสำเนาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบทั้ง 2 ชุด เนื่องจากศาลเห็นว่าพยานบุคคลและเอกสารในลำดับดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดี ประเด็นในคดีนี้อยู่ที่ว่าจำเลยชุมนุมมั่วสุม ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่3/2558 ไม่ได้มีประเด็นเรื่องทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์

นายอานนท์ นำภา ทนายความของจำเลยที่ 1 แถลงว่า พยานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีโดยตรง การที่ศาลทำการตัดพยานโดยไม่ได้สอบถามทนายจำเลยก่อนว่าพยานแต่ละอันดับนั้นจำเลยจะนำสืบในประเด็นใดนั้น และทำการตัดพยานไปก่อนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลแจ้งว่าหากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลให้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้

ทนายจำเลยทั้งหมดจึงแถลงค้านคำสั่ง พร้อมให้เหตุผลว่าพยานที่จำเลยระบุนั้นเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญในการต่อสู้คดี เพราะจำเลยและทนายความตั้งประเด็นต่อสู่คดีตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนว่าสาเหตุที่เดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์นั้นมาจากข่าวทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ศาลควรให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ถ้าศาลจะไม่ออกหมายเรียกพยานพยานบุคลดังกล่าวนั้น ให้โจทก์รับข้อเท็จจริงว่ามีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และพล.เอกไพบูลย์ คุ้มฉายา เคยแถลงต่อนักข่าวว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีการทุจริต ด้านโจทก์แถลงไม่รับข้อเท็จจริงดังกล่าว ทนายความจำเลยยืนยันให้หมายเรียกพยานบุคคลและพยานเอกสารตามบัญชีระบุพยานที่จำเลยยื่นต่อศาล

ด้านจำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลว่าการที่ศาลตัดพยานของจำเลยโดยที่ไม่ถามจำเลยนั้นเป็นการตัดสิทธิการต่อสู้คดีของจำเลย และขอให้ศาลชี้แจงเรื่องที่ตัดพยานของจำเลย ศาลได้ชี้แจงว่าพยานดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีหรือเกี่ยวกับฟ้องของโจทก์

ส่วนนายอานนท์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ แถลงขอทราบเหตุผลที่ตุลาการพระธรรมนูญ ไม่ลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาคดี หรือลงลายมือชื่อในคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยที่ 2 หรือจำเลยอื่น ไม่ทราบว่าใครคือตุลาการพระธรรมนูญที่ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีและเป็นตุลาการพระธรรมนูญจริงหรือไม่ ทางด้านศาลแจ้งว่าถ้าอยากทราบว่ามีตุลาการท่านใดเป็นผู้พิจารณาคดีให้ไปดูที่ตารางนัดหน้าบัลลังค์ และการที่ศาลทหารไม่ได้ระบุชื่อตุลาการนั้นเป็นระเบียบที่ปฏิบัติกันมาอยู่แล้ว นายอานนท์จึงแถลงค้านและไม่ลงชื่อในบันทึกกระบวนพิจารณาคดีของวันนี้

ศาลจึงมีคำสั่งขอรวมการพิจารณาคดีทั้ง 3 คดีก่อน ส่วนการตรวจพยานหลักฐานนั้น ให้เลื่อนไปตรวจพยานหลักฐานในนัดหน้า วันที่ 21 กันยายน 2560 เพื่อให้โอกาสจำเลยได้นำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

คดีนี้มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีรวมทั้งหมด 11 คน แต่มี 1 คนที่ถูกแยกฟ้องคือนายธเนตร อนันตวงษ์ ซึ่งได้รับสารภาพและศาลพิจารณาพิพากษาไปเมื่อ 25ม.ค.2560 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน โดยมีการเพิ่มโทษตาม ม.92 (กระทำผิดซ้ำภายในห้าปี) อีก2 เดือน เป็น 8 เดือน จากการที่จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาในคดีชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และทำให้เสียทรัพย์ แต่จำเลยให้การรับสารภาพลดเหลือ4 เดือน

หมายเหตุ – คดีหมายเลขดำที่ 97/2559 ที่มีจำเลย 6 คน ได้แก่ สิรวิชญ์ เสรธิวัฒน์, อานนท์ นำภา, กิตติธัช สุมาลย์นพ, วิศรุต อนุกูลการย์, กรกนก คำตา, และวิจิตร์ หันหาบุญ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ประมวลคดีเกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์ วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เดินทางไปไม่ถึง

ธเนตรเข้ามอบตัวที่กองปราบฯ ตำรวจนัดส่งตัวให้อัยการศาลทหาร 28กรกฎาคมนี้

X