30 พ.ค. 2565 ศาลจังหวัดยะลานัดตรวจพยานหลักฐานในคดีของ พรชัย วิมลศุภวงศ์ หนุ่มปกาเกอะญอวัย 38 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีไลฟ์สดและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก รวม 3 กรรม
ในคดีนี้ พรชัยถูกพนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา จังหวัดยะลา เข้าแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2564 ระหว่างที่เขาถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบว่าคดีที่จังหวัดยะลานี้ มี ประชาชน คือวัชรินทร์ นิวัฒน์สวัสดิ์ เป็นผู้ไปแจ้งความกล่าวหาเขาไว้ พรชัยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน
หลังจากเขาได้รับการประกันตัวในคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ พรชัยได้กลับมาพักอาศัยในกรุงเทพฯ และต้องเดินทางไปรายงานตัวในคดีที่จังหวัดยะลาเป็นระยะ ทั้งในชั้นตำรวจและอัยการ จนกระทั่งพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 โดยมีการฟ้องรวมเป็น 3 กรรม แยกเป็นพฤติการณ์เนื่องจากการกล่าวไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก 1 กรรม และการโพสต์ภาพและข้อความอีก 2 กรรม ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563
หลังศาลจังหวัดยะลารับฟ้องไว้ ได้อนุญาตให้ประกันตัวจำเลย โดยให้วางหลักทรัพย์ 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ก่อนกำหนดนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐานต่อมา
ในนัดนี้ ศาลได้อธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง พรชัยได้ยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลยได้ตกลงรับพยานกันได้ทั้งหมด 14 ปาก อาทิ เจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจยึดโทรศัพท์ของจำเลย, เจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจสอบคลิปวิดีโอและเฟซบุ๊กจำเลย, เจ้าของหอพัก, บิดามารดาของจำเลย, ผู้ใหญ่บ้านของจำเลย เป็นต้น จึงไม่ต้องนำพยานเหล่านี้เข้ามาเบิกความ
แต่ยังมีพยานโจทก์ที่ฝ่ายจำเลยไม่สามารถรับข้อเท็จจริงได้จำนวน 6 ปาก อัยการโจทก์จึงแถลงขอนำสืบพยานจำนวน 2 นัด ขณะที่ฝ่ายจำเลยแถลงจะสืบพยานทั้งหมด 3 ปาก ขอสืบพยาน 1 นัด ศาลจึงกำหนดการสืบพยานจำนวน 3 นัด ระหว่างวันที่ 4-6 ต.ค. 2565 นี้
.
อัยการฟ้อง 3 กรรม ระบุทำให้ ร.10 เสื่อมเสียพระเกียรติ พร้อมคัดค้านการประกันตัว
สำหรับเนื้อหาคำฟ้องคดีนี้มี คมสัน รัตนศิริพงษา สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 เป็นผู้เรียงฟ้อง กล่าวหาพรชัยใน 3 กรรม จากการไลฟ์สดและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ได้แก่
1. การโพสต์คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2563 โดยสรุปมีเนื้อหากล่าวถึงข้อเรียกร้องของคณะราษฎรที่จัดกิจกรรมชุมนุมที่หน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 โดยมีการกล่าวถึงเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเขาเห็นว่ารัฐสภาไม่ยอมแตะต้อง และไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ และยังกล่าวถึงสถานะอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน
2-3. ภาพและข้อความที่โพสต์เมื่อวันที่ 17 และ 18 พ.ย. 2563 มีเนื้อหากล่าวถึงบทบาททางการเมืองของรัชกาลที่ 10
อัยการได้บรรยายฟ้องว่าคำพูดและโพสต์ข้อความทั้งหมดของจำเลย เป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โดยจำเลยมีเจตนาให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในพระมหากษัตริย์และระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้
อัยการยังได้คัดค้านการประกันตัวจำเลย โดยอ้างว่าคดีนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ มีความร้ายแรง และเกรงว่าจำเลยจะไปกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวนี้ซ้ำๆ มาอีก ยากแก่การดูแลป้องกันของเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป ทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง และมีอัตราโทษสูง เกรงจำเลยจะหลบหนี
ทั้งนี้ หลังพรชัยเข้าร่วมการชุมนุมของราษฎรในช่วงปี 2563 เขาถูกกล่าวหาดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมืองไปแล้วรวม 7 คดี โดยมีคดีที่มีโทษปรับตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ทำให้คดีสิ้นสุดไปแล้ว 1 คดี อีก 4 คดี เป็นข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งยังอยู่ระหว่างต่อสู้คดี และมีคดีข้อหามาตรา 112 อีกจำนวน 2 คดี
นอกจากคดีที่จังหวัดยะลา พรชัยยังถูกฟ้องคดีข้อหามาตรา 112 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่อีกคดีหนึ่ง อันเนื่องมาจากการโพสต์ภาพและข้อความรวม 4 โพสต์ ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563 เช่นเดียวกับคดีที่ยะลา โดยคดีมีนัดสืบพยานในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2565
>> คดีพรชัย ม.112-116 โพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธ หลังถูกสั่งฟ้องที่ศาลเชียงใหม่
.