ภายหลังจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 15 ต.ค. 63 มีการจับกุมแกนนำและผู้ชุมนุมรวม 23 คน แต่ผู้ชุมนุมยังมีการประกาศนัดหมายชุมนุม #15ตุลาไปราชประสงค์ ที่บริเวณแยกราชประสงค์ในเวลา 17.00 น
ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีประชาชนทยอยเดินทางเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ จนกระทั่งเวลา 22.00 น. ได้ประกาศยุติการชุมนุม และนัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 16 ต.ค. 63 เวลา 16.00 น. ที่แยกราชประสงค์ที่เดิมอีกครั้ง
ในช่วงระหว่างการชุมนุม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมชายคนหนึ่งวัย 46 ปี ซึ่งกำลังเดินทางเข้าพื้นที่ชุมนุม แต่ได้ไปตะโกนต่อว่าตำรวจซึ่งกำลังประกาศชี้แจงผู้ชุมนุม โดยตะโกนคำว่า “ขี้ข้าเผด็จการ” พร้อมกับชูสามนิ้วใส่ ใกล้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เขาถูกจับกุมทันที และจะถูกส่งตัวมาที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.ภาค 1) ในเวลาราว 20.30 น.
เขาได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องการชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย
จนเมื่อเวลา 00.20 ภายหลังเสร็จสิ้นการชุมนุม มีรานงานว่าได้มีประชาชนจำนวน 6 ราย ถูกจับกุมตัวไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 แบ่งเป็น ผู้ชาย 5 คน และผู้หญิง 1 คน
ทั้ง 6 คน ระบุว่าเป็นลูกจ้างของบริษัทเครื่องเสียงที่ใช้ในการชุมนุม เดินทางมาจากจังหวัดอยุธยาเพื่อเก็บอุปกรณ์เครื่องเสียง หลังจากเก็บของและเดินทางออกจากจุดตั้งเครื่องเสียงได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างติดไฟแดงได้มีเจ้าหนาที่ตำรวจมาดักรถและขอให้จอด ก่อนเจ้าหน้าที่จะแสดงตัวและจับกุมตัวทั้ง 6 คน พาไปยังกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ก่อนที่จะส่งตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่บก.ตชด.ภาค 1 กลางดึกคืนที่ผ่านมา
เวลา 2.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มจัดทำบันทึกการจับกุมตัวทั้ง 6 คน โดยมีรายละเอียดระบุว่า ผู้ถูกจับกุมทั้ง 6 คน ถูกจับกุมวันที่ 15 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 22.30 น. บริเวณใกล้แยกอุรุพงษ์ ด้วยข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องการชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การภาคเสธตั้งแต่ในชั้นจับกุม
สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุมทั้ง 6 คน พนักงานสอบสวนระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลพร้อมเครื่องขยายเสียง เข้ามายังพื้นที่ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เพื่อใช้เป็นเวทีปราศรัยในที่ชุมนุม ระหว่างนั้นได้มีแกนนําของผู้ชุมนุมใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นเวทีปราศรัยโจมตีการทํางานของรัฐบาล โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-6 อยู่ร่วมในการชุมนุมใกล้รถคันดังกล่าว ในระหว่างนั้นผู้ต้องหาบางคนได้แสดงสัญลักษณ์โดยการชู 3 นิ้ว ช่วงที่ร่วมชุมนุม
จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. แกนนําได้ประกาศยุติการชุมนุมปราศรัยโจมตีรัฐบาล และ แยกย้ายกัน และผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวพร้อมด้วยผู้ต้องที่ 2-6 นั่งโดยสารมาด้วยออกจากพื้นที่ชุมนุม แยกราชประสงค์และออกจากพื้นที่ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้ติดตาม ผู้ต้องหาและรถยนต์คันดังกล่าวมาจนกระทั่งถูกจับกุมที่แยกอุรุพงษ์ ตรวจค้นตัวและรถยนต์แล้ว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ผู้ต้องหาที่ 1-6 ให้การภาคเสธว่าถูกว่าจ้างให้นํารถยนต์มาใช้เป็นเวทีปราศรัยในการชุมนุมที่แยกราชประสงค์
หลังจัดทำบันทึกจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย เสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย พร้อมด้วยทนายความจนเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 6.00 น.
ขณะนี้ผู้ถูกจับกุมทั้ง 7 คน ถูกควบคุมตัวไว้ในบก.ตชด.ภาค 1 เพื่อเตรียมดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยจะขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนในชั้นพนักงานสอบสวน หากไม่ได้รับการประกันตัวทางพนักงานสอบสวนก็จะส่งตัวทั้ง 7 คน เพื่อขออำนาจศาลแขวงปทุมวันฝากขังต่อไป
.
ศาลให้ประกันตัว 1 ผู้ชุมนุม – 6 พนักงานเครื่องเสียง โดยใช้เงินสด 2 หมื่น ไม่ให้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.
16 ต.ค. 63 ที่ศาลแขวงปทุมวัน กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมประชาชนจากการชุมนุม #15ตุลาไปราชประสงค์ ที่แยกราชประสงค์ในช่วงค่ำวันที่ 15 ต.ค. 63 ทั้งหมด 7 ราย โดยแยกเป็นนาย “เดชา” (นามสมมติ) ชายวัย 46 ปี ที่ได้ชูสามนิ้วและตะโกนด่าตำรวจว่า “ขี้ข้าเผด็จการ” ขณะกำลังเข้าพื้นที่ชุมนุม และอีก 6 ราย เป็นพนักงานขับรถเครื่องขยายเสียงที่นำมาใช้ในการชุมนุม ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องการชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.ภาค 1) ในช่วงคืนวานนี้
ช่วงเช้าวันนี้ พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีไม่มีคำสั่งให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ทั้ง 7 คน จึงได้ถูกนำตัวไปยังศาลแขวงปทุมวัน เพื่อขออำนาจฝากขัง โดยตำรวจระบุว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องทำการสอบพยานอีก 5 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหา ทำให้มีเหตุจำเป็นในการผัดฟ้องและควบคุมตัวผู้ต้องหา มีกำหนด 6 วัน ก่อนศาลจะอนุญาตให้ฝากขัง
จากนั้นทนายความได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวเดชา โดยใช้ตำแหน่งของ ส.ส. พรรคก้าวไกล จนเวลา 13.20 น. ศาลแขวงปทุมวันได้ยกคำร้องขอปล่อยตัว เนื่องจากผู้ประกันเป็น ส.ส. ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติใกล้ชิดกับผู้ต้องหา และยากแก่การบังคับคดี จึงเห็นควรอนุญาตให้ประกันโดยใช้หลักประกันเป็นเงิน 20,000 บาท ญาตินายเดชาจึงได้นำเงินสดมายื่นขอประกันตัวใหม่ และศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
ในส่วนพนักงานขับรถเครื่องเสียงอีก 6 คน ทนายความได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ใช้หลักทรัพย์ประกันตัว เนื่องจากทั้งหมดไม่ใช่ผู้ร่วมชุมนุมตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่มีความจำเป็นตามหน้าที่ซึ่งนายจ้างมอบหมาย และพนักงานสอบสวนยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้อีก ผู้ต้องหายังไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน และไม่มีทางหลบหนี เนื่องจากยังจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพครอบครัว นอกจากนั้นความผิดในคดีนี้ยังเป็นความผิดอาญาเล็กน้อย มีโทษอย่างสูงไม่เกิน 2 ปี
ต่อมาเวลา 14.50 น. ศาลได้มีคำสั่ง เห็นว่าเนื่องจากพฤติการณ์คดีนี้เป็นทำนองเดียวกันกับคดีนาย “เดชา” จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยใช้หลักประกันเป็นเงิน 20,000 บาท และให้ยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกัน ผู้ต้องหาจึงยื่นหลักทรัพย์ประกันคนละ 20,000 บาท และศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว
.