24 พ.ค. 2565 ปรากฏหมายกำหนดการของ ร.10 เสด็จไปที่วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู แต่ก่อนหน้านั้นในพื้นที่ จ.อุดรธานี และ จ.หนองบัวลำภู มีสถานการณ์การติดตามคุกคามนักกิจกรรมอยู่หลายราย ดังเช่นที่ปรากฏในหลายพื้นที่ก่อนและขณะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จ โดยครั้งนี้มีนักกิจกรรมของกลุ่มดึงดิน และกลุ่มอุดรพอกันที เริ่มถูกติดตามตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แม้เหล่านักกิจกรรมจะไม่ทราบถึงการเสด็จมาก่อน และไม่มีความคิดจะทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองในระหว่างที่ ร.10 เสด็จ แต่พวกเขาและเธอก็ยังถูกติดตามและถูกรบกวนชีวิตอันปกติสุขแบบทุกครั้งที่มีขบวนเสด็จก่อนหน้านี้
เพชร (นามสมมติ) นักศึกษาอาชีวะ และสมาชิกกลุ่มดึงดิน เล่าว่า มีความพยายามค้นหาข้อมูล ชื่อ-ที่อยู่ ของเพื่อนในกลุ่มอย่างน้อย 2 ราย ผ่านทางสถานศึกษาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมแล้ว เมื่อทางกลุ่มพยายามสอบถามถึงสาเหตุก็ได้คำตอบว่า เป็นตำรวจที่ให้ติดตามเช็คพิกัดนักกิจกรรมก่อนช่วงมีการเสด็จ
.
.
ก้อย (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เรียนอยู่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในอุดรธานี พื้นเพอยู่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ก้อยเริ่มทำกิจกรรมกับกลุ่มดึงดินตั้งแต่เรียนชั้น ปวส. ปีที่ 1 โดยการชักชวนของกลุ่มนักศึกษาในวิทยาลัยแห่งนั้น ก้อยเล่าว่า วันที่ 9 พ.ค. 2565 ประมาณ 12.00 น. แม่ของก้อยโทรมาแจ้งว่ามีตำรวจไปสอบถามหาก้อยที่บ้าน แม่จึงโทรกลับมาถามก้อยว่าไปก่อเรื่องอะไรมาหรือไม่
จากนั้นวันที่ 20 พ.ค. 2565 ก้อยทราบว่า อาจารย์ติดต่อไปที่พ่อของก้อยที่หนองบัวลำภู เพื่อสอบถามที่อยู่ปัจจุบันของก้อย ก้อยสงสัยว่าทำไมต้องไปถามผ่านพ่อ ไม่มาถามเธอโดยตรง และทางวิทยาลัยก็น่าจะมีที่อยู่ของนักศึกษาอยู่แล้วในประวัติส่วนตัว วันนั้นทางกลุ่มดึงดินจึงเข้าไปถามอาจารย์ที่วิทยาลัย ทำให้รู้ว่า ตำรวจโทรอาจารย์ ก่อนกดดันให้อาจารย์โทรไปที่บ้านของก้อย แต่เมื่อทางกลุ่มถามว่า ตำรวจที่โทรมาขอข้อมูลสังกัดหน่วยใด อาจารย์กลับไม่ให้ข้อมูลในส่วนนั้นกับกลุ่ม ทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจว่า ทำไมวิทยาลัยถึงเลือกที่จะปกป้องข้อมูลของตำรวจที่มาคุกคามนักศึกษาในความดูแลของวิทยาลัย แทนที่จะปกป้องนักศึกษา
ต่อมา วันที่ 22 พ.ค. 2565 ระหว่างเดินทางกลับจากการไปร่วมกิจกรรมวันครบรอบ 8 ปี รัฐประหาร ก้อยพบชายต้องสงสัยขับรถยนต์ตามถ่ายรูปเธอไปจนถึงหอพัก ก่อนจอดอยู่บริเวณหอระยะหนึ่งและขับออกไป
สำหรับก้อยไม่เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน ก้อยสะท้อนความรู้สึกว่า เธอกังวลและไม่สบายใจ พ่อแม่ที่บ้านก็พยายามโทรมาสอบถามว่าเธอไปทำอะไรผิด ทำให้ก้อยก็เกิดความระแวง กลัวว่าจะถูกดำเนินคดี ทั้งที่ที่ผ่านมา เธอเพียงเข้าร่วมการชุมนุมบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการไปร่วมบริจาคของให้กับผู้ยากไร้ แต่ในช่วงนี้กลุ่มดึงดินก็ไม่ได้ประกาศจะทำกิจกรรมอะไร และก้อยก็ไม่ทราบว่า จะมีขบวนเสด็จมาที่อุดรฯ และหนองบัวลำภู ตำรวจที่โทรไปที่บ้านก็ไม่ได้บอกอะไร
กูล (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สมาชิกกลุ่มดึงดินอีกรายซึ่งอยู่ระหว่างเรียนภาษาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ เล่าว่า เขาทราบว่าเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม มีตำรวจตามเฟซบุ๊กบัญชีส่วนตัวที่เขาไปติดตามเพจสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง
จากนั้นในวันไปสมัครเรียนกูลจึงทราบจากพนักงานสถาบันฯ ว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันมีตำรวจโทรเข้าไปสอบถามว่า มีคนลักษณะคล้ายกูลมาสมัครเรียนหรือไม่ ได้เข้าไปเรียนหรือยัง ตำรวจยังบอกกับผู้อำนวยการสถาบันฯ ว่า กูลเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ทางสถาบันฯ จึงแจ้งกับตำรวจว่า ถ้าไม่ได้มีหมายมายืนยัน ก็คงให้ความร่วมมือกับตำรวจหรือให้ข้อมูลของผู้เรียนไม่ได้
กระทั่งวันที่ 24 พ.ค. 2565 วันที่มีการเสด็จ กูลทราบจากคนที่บ้านว่า มีตำรวจ สภ.โนนสูง เข้าไปหาที่บ้าน สอบถามว่า วันนี้กูลจะไปไหน ทำอะไร แต่กูลก็ไม่ได้อยู่บ้านจึงไม่ได้พบกับตำรวจ
กูลกล่าวว่า ที่ตำรวจมาบ้านเขาครั้งนี้เพราะว่ามีขบวนเสด็จมาที่อุดรฯ แต่ช่วงที่มีการเสด็จครั้งก่อนๆ ตำรวจจะได้ไปที่บ้านเขาหรือไม่นั้น กูลก็ไม่ทราบ เขาเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรระหว่างนี้ เนื่องจากต้องเตรียมตัวไปทำงานที่ต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มดึงดินเป็นกลุ่มนักกิจกรรมในจังหวัดอุดรธานี มีกิจกรรมหลักๆ ทำเรื่องปัญหาชาวบ้าน คนจนเมือง คนไร้บ้าน เน้นไปทางประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานเฉพาะถิ่น รวมทั้งเรียกร้องตามข้อเสนอทางการเมืองในปัจจุบันในประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไปด้วย
.
.
ในส่วนของกลุ่มอุดรพอกันที ศรี (นามสมมติ) นักเรียนอายุ 18 ปี ให้ข้อมูลว่า วันที่ 16 พ.ค. 2565 มีตำรวจจาก สภ.กุมภวาปี เดินทางไปที่บ้านในตัวอำเภอ ก่อนจะพบกับศรีและแจ้งว่า ตำรวจไม่ได้มาทำอะไรหรอก แค่ยังตามอยู่ และจะรายงานกับผู้บังคับบัญชาว่าศรีไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรในช่วงนี้ หลังจากนั้นพ่อได้มาเล่าให้ศรีฟังว่า ญาติที่รู้จักกับตำรวจโทรมาเตือนให้ศรีระวังเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง และบอกด้วยว่า ช่วงนี้ศรีกำลังถูกติดตาม อย่างไรก็ตาม ศรีเล่าว่า เธอเองก็ไม่ได้คิดจะจัดกิจกรรมอะไรในช่วงนี้ ในวันที่ 24 พ.ค. 2565 ที่มีการเสด็จเธอก็ไปทำธุระที่ จ.ขอนแก่น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ กระนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่โทรสอบถามติดตามถึงพิกัดที่อยู่
กี้ (นามสมมติ) นักเรียนอายุ 18 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มอุดรพอกันทีอีกรายที่ถูกตำรวจโทรติดตามตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2565 โดยตำรวจโทรหาย่า สอบถามว่ากี้อยู่ที่ไหน และจะทำกิจกรรมอะไรหรือไม่ ก่อนจะหยุดโทรในช่วงหลังวันที่ 24 พ.ค. 2565
นอกจากนี้ ยังมีนะโม (นามสมมติ) และบุ๊ค (นามสมมติ) นักกิจกรรมอุดรพอกันทีอีก 2 ราย ที่ถูกเจ้าหน้าที่โทรติดตามถามถึงที่อยู่ระหว่างมีขบวนเสด็จอีกด้วย
การติดตามประชาชนนักกิจกรรมในระหว่างที่มีการเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นอีกหนึ่งการคุกคามที่หลายคนต้องเผชิญปัญหา ยิ่งกับเยาวชนหลายรายที่ตำรวจมักจะติดต่อผ่านสถานศึกษาในการสืบค้นข้อมูลพิกัดที่อยู่ มากกว่านั้นยังติดต่อผ่านผู้ปกครอง ที่มักสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ปกครองและนักกิจกรรมว่า การที่ถูกติดตามเช่นนี้เป็นเพราะไปก่อความผิดร้ายแรงมาหรือไม่ หนำซ้ำทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้มีการบอกกล่าวถึงสาเหตุที่แท้จริงของการติดตาม ทำให้นักกิจกรรมเองต่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกคุกคาม ทั้งที่ไม่ได้มีแผนจะทำกิจกรรมทางการเมืองในระหว่างมีการเสด็จอยู่แล้ว
.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
บ่มีไผเคลื่อนไหว: แต่ตำรวจคุกคาม ตามติด เยาวชน-นักกิจกรรม เพียงเพราะ ‘เจ้า’ เสด็จอุดรฯ
.