ศาลปลด 2 เงื่อนไขประกัน “ลูกเกด” แต่ยังคงติด EM ไว้ ระบุมีผลช่วงเวลาหนึ่ง พร้อมเตือนการแชร์ชื่อศาล

19 เม.ย. 2565 เวลา 13.30 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดไต่สวนเงื่อนไขการประกัน “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว นักกิจกรรมจากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และว่าที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกล จังหวัดปทุมธานี ในคดีมาตรา 112 กรณีโพสต์ข้อความถึงสถาบันกษัตริย์ “ราษฎรสาส์น” เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563 โดยมีนพดล พรหมภาสิต เลขาศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) เป็นผู้กล่าวหา โดยพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565  

>> ศาลเรียกไต่สวนด่วน “ลูกเกด” ชลธิชา เหตุเผยแพร่เงื่อนไขประกันตัวไม่ตรงข้อเท็จจริง กระทบต่อภาพลักษณ์ศาล

การนัดไต่สวนในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 ศาลอาญาได้นัดไต่สวนข้อเท็จจริงหลังจากที่ชลธิชาได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเข้าพบรองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์การบังคับใช้มาตรา 112 รวมทั้งเงื่อนไขการประกันตัวที่ละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 

ในวันดังกล่าว ศาลมีคำสั่งให้ลูกเกด แถลงข่าวต่อสาธารณะภายใน 3 วัน เพื่อแก้ไขข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเรื่อง เวลาในเงื่อนไขที่ให้อยู่ในเคหสถานตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น จาก“ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 05.00 – 20.00 น.” โดยที่ถูกต้องเป็น “ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 20.00 – 05.00 น.” รวมทั้งประเด็นที่้ระบุว่า “ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำผิดซ้ำ และจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักรัฐธรรมนูญ” แก้ไขเป็น “ห้ามจำเลยกระทำกิจกรรมในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหา”

รวมทั้งทนายความจะทำคำแถลงมายื่นต่อศาลภายใน 15 วัน และนัดไต่สวนอีกครั้งในวันนี้

ศาลชี้ไม่เคยมัดมือชก – เป็นผู้กำหนดสัดส่วนทุกอย่าง แม้ลูกเกดต้องการให้ศาลใช้ดุลพินิจ

ณ ห้อง 801 เวลา 13.10 น. ชลธิชา และทนายความได้เดินทางมาที่ห้องพิจารณาคดี โดยมีผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์อีกทั้งหมด 11 คน ได้แก่ เจ้าหน้าที่จาก iLaw, เจ้าหน้าที่จากสถานทูตเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก และเดนมาร์ก รวม 4 คน และประชาชนทั่วไปอีก 6 คน 

เวลา 13.59 น. ศาลขึ้นบัลลังก์พร้อมชี้แจงในประเด็น การเรียกให้มาศาล เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 หลังจากแจ้งให้ทราบ 3 วัน ว่าการเรียกครั้งนั้นไม่ใช่การไต่สวนถอนประกันตัว แต่เป็นการเรียกมาชี้แจงให้จำเลยทราบว่า จำเลยทำผิดเงื่อนไขหรือให้ข้อมูลผิด ไม่ใช่การมัดมือชก 

อีกทั้งได้ชี้แจงในประเด็น การกำหนดเงื่อนไขให้ได้สัดส่วน ว่าทั้งโลกนี้ ศาลเป็นผู้กำหนดสัดส่วนใดๆ ทั้งหมด กล่าวคือศาลเป็นผู้พิจารณาว่าสัดส่วนใดเหมาะหรือไม่เหมาะสม ถ้าศาลชั้นต้นตัดสินมาแล้วไม่พอใจ ให้จำเลยยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาต่อไป และการสั่งเงื่อนไขเป็นไปตามที่นายประกันขอไว้แล้ว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า การที่ศาลให้ประกันพร้อมเงื่อนไขนั้น เป็นไปตามท้ายคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่ระบุว่า “จึงขอให้ศาลโปรดพิจารณาปล่อยจำเลยตามแนวปฏิบัติดังกล่าว” โดยศาลพิจารณาเงื่อนไขการปล่อยตัวจากคดีอื่นๆ ที่ชลธิชาถูกกล่าวหาด้วย การใส่กำไล EM จึงเห็นว่าเหมาะสมแล้ว

หลังจากนั้นผู้พิพากษาและชลธิชา ก็ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงเรื่องของการกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว โดยชลธิชาได้ถามต่อศาลว่า ตกลงแล้วท่านหมายความว่าอย่างไรในกรณีของเงื่อนไขการห้ามจำเลยกระทำความผิดซ้ำ แปลว่าการกระทำของชลธิชาที่ถูกนำมาฟ้องเป็นคดีและยังไม่สิ้นสุดนั้น ถูกมองว่าเป็นความผิดไปแล้วหรือไม่  ศาลได้ชี้แจงว่าไม่ใช่เช่นนั้น โดยได้พยายามยกตัวอย่างความผิดฐานลักทรัพย์ว่า ก็เหมือนกับการห้ามไม่ให้ไปทำอีก ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขประกันตัว 

แต่ทางชลธิชาก็ได้แสดงความเห็นต่อศาลว่า คดีของเธอ เป็นคดีที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น และไม่ใช่คดีอาชญากรรมและคดีที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม ทำให้เธอตั้งคำถามว่า การกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้ แปลว่าห้ามเธอแสดงความคิดเห็นทางเฟซบุ๊กไปเลยหรือไม่ ศาลได้ตอบว่าไม่ขอให้ความเห็น แต่ศาลจะไม่มีเพิกถอนประกันในทันทีและจะมีการไต่สวนความผิดก่อนทุกครั้ง

นอกจากนั้นแล้ว ทางชลธิชาได้แถลงต่อศาล ว่าต้องการให้ศาลใช้ดุลพินิจที่จะปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมระบุอีกว่า ปัจจุบันที่ยังไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งการปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมเงื่อนไข เพราะว่าต้องการให้มีการไต่สวนถอนประกันในวันนี้ให้เสร็จก่อน 

พร้อมแถลงเพิ่มเติมว่า ศาลไม่ควรห้ามเรื่องการแสดงความคิดเห็นในเงื่อนไข ทั้งๆ ที่คดีของตนเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ใช่คดีที่เป็นความผิดในตนเอง การกำหนดเงื่อนไขควรต้องคำนึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพ และให้สอดคล้องกับหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมถึงการที่ศาลระบุเงื่อนไขไม่ชัดเจนดังกล่าว อาจทำให้จำเลยถูกกลั่นแกล้งจากการที่ตำรวจหรืออัยการยื่นคำร้องขอถอนประกันต่อศาลได้ 

ศาลปลด 2 เงื่อนไข เหลือ EM พร้อมเตือน ดำเนินคดีหรือแจ้งสภาทนายฯ ผู้เผยแพร่ชื่อผู้พิพากษา

ต่อมา ศาลให้จำเลยแถลงเรื่องขอปลดเงื่อนไขในเรื่องห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึง 5.00 น. ของวันถัดไป และการมารายงานตัวต่อศาลทุกๆ 15 วัน ในช่วงเวลา 3 เดือน ศาลจะให้ปลดเงื่อนไข พร้อมระบุว่าศาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และศาลอยู่ตรงกลาง โดยไม่มีรัฐบาลหรือใครที่จะมาสั่งศาลได้ โดยทุกวันนี้มีแต่คนมาบอกว่า “สงสารเด็ก” และขอให้ปล่อยเถอะๆ แต่เนื่องจาก “กฎหมายเขียนไว้แบบนี้” ศาลก็ต้องทำตามกฎหมาย

ชลธิชาจึงแถลงต่อศาล พร้อมระบุตามเหตุผลว่า เงื่อนไขที่ศาลห้ามจำเลยออกนอกเคหสถานและรายงานต่อศาล ทำให้จำเลยไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้ปลดเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อดังกล่าว 

แต่ไม่ยกเลิกคำสั่งให้ติดกำไล EM โดยให้เหตุผลต่อทนายว่า การติดกำไล EM นั้นมีระยะเวลาของการติด คำสั่งมีผลอยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจะปลดให้ ไม่ใช่หลังจากที่ศาลเพิ่งออกคำสั่งไปแล้วจะขอถอนการติดกำไล EM เลย 

ก่อนการไต่สวนถอนประกันในวันนี้จะสิ้นสุดลง ศาลได้ตักเตือนว่า ศาลและผู้บริหารทุกคนถูกคุกคามจากโพสต์สาธารณะและข่าวที่มีการระบุถึงชื่อผู้พิพากษา ทำให้ผู้พิพากษาคนนั้นเป็นเป้าโจมตีของสาธารณชน ทำให้ชื่อผู้พิพากษาและครอบครัวเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ศาลได้มีแนวทางในการจัดการ ในกรณีที่ทนายความเป็นคนโพสต์ จะแจ้งสภาทนายความให้ทราบ ส่วนถ้าประชาชนเป็นคนทำ ทางสำนักงานของศาล จะดำเนินคดี

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนในวันนี้ ชลธิชาได้เดินออกจากห้องพิจารณา พร้อมกล่าวว่ากับบรรดาผู้ที่มาให้กำลังใจ ตัวแทนสถานทูต และทนายความว่า “ไม่มีสิทธิและเสรีภาพที่ได้มาโดยปราศจากการต่อสู้” 

หลังจากการไต่สวนถอนประกันในวันนี้ ถึงแม้ว่าชลธิชา จะไม่ถูกถอนประกันและได้ปลดเงื่อนไข แต่การติดกำไล EM ก็ยังคงสร้างผลกระทบต่อชลธิชา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเทคนิคด้านการชาร์ตแบต ปัญหาด้านสุขอนามัยข้อเท้าที่ต้องเสียเงินดูแลมากขึ้น และการจำกัดพื้นที่การใช้ชีวิต เป็นต้น  

อ่านรายงาน 1 ปี ประกันตัวคดีการเมือง ถูกสั่งติด EM ไม่น้อยกว่า 54 คน พร้อมผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

X