จับ 2 วัยรุ่นระหว่างเดินทางไปร่วมงาน #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม เหตุมีระเบิดในครอบครอง ก่อนศาลไม่ให้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 เวลา 16.35 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับแจ้งว่า สมาชิกกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2 คน ถูกตำรวจจับกุมจากเหตุมีระเบิดไว้ในครอบครอง ก่อนจะถูกนำตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถ.วิภาวดีรังสิต 

19.00 น. ภายหลังทนายความได้เข้าพบผู้ต้องหา ทราบชื่อภายหลังคือ คทาธร อายุ 26 ปี และ คงเพชร อายุ 18 ปี ทั้งสองคนถูกจับกุมขณะกำลังเดินทางจากย่านดินแดงไปยังแยกราชประสงค์ เพื่อร่วมงานรำลึก 12 ปี การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษา 53  #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม โดยถูกตำรวจยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อญาติ โดยตำรวจได้จัดทำบันทึกจับกุมเสร็จสิ้นก่อนทนายความจะเข้าพบแล้ว

เมื่อทนายความเดินทางไปถึง บช.ปส. ตำรวจกำลังขอให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้ความยินยอมในการเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันหน้าเฟซบุ๊กและไลน์ที่เจ้าตัวใช้งาน อย่างไรก็ดีทั้งสองคนไม่ให้การยินยอม บริเวณลำคอของคทาธรมีแผลจากการถูกบีบ กระชากคอ ขณะถูกจับกุม ขณะที่บริเวณแขนของทั้งสองคนมีรายขีดข่วนจากการใส่กุญแจมือ คงเพชรยังได้เล่าว่า ตนถูกตำรวจตีเข่าถึง 3 ครั้ง 

ร.ต.อ.บุญลือ ทางตรง รองสารวัตร สน.พญาไท ระบุในบันทึกจับกุมว่า ขณะที่ ด.ต.บุญทวี พวงจันทร์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.พญาไท ได้ยืนอํานวยการจราจร ตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชา อยู่บริเวณท้ายซอยราชวิถี 11 ตัดกับถนนพญาไท พบรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่ผ่านมาเข้าไปในซอยดังกล่าว 

ผู้ขับขี่เป็นชายพร้อมคนซ้อนหนึ่งคนไม่สวมหมวกนิรภัย ทั้งสองคนขับผ่านเข้าไปในซอย จึงได้ทําการขับรถจักรยานยนต์ติดตามไป และพบว่าผู้ขับขี่ได้กลับรถ ขับรถย้อนศรเข้ามาลักษณะไม่เป็นไปตามกฎจราจร จึงได้ทําการจอดรถและยืนแสดงตัวเรียกทําการหยุดรถ แต่ผู้ที่ไม่หยุดรถพยายามขับฝ่าออกไป ทางด.ต.บุญทวี พวงจันทร์ จึงได้ดึงถอดกุญแจรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออก ทําให้รถเครื่องดับลง 

ในระหว่างนั้นผู้ขับขี่พยายามยื้อแย่งเอากุญแจ ส่วนคนซ้อนท้ายได้พยายามลงจากรถมาช่วยผู้ขับขี่ ด.ต.บุญทวี เพื่อป้องกันตัวจึงได้ยื่นมือไปคว้าที่ศีรษะคนซ้อนท้ายและจับกดลงพื้นตามยุทธวิธี ในระหว่างนั้น ผู้ขับขี่ได้ใช้มือผลักหน้าอกของ ด.ต.บุญทวี และใช้กําลังช่วย จนผู้ซ้อนท้ายหลุดจากการควบคุม 

ด.ต.บุญทวี จึงได้ทําการเรียกวิทยุขอกําลังเสริมช่วยเหลือเหตุดังกล่าว เมื่อผู้ขับขี่และคนซ้อนท้ายเห็นว่ามีกําลังเข้ามาช่วยเหลือ จึงได้หยุดต่อสู้ หลังจากนั้นจึงได้ช่วยกันควบคุมตัว แต่ยังขัดขืนดิ้นรน 

เมื่อควบคุมตัวได้ จึงได้ขอทําการตรวจค้นตัวและค้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว การตรวจค้นที่ตัวทั้งสองคนไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนที่รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มานั้น เมื่อเปิดเบาะรถจักรยานยนต์ ตรวจสอบพบ

มีดอยู่ในซองผ้าสีดํา ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร, ระเบิดแสวงเครื่องชนิดกระทบแตกพันผ้าเทปสีดํา จำนวน 3 ลูก, ผ้าเทปสีดํากับกระป๋องสเปย์น้ำมันหล่อลื่นยี่ห้อโซแน็คยึดติดกับระเบิด จำนวน 1 ลูก โดยตำรวจได้ยึดไว้เป็นของกลาง

ขณะที่คทาธรระบุเหตุการณ์ว่า ระหว่างที่ตำรวจพยายามแย่งกุญแจ ได้บีบคอตน ตนจึงตกใจและสะบัดตัวออก ทำให้เกิดการชุลมุนต่อสู้ ตำรวจพยายามเตะตัดขาหลายรอบ เขาได้พยายามบอกว่า “พี่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ คุยกันดีๆ” แต่ตำรวจโต้ตอบทำนองว่า “มึงเก่งเหรอ” หลังจากนั้นตนจึงถูกจับกุมใส่กุญแจมือ โดยตนมีรอยช้ำจากการถูกบีบคอและมีรอยแดงจากการถูกสวมกุญแจมือ

เวลา 21.30 น. คงเพชร ถูกแจ้ง  5  ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย  

1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย 

2. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดนอกจากที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง

3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร 

4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ร่วมกันต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ 

5. พ.ร.บ.จราจรฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 122 ไม่สวมหมวกนิรภัย 

ขณะที่คทาธร ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.บ.จราจรฯ พ.ศ. 2522 เพิ่มอีก 2 มาตรา คือ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรถ, ขับรถไม่เป็นไปในทิศทางที่กําหนด (ย้อนศร)

ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือภายในวันที่ 10 พ.ค. 2565 โดยทั้งสองได้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. 

11 เม.ย. 2565 พนักงานสอบสวนสน.พญาไท ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 ต่อศาลอาญา ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ต่อมาศาลอนุญาตให้ฝากขัง และไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่าความผิดที่ถูกกล่าวหาเป็นข้อหาร้ายแรง มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ทั้งสองคนถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

X