เช้าวันนี้ (30 เม.ย. 2562) นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ “แม่น้องเกด”, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” เดินเท้าเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.พญาไท จากเหตุที่ถูกนายพินิจ จันทร์ฉาย หนึ่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เหตุทั้ง 3 คนได้ปราศรัยในกิจกรรมล่าชื่อถอดถอน กกต. ในชื่อ #เห็นหัวกูบ้าง เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 62 ที่สกายวอล์คสถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ระหว่างที่ทั้ง 3 คนเดินจากวัดปทุมวนารามราชวรวิหารไปที่สน.พญาไท มีผู้เข้ามาร่วมให้กำลังใจราว 10 คน โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินตามสังเกตการณ์ไปตลอดเส้นทาง
.
เมื่อเวลา 10.20 น. ทั้ง 3 คน เดินถึงสน.พญาไท แล้วได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับทั้ง 3 คน ว่าได้ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการปราศรัยในกิจกรรมดังกล่าว โดยในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาระบุพฤติการณ์ว่า
นายสิรวิชญ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ได้อ่านแถลงการณ์ที่สรุปได้ว่าขอให้ กกต.เปิดเผยผลการลงคะแนนทุกหน่วยการเลือกตั้ง และไม่อยากเห็นการปรับแต่งคะแนนเพื่อเอื้อประโยชน์พรรคพลังประชารัฐ และคสช. ทั้งยังกล่าวถึงการใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งถึง 5.8 พันล้านบาท แต่กลับมีพฤติกรรมไม่โปร่งใสและความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ในบันทึกแจ้งข้อหายังระบุถึงข้อความที่นายสิรวิชญ์กล่าวอีกว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กกต. จะตระหนักได้แล้ว ว่าความเชื่อถือ ศรัทธาที่ประชาชนมีต่อองค์กรได้ตกต่ำลงมาเพียงใด และจะกลับตัวกลับใจ แก้ไขในสิ่งที่ผิดให้กลับเป็นถูกต้องอย่างเต็มความสามารถ และไม่ทำผิดซ้ำซากมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นแล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าที่จะต้องนับว่า กกต. ชุดนี้ เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดในการโกงการเลือกตั้งครั้งนี้”
บันทึกระบุข้อความของนางพะเยาว์ว่า “ใครที่รอรวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อต่อต้านการโกงโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง”
ในส่วนของนายพริษฐ์นั้น บรรยายว่า “ทำไม กกต.ถึงยอมให้มีการโกงการเลือกตั้ง” “กกต.เป็นกรรมการกลับโกงการเลือกตั้งเสียเอง” “กกต.ย่อมาจากโกงการเลือกตั้ง” “กกต.ทำไมไม่ตรวจสอบการกระทำความผิดของพรรคการเมือง ทำไมเอาเวลาไปโกงการเลือกตั้ง” “กกต.มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งแท้ๆ ทำไมมาโกงการเลือกตั้งเสียเอง” “กกต.ชุดนี้มันไม่ใช่กรรมการการเลือกตั้ง แต่มันเป็นกรรมโกงการเลือกตั้ง” “กรรมการมันโกงซะเอง”
ทั้ง 3 คนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและจะให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ในวันนี้ พนักงานสอบสวนไม่ได้มีการควบคุมตัวทั้ง 3 คน เนื่องจากเดินทางเข้ารายงานตัวตามหมายเรียกด้วยตนเอง และได้นัดให้มาพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไทอีกครั้ง ในวันที่ 4 มิ.ย. 62 เวลา 10.00 น.
ในช่วงที่ผ่านมาตลอด 1 เดือนเศษ ขณะที่ผลการเลือกตั้งยังไม่มีความชัดเจนและยังคงปรากฏข่าวว่า กกต.ยังไม่ทราบว่าจะใช้สูตรคำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร แต่กลับปรากฏข่าวว่า กกต.ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแล้วอย่างน้อย 4 คดี 20 คน (รวมคดีของทั้ง 3 คนในวันนี้ด้วย) ได้แก่
คดีแชร์แคมเปญล่าชื่อถอดถอน กกต.จากเว็บไซต์ change.org ไปที่บัญชีเฟซบุ๊กของตัวเอง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมลงชื่อในแคมเปญดังกล่าวนี้ถึง 8 แสนกว่าคน คดีนี้ กกต.แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 7 คน ด้วยข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งกรณีนี้ตำรวจมีการควบคุมตัวบุคคล 3 ราย ไปแจ้งข้อกล่าวหาและแถลงข่าวการจับกุมที่สน.ทุ่งสองห้องด้วย ทั้งที่เจ้าหน้าที่เพียงแต่ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น โดยไม่ได้มีหมายจับ
คดีที่ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย (นิติภูมิ นวรัตน์) ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชื่อผู้ใช้งาน “Nitiphumthanat Ming-rujiralai” และทวิตเตอร์ชื่อผู้ใช้งาน “Nitipoom Navaratna” โดยมีเนื้อหาว่า “กกต. เตรียมแถลงแจกใบแดง ว่าที่ ส.ส. 45 เขต พรรคเพื่อไทย 28 เขต อนาคตใหม่ 15 พลังประชารัฐ 2 เลือกตั้งซ่อม 21 เม.ย.2562 ทำให้ตอนนี้ พลังประชารัฐ มี ส.ส. เป็นอันดับ 1 จำนวน 115 เสียง พรรคเพื่อไทย มี ส.ส. 111 เสียง” พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้แจ้งข้อกล่าวหามาตรา 14 (2) ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ทั้งนี้ ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐได้เคยชี้แจงไว้ในเฟซบุ๊กของตนว่าเอาไว้ว่าตัวเขาเองไม่เคยใช้ทวิตเตอร์
นอกจากนั้นยังมีคดีที่เกิดจากการแชร์ข่าวจากเว็บไซต์ syoutaogou.com ซึ่งคดีนี้มีผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดีรวม 9 คน ด้วยข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (5) และมีผู้ต้องหาอย่างน้อย 1 คน ที่ศูนย์ทนายความฯ ทราบว่ามีการแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาร่วมด้วย