“เก็ท” กลุ่มโมกหลวงฯ ถูกจับกุมเหตุพกป้าย “เราพร้อมจะอยู่ร่วมกับสถาบันกษัตริย์ ที่พูดถึงได้ ถามถึงได้ วิจารณ์ได้” ให้การปฏิเสธข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน

18 มี.ค. 2565 เวลา 16.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับแจ้งว่า ‘เก็ท’ โสภณ สุรฤทธิ์ธํารง วัย 23 ปี สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ถูกตำรวจในและนอกเครื่องแบบประมาณ 10 คน จับกุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายหลังเดินทางไปรอรับเสด็จบริเวณดังกล่าว ก่อนถูกนำตัวไปควบคุมตัวยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อเพื่อนหรือญาติ

กรณีนี้สืบเนื่องจากรัชกาลที่ 10 และพระราชินี จะเสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว เพื่อเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สำหรับฤดูร้อนในช่วงหัวค่ำของวันนี้

เวลา 17.20 น. เมื่อทนายความเดินทางไปถึง บช.ปส. ตำรวจยังไม่ให้เข้าพบผู้ถูกจับกุม โดยอ้างว่าต้องให้รอพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม มาถึงก่อน จนเวลา 17.45 น. ทนายความจึงได้เข้าพบผู้ถูกจับและเข้าร่วมกระบวนการทำบันทึกจับกุม

บันทึกจับกุมของตำรวจ ระบุเมื่อเวลาประมาณ 15.40 น. ขณะที่เจ้าพนักงานตํารวจชุดจับกุมปฏิบัติหน้าที่ตามแผนปฏิบัติการ ถวายความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบพระราชกรณียกิจที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้พบกับนายโสภณ สุรฤทธิ์ธํารง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองและมีความเห็นต่างต่อสถาบัน ยืนถือแผ่นกระดาษมีข้อความว่า “เราพร้อมจะอยู่ร่วมกับสถาบันกษัตริย์ ที่พูดถึงได้ ถามถึงได้ วิจารณ์ได้ ทรงพระเจริญ” 

ตำรวจชุดจับกุมอ้างว่า ข้อความดังกล่าวเป็นความเห็นต่างต่อสถาบัน และเพื่อไม่ให้มาก่อความวุ่นวายหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมเห็นว่าการกระทํา ดังกล่าวเป็นการกระทําที่ไม่สมควรและอาจเกิดผลกระทบต่อการถวายความปลอดภัยและการถวายพระเกียรติ 

พ.ต.ท.เอกภณ พุทธิกุล รอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม ผู้ควบคุมการปฏิบัติถวายความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอํานาจและหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามแผนปฏิบัติดังกล่าว ได้สั่งให้ผู้ถูกจับกุมหยุดการกระทําดังกล่าว และให้ผู้ถูกจับ ออกไปให้พ้นเส้นทางพระราชดําเนิน แต่ผู้ถูกจับกุม ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบทันทีในที่เกิดเหตุ และจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน

เก็ทถูกแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 “ทราบคําสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอํานาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ ตัวอันสมควร” ซึ่งเป็นข้อหามีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท และเขาถูกริบป้ายที่นำมาทำกิจกรรม นอกจากนั้นยังถูกตำรวจแจ้งว่าจะตรวจปัสสาวะ เนื่องจากตำรวจอ้างว่า “คนปกติไม่น่าจะคิดทำอะไรแบบนี้ได้” แต่เก็ทปฎิเสธ

เบื้องต้นเก็ทได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ถึงแม้ว่าตำรวจจะแจ้งว่าหากรับสารภาพจะเสียค่าปรับเพียง 500 บาท เนื่องจากต้องการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด และได้ให้การเพิ่มเติมในชั้นสอบสวนว่า ขณะถูกจับกุมตนมีแผ่นป้ายอยู่ในกระเป๋า และยังไม่ทันได้หยิบขึ้นมาทำกิจกรรมแต่อย่างใด  แต่ตำรวจได้เข้ามาทักตนก่อนจะขอตรวจค้นกระเป๋า ซึ่งตนได้ให้ความร่วมมือแต่โดยดี และเมื่อตำรวจพบแผ่นป้าย จึงพยายามให้ตนออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว แม้ตนจะยืนยันว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะสามารถเข้ารับเสด็จได้ เมื่อตนไม่ยินยอมที่จะออกจากพื้นที่ ตำรวจจึงทำการยึดและขยำแผ่นป้ายของตน และหิ้วตนขึ้นรถมายัง บช.ปส. โดยไม่ได้ติดต่อทนายความทันทีที่ถูกจับกุม ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจึงไม่ตรงกับบันทึกจับกุมที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง

ภายหลังเสร็จสิ้นการทำบันทึกจับกุมในเวลา 19.00 น. ตำรวจได้อนุญาตให้เก็ทประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยตีหลักทรัพย์มูลค่า 5,000 บาท อย่างไรก็ตามในชั้นนี้สามารถใช้ตำแหน่งทนายความประกันตัวได้ เขาจึงได้รับการปล่อยตัวจาก บช.ปส. ในเวลาประมาณ 21.23 น. โดยตำรวจนัดให้ไปส่งสำนวนให้กับอัยการในวันที่ 8 เม.ย. 2565 ต่อไป

.

X