ทนายท้วงศาลเพิกถอนประกัน ‘รุ้ง’ ใช้ข้อเท็จจริงนอกสำนวน-ทำคำสั่งโดยผู้พิพากษาคนละคนกับผู้ไต่สวน

วานนี้ 22 พ.ย. 64 ศาลอาญาอ่านคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จากเหตุการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. 63 หรือคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร โดยระบุว่าพฤติการณ์โพสต์เชิญชวนให้ประชาชนไปร่วมชุมนุม และการขึ้นกล่าวปราศรัยในที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64 รวมทั้งโพสต์รูปตัวเองแต่งกายชุดดำ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนแต่งกายเช่นเดียวกัน ในวันที่ 28 ก.ค. 64 เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ อันเป็นการผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวที่ศาลตั้งไว้ก่อนหน้านี้ 

หลังรับทราบคำสั่ง กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของปนัสยา ให้ความเห็นถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งศาลอาญา ต่อการเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของปนัสยา ไว้ 2 ประเด็น ดังนี้  

ประเด็นที่หนึ่ง กฤษฎางค์กล่าวถึงคำร้องของพนักงานอัยการที่ขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของปนัสยาว่า ในคำร้องไม่ได้ระบุถึงเหตุการณ์โพสต์รูปปนัสยาแต่งกายด้วยชุดสีดำ พร้อมข้อความชวนให้แต่งกายแบบเดียวกันไว้ และในการไต่สวนเพิกถอนประกัน เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา การถามความของอัยการและการถามค้านของทนายความปนัสยา ก็มุ่งถามในประเด็นที่อยู่ในคำร้องของพนักงานอัยการเป็นหลัก 

แม้ในการถามความของอัยการจะมีการนำแผ่นกระดาษ 1 แผ่นที่ปรินท์หน้าบัญชีเฟซบุ๊กที่มีชื่อของปนัสยาเป็นภาษาอังกฤษ ขึ้นมาซักถาม เพื่อให้เห็นว่าปนัสยาโพสต์รูปภาพใส่เสื้อสีดำ นั่งยกมือด้านซ้ายทำท่าลักษณะชูสามนิ้วปิดปากเธอไว้ โดยมีป้ายผ้าที่เขียนเลข 112 และมีเส้นขีดทับตัวเลขนั้น และข้อความเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปแต่งกายแบบเดียวกันเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 64 

แต่ในวันนั้น กฤษฎางค์ได้แถลงต่อศาลแล้วว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้อยู่ในคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของพนักงานอัยการมาก่อน ผู้พิพากษาศาลอาญาจึงแจ้งต่อพยานอัยการให้เบิกความได้เฉพาะประเด็นที่อัยการได้ระบุอยู่ในเอกสารคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้เท่านั้น

ขณะตามการไต่สวน พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ รองผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อพนักงานอัยการ เพื่อขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำทั้งสามราย ก็สรุปความได้เพียงว่า ปนัสยา และ“ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64 และขึ้นปราศรัยย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของราษฎร เข้าข่ายผิดเงื่อนไขที่ศาลตั้งไว้ ส่วน“แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ เพียงได้ร้องเพลงและโพสต์ชวนคนร่วมชุมนุมดังกล่าวเท่านั้น 

กฤษฎางค์กล่าวต่อไปว่า ข้อเท็จจริงเรื่องโพสต์ชวนใส่เสื้อสีดำนี้ จึงไม่ถูกบันทึกในเอกสารคดีของศาลอาญา ว่าเป็นการกระทำของปนัสยาที่จะนำมาเป็นเหตุพิจารณาเพื่อเพิกถอนประกันชั่วคราวได้ กฤษฎางค์ย้ำว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่แม้แต่จะบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลและบันทึกคำเบิกความพยาน เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา      

ในประเด็นที่สอง ทนายกฤษฎางค์มีความเห็นต่อการออกคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวที่จัดทำโดยที่ประชุมผู้บริหารศาลอาญา แทนที่จะเป็นผู้พิพากษาที่ทำการไต่สวนในห้องพิจารณานี้ ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน 

โดยผู้พิพากษาที่ทำการไต่สวนในคดีนี้เป็นคนละคนกับผู้พิพากษาที่ลงนามในคำสั่งให้เพิกถอนประกัน คือ พริษฐ์ ปิยะนราธร รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และมีการระบุไว้ในคำสั่งว่า “ศาลพิเคราะห์แล้วที่ประชุมผู้บริหารศาลอาญา เห็นว่า… ” 

ทนายความของปนัสยากล่าวต่อว่า ในกรณีที่ยังไม่เป็นคดี ผู้บริหารศาลอาจมีนโยบายในเรื่องการออกคำสั่งในเรื่องต่างๆ ได้ รวมถึงการเพิกถอนการประกันตัว แต่อย่างไรก็ตาม คดีเหตุการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. 63 นี้ เป็นคดีที่พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแล้ว การพิจารณาคดี การออกคำสั่งในคดี รวมถึงการพิพากษาคดี ต้องจัดทำโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนและองค์คณะเท่านั้น จึงจะถูกต้อง 

การให้ผู้พิพากษาที่ไม่ได้เป็นผู้ไต่สวนคดีมาทำคำสั่งนั้น จะทำให้คำสั่งนั้นไม่ชอบไปด้วย 

กฤษฎางค์ได้แสดงความเป็นห่วงต่อการพิจารณาคดีในลักษณะนี้เพิ่มเติมว่า เป็นไปได้ว่าจะมีผลต่อการพิจารณาการไต่สวนเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของกลุ่มนักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ อีกแน่นอน โดยบุคคลเหล่านั้นจะพบกับความไม่แน่นอนของข้อกล่าวหา ว่าตนจะถูกถอนประกันตัวหรือไม่ และด้วยพฤติการณ์ใด 

แม้ว่าตนจะถูกร้องขอให้เพิกถอนด้วยข้อเท็จจริงหนึ่ง ที่ไม่เข้าข่ายการสามารถเพิกถอนได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความไม่แน่นอนว่าศาลจะยกข้อเท็จจริงนอกสำนวนและนอกการไต่สวน มาอ้างเป็นเหตุในการเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ 

กฤษฎางค์เปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นว่า สมมติว่าอัยการกล่าวหาว่าเราขโมยรถยนต์ สืบพยานเสร็จว่าเราไม่ได้ขโมยรถยนต์แล้ว แต่ศาลกลับพิพากษาว่าเราขโมยปืนมาและพิพากษาให้เราจำคุกแทน 

อนึ่ง นอกจากศาลอาญาสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวปนัสยาแล้ว ศาลอาญามีคำสั่งในส่วนของไชยอมรและภาณุพงศ์ ว่าแม้จะเข้าร่วมการชุมนุมและมีการขึ้นกล่าวปราศรัย แต่ไม่มีพฤติการณ์ร้ายแรงจนถึงขนาดต้องเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เห็นสมควรว่าให้กำชับจำเลยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวอย่างเคร่งครัด และเพื่อให้แน่ใจว่าจำเลยจะไม่ฝ่าฝืน จึงเห็นควรให้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม คือห้ามออกจากเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 05.00 น. เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาลหรือเหตุอื่นเมื่อได้รับอนุญาตจากศาล พร้อมทั้งเงื่อนไขให้ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ด้วย

ส่วน ภาณุพงศ์ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากคดีอื่นให้ปฎิบัตตามเงื่อนไขเช่นเดียวกับไชยอมร หากไม่ปฏิบัติตามให้เพิกถอนการประกันตัวต่อไป

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: 

ศาลสั่งเพิกถอนประกัน “รุ้ง” คดี #19กันยา อ้างเหตุโพสต์ชวนปชช.แต่งชุดดำ สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ด้าน “แอมมี่-ไมค์” ไม่ถอนประกัน แต่ถูกเพิ่มเงื่อนไข

เปิดบันทึกไต่สวนถอนประกัน คดี #19กันยา ‘รุ้ง-ไมค์-แอมมี่’ ศาลนัดฟังคำสั่ง 22 พ.ย. นี้ ตร.รับเห็นด้วยหากปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้ดีขึ้น
สถิติผู้ถูกคุมขังคดีทางการเมืองในระหว่างต่อสู้คดี

X