สองเดือนในเรือนจำ ผลกระทบกับชีวิต ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์

กว่าสองเดือนที่ ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ต้องกลับเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 จากคดี #ม็อบ2สิงหา กรณีชุมนุมหน้า บก.ตชด.ภาค 1 และแม้เขาจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้แล้ว แต่เขายังคงถูกคุมขังอยู่ตามหมายขังของศาลอาญาในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่สนามหลวงปีที่แล้ว ซึ่งศาลได้เพิกถอนการประกันตัวโดยไม่มีการไต่สวนในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 วันเดียวกับที่ศาลจังหวัดธัญบุรีขังเขาในระหว่างคดีแรกนั่นเอง

แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาเพียงสองเดือนแต่เพนกวินย้ายเรือนจำมาแล้วสี่เรือนจำ จากตอนแรกที่ถูกนำตัวไปกักโรคโควิดที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต จนเป็นเหตุให้เขาติดโควิดภายในเรือนจำ จึงถูกย้ายมารักษาพยาบาลที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเมื่อรักษาตัวหาย จึงถูกนำตัวกลับไปที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี เมื่อได้รับการประกันตัวในคดี #ม็อบ2สิงหา จึงถูกย้ายมาควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพตามหมายขังของศาลอาญาในคดี 19 กันยา 

สองเดือนนี้เกิดเรื่องราวมากมาย มีมิตรสหายนักกิจกรรมหลายคนที่ไม่เคยถูกควบคุมตัวมาก่อนถูกคุมขังในรอบนี้ “ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด” คือคำแนะนำของเขาถึงเพื่อนในเรือนจำในบางห้วงเวลา แต่ชีวิตในเรือนจำไม่ใช่สนามเด็กเล่น แม้ถูกขังมาเพียงสองเดือน แต่เขาก็ได้รับผลกระทบในหลายด้านและนี้คือถ้อยคำของเพนกวินที่เล่าถึงผลกระทบในช่วงเวลาที่ผ่านมา

.

ว่าด้วยผลกระทบจากการถูกจองจำ

แต่ไหนแต่ไรผมไม่เคยกลัวการถูกจองจำ ด้วยเหตุแห่งการต่อสู้ทางการเมือง ทำใจไว้แล้วว่าประกาศที่ไม่มีความยุติธรรมเช่นนี้ ใครที่ลุกขึ้นท้าทายผู้มีอำนาจก็จะต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งนานับประการเหมือนกับที่นักสู้รุ่นก่อนๆ ได้เผชิญมา ทว่าเมื่อได้ถูกจองจำจริงๆ แล้วก็พบว่า ชีวิตของผมต้องได้รับผลกระทบอยู่หลายด้านที่พอจะนำมาเล่าสู่กันฟังได้ มีดังต่อไปนี้

1. เรื่องการเรียน เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อผมถูกคุมขังข้างในเรือนจำก็จะต้องมีปัญหาติดขัดทางการเรียนไม่มากก็น้อย ในเบื้องต้นเมื่อตัวผมอยู่ในห้องขังก็ไม่สามารถไปห้องเรียนได้อยู่แล้ว อีกทั้งไม่สามารถเข้าฟังคำบรรยายวิชาใดๆ ได้ 

นอกจากนี้ การส่งหนังสือเข้ามาให้อ่านในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียนหรือเอกสารต่างๆ เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ล่าช้า และมักมีอุปสรรคแปลกๆ มาขัดขวางไว้อยู่เสมอ บางครั้งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบหนังสือของผมหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ปกติการตรวจสอบเป็นการตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายไม่น่าใช้เวลานานขนาดนี้ 

และที่สำคัญการขอสอบจากในคุกเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกิน ต้องขอความอนุเคราะห์จากอาจารย์ อาจารย์บางท่านก็เข้าใจ แต่บางท่านก็ไม่เข้าใจหรือไม่สะดวก ก็เป็นอันว่าต้องถอนวิชานั้นไป ต่อให้อาจารย์อนุญาตแล้วก็ต้องลุ้นกับทางเรือนจำว่า จะให้ส่งข้อสอบเข้ามาหรือไม่ หรือกระดาษที่ผลสอบเสร็จแล้ว ยอมให้ส่งกลับไปหรือไม่

ว่าด้วยเรื่องการเรียน มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยยื่นประกันตัวด้วยเหตุว่าการจองจำจะส่งผลกระทบต่อการศึกษา ศาลท่านหนึ่งวินิจฉัยทำนองว่าการที่ผมติดคุกไม่เป็นอุปสรรคหรือข้อขัดข้องทางการศึกษา และอ้างว่าเหตุผลที่ตัวผมได้ยื่นไปนั้นเป็นเพียงการคาดคะเนไปเอง ผมก็อยากเชิญชวนให้ผู้พิพากษาท่านนั้น ลองส่งบุตรหลานมาเล่าเรียนในคุกดู จะได้รู้ว่าการเรียนในคุกนั้นมีข้อขัดข้องหรือไม่

2. เรื่องสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ก่อปัญหาให้ผมเวลาผมเข้ามาอยู่ในเรือนจำ เพราะเรือนจำมีสภาพแออัด อบอ้าว ชื้น และสกปรกไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยเท่าที่ควร จวนจะทำให้ผมเจ็บป่วยอยู่เป็นเนืองๆ ซึ่งตั้งแต่เจ็บป่วยเล็กๆ เช่น ผื่นคัน เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและน้ำที่อาจสกปรก ไอ เพราะอาการภูมิแพ้เนื่องจากมีฝุ่นละอองในทุกพื้นที่ ไปจนถึงหอบหืด ช่วงหลังมานี้กำเริบขึ้นบ่อยๆ ยิ่งหลังจากติดโควิดในคุกด้วย เป็นเหตุให้สุขภาพปอดที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วอ่อนแอลงไปอีก 

โควิดที่ติดในคุกนี้น่าจะทำลายสุขภาพยิ่งกว่าการอดอาหารเสียอีก แม้เป็นโควิดแล้วแต่บางครั้งก็ไม่มีแรง เวียนหัว กินข้าวไม่ลง เดินนิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อยหอบ พูดยาวสักนิดยังต้องหยุดหายใจ บางครั้งก็ไอเหมือนลูกกระเดือกจะหลุดออกมา  

เวลาพบหมอ หมอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผมเป็นอะไร บอกแค่ว่าอาการข้างเคียงอาจจะต้องพักฟื้นเป็นปี ไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม 100% หรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโควิดที่ผมติดในเรือนจำ เป็นเรือนจำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างกับศาลนักหนาตอนขอฝากขังว่าเป็นเรือนจำปลอดโควิดจึงเอาผมมาฝากขัง ซึ่งตามที่เจ้าหน้าที่อ้างนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

3. เรื่องครอบครัว ตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำผมแทบจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อ แม่ และน้องสาวเลย เว้นเสียแต่ว่าจะได้พูดคุยกันผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อศาลเรียกไต่สวนพิจารณาคดีหรือมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม จากเดิมที่มีเวลาพูดคุยกันน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก 

เมื่อต้องสื่อสารกันผ่านทนายความ ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าแม่พร้อมกับสีหน้าเหน็ดเหนื่อยก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แม้ว่าแม่จะร้องไห้อยู่ตรงหน้า ก็ไม่สามารถเข้าไปสวมกอดได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือการแบ่งปันเรื่องราวข้างในให้แม่ได้ทราบถึงความเป็นไป ถึงจะทดแทนช่วงเวลาที่ควรจะได้ใช้ร่วมกันไม่ได้ แต่ก็หวังว่าจะพอปลอบประโลมจิตใจได้บ้าง 


ในวันที่ตัดสินใจออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยก็ได้เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ลำพังตัวผมถูกรัฐเผด็จการกลั่นแกล้งคนเดียวก็ยังพอทนได้ แต่การต้องเห็นคนที่รักพลอยเดือดร้อนไปด้วยทำให้รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยไม่รู้ว่าครอบครัวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และไม่สามารถเข้าไปบรรเทาความทุกข์ได้เลย

การถูกจองจำในกรงขังเป็นเวลานาน สร้างความยากลำบากในการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก และไม่สามารถตอบได้ว่าหากได้รับอิสรภาพแล้วร่างกายจะกลับมาฟื้นฟูเป็นปกติหรือไม่ 

มีหลายครั้งที่ผมฝันว่าได้กลับไปหาครอบครัว กลับไปหาเพื่อน กลับไปใช้ชีวิตดังเช่นเคย แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า ทว่าจะได้รับอีกกี่บาดแผล ผมก็ยังยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์เพื่อสานต่อปณิธานของวีรชนประชาธิปไตยจนกว่าประเทศไทยจะเป็นของคนไทยโดยแท้จริง

เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์

6 ตุลาคม 2564 

ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดน 4

.

X