จากกรณีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และได้มีกลุ่มมวลชนรวมตัวกันเพื่อขับไล่ในจุดต่างๆ ตามที่คณะนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการจะเดินทางไป โดยเฉพาะที่บริเวณท่าน้ำปากเกร็ดและท่าน้ำนนทบุรี ต่อมามีรายงานการจับกุมผู้แสดงออกขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 2 ราย ไปที่ สภ.ปากเกร็ด และ สภ.นนทบุรี ดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ กัน ทั้งผู้ไปชูป้ายไล่ประยุทธ์ที่ท่าน้ำปากเกร็ด และไปร่วมชุมนุมที่ท่าน้ำนนทบุรี ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนทั้งสองราย
นอกจากนี้ยังมีกรณีของชินวัตร จันทร์กระจ่าง ที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัว
.
.
ตร.อุ้มหนุ่มชูสามนิ้วถ่ายรูปสิระ พร้อมเตรียมชูป้ายไล่ประยุทธ์ ก่อนถูกแจ้งข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน–ต่อสู้ขัดขวาง–ก่อความเดือดร้อนรำคาญ
รายแรก คือนายสุชาติ จั่นแก้ว หนุ่มวัย 22 ปี ซึ่งได้ไปร่วมชูสามนิ้วถ่ายรูปกับสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งร่วมเดินทางมากับคณะ บริเวณท่าน้ำปากเกร็ด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายืนล้อม และได้ขอเข้าตรวจค้นกระเป๋า ก่อนจะพบป้ายข้อความขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาทิ “สวดมนต์ไล่…มึงก่อนเลยคนแรก” จึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว โดยการเข้าอุ้มไปยัง สภ.ปากเกร็ด ในเวลาประมาณ 13.30 น. เศษ
ทั้งนี้ หลังทนายความติดตามไปที่ สภ.ปากเกร็ด ตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าไปพบผู้ต้องหา โดยอ้างว่าต้องทำบันทึกจับกุมให้เสร็จก่อน แม้ทนายยืนยันว่าจะขอเข้าร่วมในฐานะทนายผู้ถูกจับกุมก็ตาม แต่ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด ยังคงปฏิเสธ จนเวลา 17.00 น. เศษแล้ว หลังทำบันทึกจับกุมเสร็จสิ้น ตำรวจจึงให้ทนายความติดตามเข้าพบสุชาติ
ในบันทึกจับกุมระบุว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ 7 นาย เป็นผู้จับกุม สรุปพฤติการณ์การจับกุมว่าเวลา 13.00 น. ตำรวจได้พบผู้ต้องหานั่งบริเวณท่าน้ำปากเกร็ด และมีพฤติการณ์จะก่อความเดือดร้อนรำคาญสร้างความวุ่นวาย บริเวณจุดที่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะเดินทางมาตรวจเยี่ยม (โดยไม่ได้ระบุว่าชัดเจนว่าพฤติการณ์ใด) ตำรวจจึงแจ้งกับผู้ต้องหาว่าสามารถมาต้อนรับนายกฯ ได้ แต่อย่าก่อความเดือดร้อนรำคาญ
จนเวลา 13.30 น. ตำรวจตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีท่าทางมีพิรุธว่าจะก่อความเดือดร้อนรำคาญ โดยจะชูป้ายด่าทอ ดูหมิ่น กล่าวร้ายการทำงานของรัฐบาล ตำรวจจึงได้ขอให้เปิดกระเป๋าผ้าที่ผู้ต้องหาถืออยู่ ขอทำการตรวจค้นกระเป๋า และได้พบป้ายไวนิลและกระดาษข้อความต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการกล่าวร้าย ด่าทอ ดูหมิ่นการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี จึงได้ตรวจยึดไว้ และ “เชิญตัว” ผู้ต้องหาไปที่ สภ.ปากเกร็ด แต่ผู้ต้องหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน โดยไม่มีเหตุอันควร มีการดื้อดึงขัดขืน โดยการทำตัวเองให้นิ่ง แข็งตัว และนั่งลงไม่ยอมเดินไปกับตำรวจ และร้องตะโกนกล่าวถ้อยคำไม่ดีต่อตำรวจ ตะโกนให้สื่อมวลชนเข้ามาถ่ายภาพ ผู้ต้องหาได้ขัดขวางการทำงานของเจ้าพนักงานที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้บ้านเมืองสงบสุข ตำรวจจึงได้ช่วยกันยกแขน ลำตัว ขา ผู้ต้องหาออกจากพื้นที่
ตำรวจชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาสุชาติ ใน 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ทราบคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร, กระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการทำได้รับความเดือดร้อนรำคาญ, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่
สุชาติให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน โดยไม่ลงลายมือชื่อในเอกสาร และจะให้การเพิ่มเป็นหนังสือต่อไป จากนั้นตำรวจได้ให้ปล่อยตัวสุชาติไป ในเวลาราว 19.00 น. โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกัน
สุชาติยังเปิดเผยว่าเขายังได้รับบาดเจ็บที่ขา ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมและอุ้มตัว จึงได้ขอให้ตำรวจส่งตัวไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมภายหลังการปล่อยตัว
.
.
จับหนุ่มรวมชุมนุมไล่ประยุทธ์ ท่าน้ำนนท์ แจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ – ทำร้ายร่างกาย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี โดยไม่ถึงกับอันตราย
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ได้มีมวลชนมารวมตัวขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริเวณหอนาฬิกานนทบุรี โดยตำรวจได้นำรั้วเหล็กมากั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปบริเวณท่าน้ำ จนมีเหตุกระทบกระทั่ง และมีผู้ชุมนุมที่เข้าไปตบท้ายทอยของ พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ที่ไปดูแลสถานการณ์ โดยเป็นการตบเบาๆ ทำให้ภายหลังยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมรายนี้ถูกตำรวจคุมตัวไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี ในเวลาประมาณ 16.00 น.
ปิติพงศ์ ภู่ประเสริฐ เป็นผู้ถูกควบคุมตัวรายดังกล่าว ตำรวจอ้างว่าเขาได้มาร่วมชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี และต่อมาได้เข้ามาทำร้ายร่างกายโดยการตบศีรษะของ พ.ต.อ.วนัสชัย ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไป ที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยมีทนายความติดตามไป
ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหาต่อปิติพงศ์ โดยกล่าวหาว่าได้ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 (มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท)
ปิติพงศ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป ตำรวจได้ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน โดยให้วางหลักทรัพย์เป็นเงิน 20,000 บาท ก่อนปล่อยตัวไป
นอกจากนั้น ไอลอว์ ยังรายงานว่ามีกรณีของ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ที่ไปร่วมรวมตัวขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 200 บาท โดยคาดว่าเป็นข้อกล่าวหาเรื่องการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
.