ตำรวจซ้อม-จับกุม #ม็อบ29กันยา 22 ราย เป็นเยาวชน 9 ราย พร้อมแจ้งข้อหา “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนง.” ก่อนศาลให้ประกัน

หลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม #ม็อบ29กันยา ของกลุ่ม “ทะลุแก๊ส” ในช่วงเวลา 00.00 น. ของวันนี้ (30 กันยายน) และบุกค้นแฟลต 1 โครงการเคหะชุมชนดินแดงเพื่อจับกุมผู้ชุมนุม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานกรณีตำรวจจับกุมประชาชนรวม 22 ราย ก่อนจะนำตัวไปที่ สน.เตาปูน โดยแยกเป็นผู้ถูกจับกุมจากบริเวณแฟลตดินแดง 20 ราย และเป็นผู้ถูกจับกุมที่บริเวณด้านหน้าของ สน.ดินแดง 2 ราย 

ในจำนวนผู้ถูกจับกุมทั้งหมด มีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีถึง 9 ราย โดยเป็นเด็กอายุ 13 ปี 1 ราย นอกจากนี้เอง ในระหว่างการจับกุม ทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนต่างถูกตำรวจควบคุมฝูงชนเตะเข้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือลำตัว ในขณะที่บางส่วนถูกเจ้าหน้าที่ยึดของมีค่าไปอีกด้วย

ในส่วนของผู้ถูกจับกุมจากแฟลตดินแดง นับเป็นผู้ใหญ่ 12 ราย และเป็นเด็กกับเยาวชนอีก 8 ราย ทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาที่ สน.เตาปูน เพื่อทำบันทึกจับกุม

.

คฝ. บุกทำร้ายผู้ชุมนุมคาแฟลตดินแดง ต่อมาตำรวจแจ้ง 4 ข้อกล่าวหา ก่อนศาลให้ประกันตัว

สำหรับกรณีผู้ถูกจับกุมจากแฟลตดินแดง 20 ราย ถูกแยกเป็น 2 ชุด ได้แก่ ชุดผู้ใหญ่ และชุดเด็กกับเยาวชน โดยบันทึกจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลาย สน. ใน กทม. ได้สนธิกำลังกันเพื่อเข้าร่วมปฎิบัติการจับกุม 

บันทึกจับกุมได้บรรยายพฤติการณ์คดี โดยสรุปได้ว่า ในวันที่ 29 กันยายน 2564 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจํานวนหลายคนมาร่วมกันชุมนุมบริเวณหน้าแฟลต 1 และในตัวอาคารแฟลต ชั้น 1 ต่อเนื่องถึงถนนดินแดง  ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าในการชุมนุมดังกล่าวได้มีการขว้างปาประทัด ระเบิด และใช้ลูกแก้ว หรือของแข็งอย่างอื่น ยิงด้วยหนังสติกหรืออาวุธอย่างอื่นเข้าใส่ทางสาธารณะ จุดไฟจนเป็นเพลิงลุกไหม้กลางถนนสาธารณะ ต่อเนื่องจนถึงเวลา 23.59 น. 

เมื่อถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 เวลา 00.01 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชนได้เข้ามาที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ  โดยการร่วมกันขว้างปาประทัด ระเบิด ระเบิดเพลิง และใช้ลูกแก้ว หรือของแข็งอย่างอื่น พร้อมกับยิงด้วยหนังสติกหรืออาวุธอย่างอื่นเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชน

กลุ่มผู้ชุมนุมได้หลบหนีโดยวิ่งหลบหนีไปตามทิศทางต่างๆ เช่นวิ่ง หลบหนีขึ้นไปบนแฟลต 1 และหลบหนีไปทางถนนดินแดง 1 ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุม เข้าค้นตัวผู้ต้องหา และยึดโทรศัพท์ทั้งสิ้น 15 เครื่องไว้เป็นวัตถุพยาน 

ในกรณีของผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่ระบุว่าได้ยึดทรัพย์สินอื่นๆ เป็นของกลาง เช่น น้ํามันก๊าซ  บั้งคอกไม้ไฟอันเล็ก ระเบิดไทยประดิษฐ์  หนังสติ๊ก  ไฟแช็ก ประทัดปิงปอง ลูกแก้ว เสื้อเกราะ หมวกยุทธวิธี  และมีดพก 1 เล่ม 

ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกจับกุม 20 ราย รวมกัน ดังนี้

  1. ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจํานวนรวมกันมากกว่า 25 คนในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคําสั่งกําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 
  2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง “มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย หรือกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวาย ขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้ร่วมกระทําผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ”
  3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ประกอบมาตรา 140 “ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กําลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย โดยได้กระทําโดยมีหรือใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทําความผิด ด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป”
  4. ฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหะสถานในเวลาห้าม (21.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น)

นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหารายหนึ่งที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อ ได้แก่ “​​มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย”  ส่วนอีกรายหนึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” 

อย่างไรก็ตาม “เชน” (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่าครอบครองน้ำมันก๊าซระบุว่า เขาไม่ได้เป็นเจ้าของขวดน้ำมันดังกล่าว คืนนั้นเขาเพียงแต่ยกขวดน้ำมันก๊าซจำนวนหนึ่งไปวางไว้ที่อื่น ในกรณีของ “ธนรัตน์ สายวงศ์” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าครอบครองระเบิด เจ้าตัวยืนยันว่าระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ของตน เนื่องจากเขารับฝากวัตถุระเบิดจากบุคคลอื่น

ผู้ต้องหาอีก 2 ราย ได้แก่ “ธนพัฒน์” (สงวนนามสกุล) เยาวชนวัย 15 ปี และ “ธีรภัทร ชื่นวัลลภ” พนักงานบริษัทเดลิเวอรี่แห่งหนึ่งวัย 22 ปี ระบุว่าถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนยึดสิ่งของมีค่าไป โดยธนพัฒน์ถูกกระชากสร้อยทอง 2 บาท ส่วนธีรภัทรถูกกระชากแหวนทองและนาฬิกา ทั้งสองยังไม่ได้ของมีค่าคืนจากเจ้าหน้าที่ และไม่มีการลงบันทึกของเหล่านี้ไว้ในเอกสารของเจ้าหน้าที่

จากการสอบถามเพิ่มเติม พบว่าผู้ต้องหาจำนวนมากถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนร่วมกันทำร้ายร่างกายในขณะการจับกุม 

ในกรณีของเด็กเยาวชน พบว่าผู้ถูกทำร้ายประกอบด้วยธนพัฒน์, เยาวชนอายุ 15 ปี 1 ราย และเด็กอายุ 14 ปีอีก 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้กระทำการรุนแรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรุมเตะเข้ามาที่หน้าและลำตัว, การยิงปืนอัดลมลูกแก้วใส่ลำตัว หรือการฟาดกระบองเข้าที่ศีรษะ

ในส่วนของผู้ใหญ่ที่ถูกจับกุม มีรายงานว่าผู้ต้องหา 8 รายถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทำร้ายในลักษณะต่างๆ อาทิ การกระทืบลงมาที่อก จนกระทั่งหายใจไม่ออก, การเตะเข้าที่หน้า, การถีบหลัง, การฟาดกระบองลงมาที่หลังหลังจากจับกุมแล้ว หรือการพาตัวผู้ถูกจับกุมไปกระทืบบนรถยนต์

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและไม่ลงลายมือชื่อ ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 4.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับทนายความว่า พนักงานสอบสวนจาก สน.ดินแดง ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ จะเดินทางมาสอบปากคำทั้งหมดในเวลา 8.00 น. ทำให้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.เตาปูน ทั้งคืน

ต่อมาในช่วงเวลา 9.40 น. พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้เดินทางมาถึง สน.เตาปูน และเริ่มสอบปากคำผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ ทั้งหมดยืนยันที่จะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา 

ก่อนในช่วงบ่าย พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลอาญาฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทนายความจึงยื่นคำร้องขอประกันตัวชั่วคราว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสด คนละ 35,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ต่อมาในเวลาประมาณ 16.40 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมเงื่อนไขห้ามกระทำผิดซ้ำอีก รวมต้องวางหลักทรัพย์ 12 คน เป็นเงิน 420,000 บาท

สำหรับเด็กและเยาวชน พนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะทำการนัดสอบปากคำในภายหลัง โดยยังไม่ระบุวัดนัด ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดให้ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชน พร้อมกับผู้ปกครอง เดินไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อตรวจสอบการจับกุมในเวลา 13.00 น. อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาล่วงเลยถึง 14.00 น. โดยประมาณ เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเดินทางออกจาก สน.เตาปูน เพื่อนำตัวเด็กและเยาวชนไปที่ศาล 

ต่อมาศาลเยาวชนฯ เห็นว่าการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นโดยชอบแล้ว และอนุญาตให้ออกหมายควบคุมผู้ต้องหา  ทนายได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกับยื่นเงินสดจำนวน 5,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์เป็นหลักประกันให้กับเยาวชนรายหนึ่ง เนื่องจากเคยถูกจับกุมจากการชุมนุมก่อนหน้านี้

ในเวลาประมาณ 17.20 น. ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเยาวชนและเด็กทั้งหมด 

อนึ่ง ผู้ต้องหาที่ถูกยึดโทรศัพท์มือถือได้ยินยอมให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ โดยไม่จำเป็นต้องรอหมายศาล 

.

จับเยาวชน-หนุ่มวัย 21 ปี หน้าสน.ดินแดง ก่อนส่งไปสน.เตาปูน พร้อมแจ้งข้อหา “ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว” 

สำหรับกรณีจับกุมประชาชนที่ สน.ดินแดง แยกเป็นผู้ใหญ่ 1 ราย และเยาวชน อีก 1 ราย โดยตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสองมาที่ สน.เตาปูน เพื่อทำบันทึกจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิวข้อหาเดียว 

บันทึกจับกุมระบุว่าเจ้าพนักงานตํารวจฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.ดินแดง ทั้งสิ้น 5 นาย ได้ร่วมกันทําการจับกุมตัว “สุทธิพงศ์ สุขล้อม” ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างวัย 21 ปี และเยาวชนวัย 17 ปี 

บันทึกจับกุมได้บรรยายพฤติการณ์โดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน เวลา 00.40 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการตั้งจุดตรวจบริเวณ หน้า สน.ดินแดง พบเยาวชนอายุ 17 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีสุทธิพงศ์นั่งซ้อนท้ายผ่านมา จึงได้เรียกทําการขอตรวจค้น และจับกุมแจ้งขอกล่าวหา “ออกนอกสถานระหว่าง 21.00 น. – 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจําเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่” อันเป็นการกระทําที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 

ตำรวจยังระบุว่าได้ตรวจสอบและตรวจค้นพบหนังสติ๊ก จํานวน 2 อัน และลูกแก้วจํานวน 19 ลูก จากทั้งสองคน

จากการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์การโดนจับกุม ทั้งสุทธิพงศ์และเยาวชนอายุ 17 ปี ยืนยันว่าตนถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยสุทธิพงศ์ถูกเจ้าหน้าที่ตบ 2 ครั้งและถูกข่มขู่ ส่วนเยาวชนคนดังกล่าวถูกตบหูด้านซ้าย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสองไปทำบันทึกจับกุม ที่ สน.เตาปูน เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ โดยในชั้นจับกุม ทั้งสองได้ให้การสารภาพ 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับทนายความว่า พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง จะเดินทางมาสอบคำให้การในเวลา 8.00 น. 

ในช่วงเวลา 9.40 น. พนักงานสอบสวนจาก สน.ดินแดง เริ่มสอบปากคำสุทธิพงศ์ โดยผู้ต้องหายังคงให้การรับสารภาพ ต่อมาในช่วงบ่าย พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวสุทธิพงศ์ให้กับอัยการ และอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ในวันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษปรับเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท 

สำหรับเยาวชนอายุ 17 ปี พนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะทำการนัดสอบปากคำในภายหลัง โดยในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ตำรวจนำตัวไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้ศาลตรวจสอบการจับกุม 

ต่อมาศาลเห็นว่าการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นโดยชอบแล้ว และอนุญาตให้ออกหมายควบคุมผู้ต้องหา  ทนายจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกับยื่นเงินสดจำนวน 5,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์เป็นหลักประกันให้กับเยาวชน ในเวลาประมาณ 17.20 น. ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเยาวชนคนดังกล่าว และได้นัดหมายให้มาพบผู้ให้คำปรึกษาในวันที่ 20 ตุลาคม 

อนึ่ง ผู้ต้องหาที่ถูกยึดโทรศัพท์มือถือได้ยินยอมให้ บก.ปอท. เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ โดยไม่จำเป็นต้องรอหมายศาลเช่นกัน

.

X