เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 64 ที่สภ.เมืองกระบี่ 5 สมาชิกของกลุ่มกระบี่ไม่ทน พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายเรียกจากกิจกรรมคาร์ม็อบ #เหยียบยิกยุทธ์ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 64 ที่บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นกิจกรรมคู่ขนานกับกิจกรรมคาร์ม็อบในกรุงเทพฯ
พ.ต.ท.บุญส่ง ล่องวารี สารวัตรสอบสวน สภ.กระบี่ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาทั้ง 5 คน บรรยายพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 64 กลุ่มกระบี่ไม่ทน ได้ประกาศจัดกิจกรรมทางการเมือง “คาร์ม็อบ” ควบคู่ไปกับกิจกรรมคาร์ม็อบที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งเวลา 14.30 น. สมาชิกกลุ่มกระบี่ไม่ทนประมาณ 5 คน รวมตัวกันที่บริเวณกังหันลม หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และได้เคลื่อนย้ายไปรวมตัวกันที่หน้าโรงเรียนอนุบาลกระบี่ (ท่าเรือ)
เวลาประมาณ 16.00 น. มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ประมาณ 10 คัน พร้อมแสดงป้ายข้อความโจมตีรัฐบาลติดตามส่วนต่างๆ ของรถ และมีมวลชนเข้าร่วมประมาณ 30 คน โดยตลอดเส้นทางมีการชูมือสามนิ้วและร้องตะโกนถึงการบริหารงานไม่โปร่งใส เรื่องวัคซีนของรัฐบาล ก่อนจะมีการไปจอดรถปราศรัยหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่
เวลาประมาณ 17.30 น. ที่หน้าสำนักงานสาธารณสุข กลุ่มมวลชนประมาณ 30 คน โดยมีผู้ผลัดกันขึ้นปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียง โจมตีการทำงานของรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเนื่องจากบริหารราชการไม่ดีและเรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์ จนกระทั่งเวลา 17.50 น. จึงยุติการชุมนุม ประชาชนแยกย้ายกันโดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ก่อนที่ทาง พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ยองเข รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้รวบรวมภาพเคลื่อนไหวแล้วมาร้องทุกข์ดำเนินคดี
ตำรวจได้แจ้งข้อหา 2 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องการจัดกิจกรรมการชุมนุมในพื้นที่เสี่ยง และ ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาพร้อมลงลายมือชื่อแ ละจะให้การเป็นหนังสือภายในวันที่ 11 ต.ค. 64
คดีนี้นับเป็นคดีที่สองของการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบในจังหวัดกระบี่ หลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 ผู้ร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบกระบี่อีก 5 คน เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ได้เข้าเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันนี้ ที่ สภ.เมืองกระบี่ เช่นเดียวกัน โดยผู้ถูกดำเนินคดีในทั้งสองคดีไม่มีบุคคลที่ซ้ำกันแต่อย่างใด
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รูปแบบการชุมนุมรวมตัวคนจำนวนมากมีข้อจำกัด การจัดชุมนุมในรูปแบบคาร์ม็อบ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีการจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 64 โดยมีรูปแบบการนั่งอยู่บนรถส่วนตัวหรือมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด แต่ก็ยังสามารถที่จะร่วมกันเคลื่อนขบวนเพื่อแสดงออกทางการเมืองได้
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 64 ถึง ปัจจุบัน (29 ก.ย. 64) มีกิจกรรมคาร์ม็อบไม่น้อยกว่า 85 กิจกรรม ทั่วประเทศ ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาต่างๆ ได้แก่ ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องการจัดกิจกรรมการชุมนุมที่เสี่ยงต่อโรค, พ.ร.บ.จราจรฯ และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ
.