ศาลรอกำหนดโทษ 1 ปี หลังจำเลยคาร์ม็อบหนองบัวลำภูอีกรายเปลี่ยนใจรับสารภาพ เหตุ “ไม่อยากเป็นภาระ”

วันที่ 21 กันยายน 2564 อีฟ(นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เจ้าของกิจการแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดหนองบัวลำภู เดินทางพร้อมทนายความไปที่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ในนัดส่งฟ้องคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีเข้าร่วมคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 

ก่อนหน้านั้นในวันที่ 3 กันยายน 2564 นัดฟังคำสั่งอัยการคดีดังกล่าว นิติคุปตก์ นพคุณ อัยการจังหวัดหนองบัวลำภู นำตัวอีฟและประไว ผู้ต้องหาอีกราย ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดหนองบัวลำภู แต่เนื่องจากประไวให้การรับสารภาพ ส่วนอีฟให้การปฏิเสธ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีในส่วนของอีฟ และให้อัยการยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ ภายในวันที่ 22 กันยายน 2564 แต่ระหว่างนั้นให้ขังไว้ก่อน ทำให้ทนายความต้องยื่นประกันโดยไม่วางหลักประกัน ก่อนศาลอนุญาต

กระทั่งเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 กริษณุภูมิ นิลนามะ ทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการจังหว้ดหนองบัวลำภูว่าจะยื่นฟ้องอีฟในวันที่ 21 กันยายน 2564 และนัดให้อีฟไปที่ศาล

>>>เร่งฟ้อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คาร์ม็อบหนองบัวลำภู จำเลยยืนยันสู้คดี เจตนาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแม้ศาลบอก “ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก”

คำฟ้องที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดหนองบัวลำภูบรรยายฟ้องและกล่าวหาในฐานความผิดเช่นเดิม

คือ ร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งออกตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

เวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนหน้าที่อีฟจะถูกนำตัวไปที่ห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลเพื่อรอศาลอ่านฟ้องและถามคำให้การ อีฟได้ปรึกษาทนายและแจ้งว่าเธอตัดสินใจรับสารภาพเช่นเดียวกับที่ประไว จำเลยในคดีเดียวกันรับสารภาพไปก่อนแล้ว เธอกล่าวว่า “รู้สึกว่าการสู้ในกระบวนยุติธรรมคงเป็นการสร้างภาระให้ทั้งตัวเองและทนาย รู้สึกเกรงใจทนายที่ต้องเดินทางมาช่วยดำเนินการ หากจะสู้คดีคงไม่คุ้ม ถ้าศาลลงโทษในสถานเดียวกันกับจำเลยอีกรายคิดว่าสารภาพดีกว่า เรื่องจะได้จบ”

 

ระหว่างที่รอศาลอ่านฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งให้ทนายความไปพบผู้พิพากษาที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในคดีอาญา โดย วิเนตร มาดี ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งออกพิจารณาคดีในคราวก่อน ขอพูดคุยเรื่องการโพสต์เฟซบุ๊กของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่บรรยายถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 โดยเขียนว่าศาลโน้มน้าวให้จำเลยรับสารภาพในคดีนี้ ศาลกล่าวกับทนายด้วยความไม่สบายใจ ว่าคดีนี้พิจารณาจากประโยชน์ของจำเลยเป็นหลัก โดยดูแนวทางต่อสู้คดีตามที่ทนายแถลง ทั้งหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชนแล้ว จึงแนะนำแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ให้จำเลย ศาลยังกล่าวอีกว่าศูนย์คุ้มครองสิทธิฯ ตั้งขึ้นตามนโยบายของประธานศาลฎีกาคนก่อน เพื่อพิทักษ์สิทธิของประชาชน การรับสารภาพหรือปฏิเสธก็ย่อมเป็นสิทธิส่วนตน แต่การนำเรื่องไปเผยแพร่ดังกล่าวก็จะทำให้ศาลเสียหาย ศาลไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปตอบโต้ได้ ฝากทนายความชี้แจงเรื่องนี้กับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้รับทราบด้วย ทั้งนี้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนก็ได้รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว 

ขณะเดียวกันผู้พิพากษาเวรชี้ได้ถามคำให้การอีฟผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยอีฟให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาความว่า พิเคราะห์จากพฤติการณ์เห็นว่ายังมิใช่พฤติการณ์ที่เป็นความผิดร้ายแรง อีกทั้งไม่มีประวัติเคยต้องโทษในคดีอาญา และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม ทั้งนี้เพื่อให้โอกาสกลับตัวประพฤติตนเป็นคนดีของสังคม จึงพิจารณาให้รอการกำหนดโทษ 1 ปี เช่นเดียวกับประไว จำเลยคดีเดียวกันที่สารภาพไปเมื่อ 3 กันยายน 2564 

หลังกระบวนการพิจารณาคดีแล้วเสร็จ ผู้พิพากษาเวรชี้กล่าวกับอีฟและทนายเรื่องการนำเรื่องในห้องพิจารณาไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กอีกว่า หัวหน้าศาลฝากเตือนมา ไม่อยากให้โพสต์อะไรกันอีก เพราะหากทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อศาลก็อาจจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลได้ วันนี้ศาลก็ได้ลงโทษสถานเบา เรื่องก็น่าจะจบแล้ว

หลังเดินทางออกจากศาล อีฟเปิดใจถึงการเปลี่ยนใจเป็นรับสารภาพอีกว่า  เพราะไม่อยากให้ทนายและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการสู้คดีต้องมีภาระทางคดีเพิ่มขึ้นอีก

อีฟเคยเล่าถึงเหตุการณ์วันจัดคาร์ม็อบที่เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีว่า เพียงแค่นำภาพที่มีคนส่งต่อๆ กันมา เป็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์กิจกรรม “Car Mob หนองบัวลำภู รัฐไม่มีความสามารถ เราถึงต้องออกมาไล่” ระบุเวลาและสถานที่นัดหมาย มาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และเขียนแคปชั่นว่า “จะไปขี่รถเล่น” วันจัดกิจกรรม ตนก็เป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น โดยขับรถเข้าไปร่วมหลังเขาเคลื่อนขบวนออกจากจุดเริ่มต้นด้วยซ้ำ หลังจบกิจกรรมตนก็ลงจากรถไปทักทายคนที่รู้จักเท่านั้น จึงรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลที่จะถูกดำเนินคดี เพราะตนเพียงแสดงออกในฐานะพลเมืองตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ต้องการเรียกร้องวัคซีนที่ดี มีประสิทธิภาพ สำหรับประชาชนทุกคน 

ส่วนเรื่องการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองนับจากนี้อีฟคิดว่าคงจะไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเช่นเดิม  “ก่อนหน้านี้เราก็เป็นแค่ผู้ไปร่วมแสดงออกและให้การช่วยเหลือเป็นบางครั้งเท่านั้น ไม่ใช่แกนนำจัดกิจกรรม แต่อย่างว่าเมื่อเราเป็นเป้าที่เจ้าหน้าที่รัฐจับตามองอยู่แล้วพอมีโอกาสเขาก็ดำเนินคดีเราแบบครั้งนี้”

สำหรับกิจกรรม Car Mob หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 นั้น จัดขึ้นพร้อมอีกกว่า 30 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายใต้สโลแกน “1 สิงหา คาร์ม็อบทั่วไทย ขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นอกจากนี้ ในจังหวัดต่างๆ ยังจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าว อีกหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาเป็นต้นมา เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดขอโควิด ขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดเพิ่มมากขึ้น 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อีกคดี! แจ้ง “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” เจ้าของธุรกิจส่วนตัว เหตุร่วม CarMob หนองบัวลำภู ขับไล่รัฐบาล เจ้าตัวยัน “ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ”

X