#ม็อบ19กันยา ตร. ยึดพื้นที่ดินแดง เกิดจุดเผชิญหน้าใหม่กับเยาวชน ‘ทะลุแก๊ส’ รวบจับ 22 ราย เป็นเยาวชน 6 ถูกทำร้ายกว่า 10 ราย ยึดรถจักรยานยนต์คนฝ่าเคอร์ฟิว

19 กันยายน 2564 วันครบรอบ 15 ปีของการรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร การชุมนุมในกรุงเทพมหานครเป็นการทำกิจกรรมคาร์ม็อบ ของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และสมบัติ บุญงามอนงค์ นัดหมาย เวลา 14.00 น. ที่แยกอโศกและเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อสื่อสารว่า การรวมตัวกันในวันนี้ตอกย้ำว่า เผด็จการปี 2549 และยุคปัจจุบันเป็นเรื่องเดียวกันและเป็นความเจ็บปวดต่อเนื่องกันของคนไทยมาตลอด 15 ปี 

ด้านการรวมตัวของกลุ่มเยาวชนอิสระที่นัดรวมตัวกันต่อเนื่องบริเวณแยกดินแดง พวกเขาพบว่าตำรวจปรับใช้วิธีการรับมือการชุมนุมรูปแบบใหม่เป็นการ ‘ยึดพื้นที่แยกดินแดง ตั้งด่านตรวจขาเข้าแยกหลายจุด’ ด้วยกำลังของตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนและตำรวจตระเวนชายแดน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกไปหาจุดรวมตัวกันใหม่ทั้งแยกนางเลิ้ง และแยกอุรุพงษ์ ซึ่งเป็นจุดที่มุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ยังคงถูกสกัดจนเกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มทะลุแก๊ซและเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น. หลังกิจกรรมคาร์ม็อบได้สิ้นสุดลง   

ภาพiLAW การตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่แยกดินแดง

โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับรายงานการจับกุมตลอดคืนวาน 19 กันยายน ว่ามีประชาชนถูกจับกุมรวม 22 ราย เป็นเยาวชนถึง 6 ราย (อายุ 14 ปี 2 ราย) แบ่งเป็นข้อหาฝ่าเคอร์ฟิว 11 ราย อีก 11 ราย ถูกแจ้งข้อหาชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ  และต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ มาตรา 138 และ 140 ของประมวลกฎหมายอาญา  ทั้งนี้ มีเยาวชน 2 รายถูกตั้งข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 อีกด้วย   

ทั้งนี้ การจับกุมมีขึ้นในท้องที่ สน. ดินแดง 5 ราย, สน.พญาไท 11 ราย และ สน.นางเลิ้ง 6 ราย ผู้ถูกจับกุมครึ่งหนึ่งคือ 11 ราย ระบุว่า ถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งส่วนใหญ่คือ ชุดควบคุมฝูงชนของกองบังคับการตำรวจนครบาล โดยเยาวชน 3 ราย ถูกยิงด้วยกระสุนยาง และ 2 รายต้องถูกส่งตัวให้แพทย์ทำการรักษาจากบาดแผลที่ศีรษะและสะบักขวาจากการถูกทำร้ายขณะถูกจับกุม 

จับกลุ่ม “ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ” 3 ราย ที่แยกสวรรคโลก

กลุ่มลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ 3 ราย ได้แก่ อนุชิต เรืองประดิษฐ์ อายุ 44 ปี, อังศุมาลิน อัตตวงศกร อายุ 42 ปี และณัฐพล กาญจนพิจิตรดำรง อายุ 20 ปี ถูก คฝ.บก.น.5 รวม 5 นาย จับกุมที่แยกสวรรคโลก ในเวลา 20.50 น. และควบคุมตัวไปที่ สน.พหลโยธิน  

ในการทำบันทึกจับกุม ชุดจับกุมได้ระบุพฤติการณ์ใจความว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายคนมาร่วมกันชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เรื่อยไปจนถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการขว้างปาประทัด ระเบิด จุดไฟกลางถนนสาธารณะ ต่อมาชุดจับกุมได้ติดตามรถยนต์กระบะที่ผู้ต้องหาขับออกจากสามเหลี่ยมดินแดงอย่างใกล้ชิด หลังรับแจ้งจากประชาชนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงว่า รถคันดังกล่าวมีอุปกรณ์ที่จะทําร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน โดยขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่ที่บริเวณแยกสวรรคโลก ชุดจับกุมจึงได้เข้าทําการตรวจสอบ และตรวจค้นรถ พบหนังสะติ๊ก 4 อัน พร้องลูกแก้วและลูกหินกว่า 100 ลูก อยู่ในรถ จึงยึดเป็นของกลาง และจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามส่งพนักงานสอบสวน ต้าเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งสามถูกตั้งข้อหาว่า “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 25 คน และร่วมกันชุมนุมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย โดยผู้ร่วมกระทําผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีและใช้อาวุธ” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 138, 140

ก่อนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุม ชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธเช่นกัน โดยจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน

คฝ. จับที่แยกอุรุพงษ์ 6 ราย ซอยลำปัก 2 ราย พบผู้ถูกจับกุมถูกทำร้ายแทบทุกราย

เวลา 20.40 น. คฝ.บก.น. 7 จากหลาย สน. รวม 10 นาย ได้ร่วมกันจับกุมประชาชน 5 ราย ซึ่งขับรถผ่านบริเวณแยกอุรุพงษ์ โดย 2 ราย เป็นเยาวชน ก่อนควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.พหลโยธิน

เจ้าหน้าที่ทำบันทึกการจับกุม ธิ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี, วัน (นามสมมติ) อายุ 24 ปี และอ้น (นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 14 ปี ระบุว่า วันที่ 19 ก.ย. 2564 มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายคนชุมนุมกันที่บริเวณแยกนางเลิ้ง โดยมีการขว้างปาประทัด ระเบิด และเผาสิ่งของบนถนน ชุดจับกุมจึงได้เข้ากระชับพื้นที่ จนทําให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยไปอยู่บริเวณแยกยมราช และแยกอุรุพงษ์ และเมื่อเข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ได้พบกับผู้ต้องหาทั้งสามอยู่ในรถยนต์ มีธิเป็นผู้ขับขี่ โดยวันและอ้นได้ขว้างปาประทัด และยิงหนังสติ๊กใส่ชุดจับกุม จากนั้นธิได้พยายามขับรถหลบหนี แต่เนื่องจากการจราจรติดขัด จึงไม่สามารถหลบหนีได้ จึงถูกชุดจับกุมเข้าจับกุมและตรวจค้น ก่อนพบว่าวันมีหนังสะติ๊ก 1 อัน พลุไฟ 2 อัน ส่วนอ้นมีลูกแก้ว 45 ลูก ไฟแช็ค 1 อัน จึงตรวจยึดเป็นของกลาง และจับกุมทั้งสามส่งพนักงานสอบสวน 

ส่วนอีก 2 ราย คือ กร อายุ 22 ปี และพัฒน์ อายุ 17 ปี ถูก คฝ.จับกุมในเวลาใกล้เคียงกัน และทำบันทึกการจับกุมเนื้อความลักษณะเดียวกันว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชนเข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ได้พบกรนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ กําลังจะขับรถหลบหนี แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ จึงถูกจับกุม และตรวจค้นพบกระป๋องแก๊สน้ำตา 1 กระป๋อง และประทัดลูกบอล 1 อัน อยู่ในกระเป๋ารถ จึงยึดไว้เป็นขอกลาง ทั้งยังพบพัฒน์กําลังจะขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนี แต่พลัดตกจากรถจักรยานยนต์ก่อน ชุดจับกุมจึงเข้าจับกุมและตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย 

พนักงานสอบสวน สน.พญาไท แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 5 คน เหมือนกันว่า “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 25 คน และร่วมกันชุมนุมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย โดยผู้ร่วมกระทําผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีและใช้อาวุธ” 

ทั้งห้าให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุม หลังทำบันทึกจับกุมเสร็จ ทั้งห้าถูกนำตัวไปสอบปากคำและคุมขังที่ สน.พญาไท

ทั้งนี้ ธิและวันให้ข้อมูลกับทนายความว่า ไม่ได้ร่วมชุมนุม โดยเดินทางมาจากบางเขนเพื่อไปโรงพยาบาลรามาฯ ตามนัดหมายของหมอ แต่ถูก คฝ. สกัดจับ กระชากธิลงจากรถ กดลงกับพื้น บีบคอ และตีหลัง ปรากฏมีรอยขีดข่วนตรงบ่าขวา ส่วนวันไม่ได้ถูกทำร้าย แต่รถยนต์น่าจะถูกทุบ  

ส่วนอ้น นักเรียนชั้น ม.3 ถูกจับกุมขณะจะกลับบ้าน ไม่ได้มากับธิและวันดังที่บรรยายในบันทึกจับกุม อ้นเล่าว่า เขาถูก คฝ.จับกดลงกับพื้น ก่อนตบหัว หน้า และใช้กระบองตีศีรษะด้านหลัง เมื่อถูกควบคุมตัวอยู่บนรถเขายังถูกตบหน้าและหัวอีก ทั้งยังถูกมัดด้วยเคเบิลไทร์ 

ด้านพัฒน์ นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค เล่าว่า ถูก คฝ.หลายนายรุมจับ และตี แต่เขายกมือขึ้นมากัน ทำให้โทรศัพท์ในมือหน้าจอแตก จากนั้นเขาถูดบิดข้อมือมัดด้วยเคเบิลไทร์ ทำให้มีอาการปวดข้อมือ แต่ไม่มีแผล

บริเวณแยกอุรุพงษ์ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ชุดสืบ และ คฝ. สน.พญาไท นำโดย พ.ต.ต.พิชญะ เขียวเปลื้อง สว.สส. ยังจับกุมอ้วน (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี อีก 1 ราย ควบคุมตัวไป สน.พญาไท และทำบันทึกจับกุม โดยไม่มีทนายความเข้าร่วม ระบุว่า ขณะตํารวจควบคุมฝูงชนเข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ได้พบอ้วนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และยิงหนังสติ๊กใส่ตํารวจควบคุมฝูงชน จากนั้นรถจักรยานยนต์คันที่อ้วนนั่งซ้อนท้ายอยู่ได้เร่งเครื่องขับหนีชุดจับกุม ทําให้อ้วนหล่นจากรถจักรยานยนต์ และถูกจับกุม หลังค้นตัวพบลูกแก้ว 22 ลูก ในกระเป๋าสะพาย จึงยึดเป็นของกลาง 

อ้วนถูกพนักงานสอบสวน สน.พญาไท แจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับรายอื่น เขาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน

อ้วนซึ่งยังเป็นนักศึกษา ปวช.2 กล่าวกับที่ปรึกษากฎหมายว่า ตนเองมีเพียงลูกแก้ว ไม่ได้มีหนังสติ๊ก แต่กลับถูกกล่าวหาว่า ยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ขณะถูกจับกุม ก็หมอบลงกับพื้นยอมให้จับกุมโดยดี แต่ถูก คฝ. เตะเข้าที่ใบหน้าจนเป็นแผล และยังถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ต้นขาขวาด้วย 

ภาพบาดแผลของเยาวชน

ชุดจับกุมของ คฝ.บก.น. 7 ยังติดตามจับกุมไกร (นามสมมติ) และวัด (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 15 และ 16 ปี อีก 2 คน ที่ซอยลำปัก ถ.ลูกหลวง โดยหลังถูกจับกุมไกรได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลแตกที่ศีรษะ ต้องนำส่งโรงพยาบาลตำรวจก่อน ขณะวัดซึ่งถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พหลโยธิน ที่ปรึกษากฎหมายพบว่า มีบาดแผลขนาดครึ่งฝ่ามือที่สะบักขวา เลือดออกเล็กน้อย และแผลขนาดเล็ก ที่เอวด้านขวา วัดเล่าว่าถูกรุมทำร้าย ทั้งมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ข้อนิ้วมือขวา และเหนือศอกซ้าย ที่ปรึกษากฎหมายจึงขอให้ตำรวจส่งไปตรวจรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจอีกราย

เมื่อไกรถูกนำตัวกลับมาที่ สน.พหลโยธิน ในเวลาเกือบเช้า พบว่า มีบาดแผลจากการถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ใบหน้าซีกซ้าย หู และเหนือข้อเท้า โดยเฉพาะใบหูมีแผลฉีกขาด และแผลจากการถูกตีที่ศีรษะต้องเย็บหลายเข็มบันทึกการจับกุมไกรและวัดระบุว่า หลังจับกุม เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก, หนังสะติ๊ก 2 อัน, ประทัด, ลูกแก้ว, น้ำมันก๊าด 1 ขวด และไฟแช็ค จึงยึดเป็นของกลาง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง แจ้งข้อกล่าวหา  “ร่วมกับพวกที่หลบหนีวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 25 คน และร่วมกันชุมนุมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย โดยผู้ร่วมกระทําผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีและใช้อาวุธ และออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม” โดยทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นเอกสาร

ประชาชน-เด็ก 11 ราย ถูกจับฝ่าเคอร์ฟิวหลายจุด ไม่น้อยกว่า 5 ราย ระบุถูกทำร้ายระหว่างจับกุม 2 รายถูกยึดมอเตอร์ไซค์

ราว 4- 5 ทุ่ม บริเวณดินแดงและใกล้เคียง มีการสกัดจับประชาชนที่ยังอยู่นอกบ้านในช่วงเคอร์ฟิวหลายจุด มีประชาชนถูกจับกุมรวม 11 ราย โดยเป็นเด็กอายุ 14 ปี 1 ราย แยกเป็นท้องที่ สน.ดินแดง 2 ราย, สน.พญาไท 5 ราย และ สน.นางเลิ้ง 4 ราย ในทุกท้องที่ผู้ถูกจับกุมระบุว่าถูก คฝ.ชุดจับกุมทำร้าย ตำรวจ สน.ดินแดง ยังยึดรถมอเตอร์ไซค์และโทรศัพท์ไปเพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมด้วย

อริญชัย นามชู อายุ 20 ปี พนักงานขับรถส่งอาหาร ถูกจับบริเวณแยกประชาสงเคราะห์ ในเวลาประมาณ 22.30 น. โดย คฝ.สน.เพชรเกษม 2 นาย ร.ต.อ.สมชาย ชูสุวรรณ และ ส.ต.ท.พีรพงษ์ สดมพฤกษ์ ก่อนนำตัวไป สน.พหลโยธิน แจ้งข้อหา ฝ่าเคอร์ฟิว (ออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม) พร้อมทั้งยึดรถมอเตอร์ไซค์เป็นของกลาง กับยึดโทรศัพท์มือถือเป็นวัตถุพยาน บันทึกการจับกุมระบุว่า ยึดมอเตอร์ไซค์ไว้เพื่อตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในการชุมนุมภายในพื้นที่ดินแดงหรือไม่ 

เช่นเดียวกับนันท์ (นามสมมติ) ซึ่งถูก คฝ. 2 นาย จับกุมที่สะพานข้ามแยกประชาสงเคราะห์ในเวลาใกล้เคียงกัน ตำรวจได้ยึดมอเตอร์ไซค์เป็นของกลาง และแจ้งข้อหา ฝ่าเคอร์ฟิว  

อริญชัยและนันท์ ให้การปฏิเสธทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน พร้อมทั้งไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุม ส่วนในชั้นสอบสวน จะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน 

อริญชัยให้ข้อมูลว่า ถูกจับขณะขับรถกลับจากที่ทำงานแถวนนทบุรี ปกติเลิกงาน 4 ทุ่ม ใช้เส้นทางนี้ทุกวัน โดยมีใบอนุญาตทางในช่วงเคอร์ฟิว แต่ถูก คฝ. ยึดไป โดยขณะถูกจับกุม เขาถูก คฝ. ตีด้วยกระบองที่ไหล่และท้ายทอยด้วย  

ขณะที่ชุดสืบและ คฝ.สน.พญาไท ได้ออกตรวจพื้นที่และจับกุมประชาชน 3 ราย ที่ซ้อนจักรยานยนต์ผ่านแยกอุรุพงษ์ นำตัวไป สน.พญาไท เช่นเดียวกับวัยรุ่น อายุ 20 ปี และเด็ก 14 ปี รวม 2 ราย ซึ่งถูก คฝ.บก.น.1 จับกุมที่หน้าโรงแรมอินทรา 

ทั้งห้าถูกพนักงานสอบสวน สน.พญาไท แจ้งข้อกล่าวหา ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ชั้นจับกุมที่ยังไม่มีทนายความเข้าร่วม ตำรวจระบุในบันทึกจับกุมว่า ให้การรับสารภาพ แต่ในชั้นสอบสวนทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา และจะทำคำให้การเป็นหนังสือมายื่นภายใน 20 วัน

กลุ่มที่ถูกจับด้วยกัน 3 ราย ให้ข้อมูลว่า พวกตนเดินทางจากบ้าน โดยต่าย (นามสมมติ) เป็นคนขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งอีก 2 คน ไปทำงานรับจ้างที่ตลาดโบ๊เบ๊ เมื่อผ่านแยกอุรุพงษ์ก็ถูก คฝ. จับกุม โดยพวกตนไม่ได้ขัดขืนแต่ยังถูก คฝ.ใช้กระบองตีที่หลังของนุติ ผู้นั่งซ้อนท้าย ครั้งหนึ่ง

ด้านจิรายุ วัย 20 ปี ซึ่งทำงานรับจ้างก็ระบุว่า ตนถูก คฝ.ไล่จับกุม จนรถล้ม ปากแตก นิ้วกลางซ้ายเป็นแผล และยังถูกกระบองตีที่มือจนบวมบวม ช้ำ    

ที่หน้าบ้านมนังคศิลา คฝ.บก.น.4 ได้ตั้งด่านตรวจสกัดท้องที่ สน.นางเลิ้ง และจับกุมประชาชนที่ขี่จักรยานยนต์ในช่วง 23.00 น. รวม 4 ราย ตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนส่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีข้อหา ฝ่าเคอร์ฟิว โดยพนักงานสอบสวนนำตัวไปทำบันทึกจับกุม สอบปากคำ และคุมขังที่ สน.พหลโยธิน

สิทธิ (นามสมมติ) ให้ข้อมูลว่า เขากับเพื่อนตั้งใจไปหาเพื่อนที่เพชรบุรีซอย 7 คฝ.ด่านแรกปล่อยพวกเขา แต่ที่ด่านนี้ นอกจากถูกจับ โดยที่เขาไม่ได้ต่อสู้ขัดขวางแล้ว เขายังถูกกระบองกระแทกเข้าที่ท้อง 2 ครั้ง ส่วนอีก 2 ราย ซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกันมา จากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านแถวสะพานพุทธ เจอ คฝ. ดัก จึงจอดรถก่อนถูก คฝ. เข้ามาผลักให้ล้มแล้วจับ

ศาลให้ประกัน 16 ราย วางเงินต่อศาลอาญา 2.1 แสน กำหนดเงื่อนไข 4 ราย ห้ามร่วมกิจกรรมที่ก่อความวุ่นวาย

หลังกระบวนการทำบันทึกการจับกุม สอบปากคำ ซึ่งเสร็จในเช้าตรู่วันนี้ (20 ก.ย. 2564) ผู้ต้องหาในคดีของ สน.ดินแดง และ สน.นางเลิ้ง รวม 11 ราย ถูกควบคุมตัวต่อที่ สน.พหลโยธิน เพื่อรอการฝากขังต่อศาล และตรวจสอบการจับกรณีเยาวชน ส่วนอีก 11 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีของ สน.พญาไท ถูกคุมขังที่ สน.พญาไท

โดยในช่วงสาย พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำเยาวชน 4 ราย ไปตรวจสอบการจับและขอให้ศาลออกหมายควบคุมตัว โดยไม่รอที่ปรึกษากฏหมายที่ร่วมสอบคำให้การ แต่ใช้ที่ปรึกษากฎหมายของศาลแทน หลังศาลอนุญาตให้ควบคุมตัว ก็ได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน 

ส่วนไกรและวัด พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ยื่นคำร้องตรวจสอบการจับและขอออกหมายควบคุมที่ศาลเยาวชนฯ ในเวลา 17.00 น. แต่ศาลยกคำร้อง เนื่องจากคำร้องไม่เรียบร้อย ทำให้ไกรและวัดได้รับการปล่อยตัวที่ สน.พหลโยธิน ในช่วงเย็นที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนนัดไกร วัด และผู้ปกครองไปพบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย. 2564)  

กรณีผู้ต้องหาที่ไม่ใช่เยาวชน ซึ่งมีเพียงข้อหา ฝ่าเคอร์ฟิว 10 ราย วันนี้ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้นำตัวไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือ 2 ราย และ สน.พญาไท ฝากขังต่อศาลแขวงดุสิตผ่านคอนเฟอร์เรนซ์อีก 4 ราย หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ได้มีคำสั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหก โดยไม่ต้องวางหลักประกัน และนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค. 2564 เวลา 09.00 น. 

ส่วนผู้ต้องหาฝ่าเคอร์ฟิวของ สน.พญาไท อีก 4 ราย ซึ่งในชั้นจับกุมให้การปฏิเสธ และพนักงานสอบสวนจะสอบคำให้การในบ่ายวันนี้ และยื่นฝากขังต่อศาลแขวงดุสิต แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนทำคำร้องไม่ทัน และผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แจ้งทนายความว่า ประสงค์จะรับสารภาพในชั้นสอบสวน คืนนี้ทั้ง 4 คน จะถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.พหลโยธินอีก 1 คืน โดยพนักงานสอบสวนจะสอบคำให้การวันพรุ่งนี้ และส่งตัวไปศาลเพื่อให้อัยการยื่นฟ้องทันที

กรณีที่ไม่ใช่เยาวชนอีก 6 ราย ซึ่งถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ได้แก่ อนุชิต, อังศุมาลิน, ณัฐพล, ธิ, วัน และกร พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง และ สน.พญาไท ได้ขอฝากขังต่อศาลอาญาผ่านคอนเฟอเรนซ์ โดยศาลอนุญาตให้ฝากขัง จากนั้นอนุญาตให้ประกันตามที่ทนายความยื่นคำร้อง ขอวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 35,000 บาท โดยทนายความใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลยังกำหนดเงื่อนไขสำหรับอนุชิต, อังศุมาลิน, ณัฐพล และกร ว่า ห้ามกระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันที่ถูกกล่าวหาหรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ในบ้านเมือง แต่ไม่กำหนดเงื่อนไขกรณีของธิและวัน ศาลนัดรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 8 พ.ย. 2564 เวลา 08.30 น.

X