#ม็อบ13กันยา จับกุม 11 ราย เป็นสื่ออิสระ-แพทย์อาสารวม 3 ราย ทั้งยังจับเด็ก 12 ปี หลังปั่นจักรยานมาดูม็อบ

ค่ำวานนี้ (13 ก.ย. 64) ภายใต้สถานการณ์การชุมนุม #ม็อบ13กันยา หลังการประการศยุติบทบาทชั่วคราวของเพจ “ทะลุแก๊ส” เพื่อหาข้อสรุปด้านยุทธศาสตร์เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ยังปรากฏกลุ่มผู้ชุมนุมอิสระมารวมตัวอยู่ที่แยกดินแดง เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และเพื่อทวงยุติธรรมให้กับผู้ชุมนุมที่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ควานรุนแรงในสลายการชุมนุมจากครั้งก่อนๆ อีกด้วย

เวลาประมาณ 22.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งกรณีการจับกุมประชาชน รวมจำนวน 11 ราย ไปที่ สน.พหลโยธิน แบ่งเป็นเยาวชน 4 ราย และเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี อีก 1 ราย ซึ่งระบุว่าถูกจับหลังปั่นรถจักรยานมาดูการชุมนุม ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่อีก 6 ราย ยังพบว่าในจำนวนนี้มีสื่ออิสระจาก “สำนักข่าวราษฎร”, เพจ “ปล่อยเพื่อนเรา” และแพทย์อาสาเคลื่อนที่เร็ว รวม 3 ราย ถูกจับกุมระหว่างการทำหน้าที่ในการชุมนุมด้วย

กลุ่มประชาชน 3 ราย ได้แก่ สื่ออิสระ 2 ราย, แพทย์อาสา 1 ราย และเด็กอายุ 12 ปี 1 ราย ถูกตั้งข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องการชุมนุมตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และข้อกำหนดเรื่องเวลาเคอร์ฟิว

ขณะที่ประชาชนอีก 7 ราย ถูกตั้งข้อหาร่วมกันรวม 5 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องการชุมนุมของ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และข้อกำหนดเรื่องเวลาเคอร์ฟิว, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 “มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ”, มาตรา 216 “ไม่เลิกมั่วสุมตามคำสั่งเจ้าพนักงาน” และมาตรา 140 “ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีอาวุธฯ”

ทั้งนี้ มี 3 ราย ที่ถูกแจ้งข้อหาว่า มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง อีก 1 ข้อหา โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องขณะจับกุม

คฝ.ชุดจับกุมยังได้ตรวจค้นผู้ถูกจับกุมทั้ง 6 คน พบของกลาง ระเบิดแสวงเครื่องรวม 5 ลูก ลูกแก้ว 5 ลูก หน้ากากกันแก๊ส 1 อัน ดิ้วเหล็ก สีดำ 1 อัน หนังสติ้กด้ามไม้ 2 อัน และกระเป๋าสะพายของผู้ต้องหา 2 ใบ นอกจากนี้ยังได้ยึดโทรศัพท์ผู้ถูกจับกุมอีก 6 เครื่อง ไว้เป็นวัตถุพยาน แม้ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวข้องกับข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

หลังจัดทำบันทึกจับกุมเสร็จสิ้น โดยผู้ถูกจับกุมทั้งหมดปฏิเสธลงชื่อในบันทึกการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้ปกครองมารับตัวเด็กอายุ 12 ปี 1 ราย ไปในเวลาประมาณ 02.30 น. และนัดหมายให้เดินทางไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อตรวจสอบการจับกุมในวันรุ่งขึ้น (14 ก.ย. 64)

ขณะที่เยาวชนอีก 4 รายและผู้ถูกจับกุมอายุมากกว่า 18 ปีนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.พหลโยธิน เป็นเวลา 1 คืน ก่อนพนักงานสอบสวนจะพาเยาวชนที่เหลือไปตรวจสอบจับที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ส่วนผู้ใหญ่ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลในวันรุ่งขึ้นเช่นกัน

วันนี้ (14 ก.ย. 64) ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เวลา 12.30 น. เยาวชนที่ถูกจับกุม 5 ราย มาศาล ร.ต.อ.พิเชษฐ์ กัดฟัก พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ยื่นคำร้องตรวจสอบการจับกุม โดยต่อมา ศาลได้มีคำสั่งว่าการจับเยาวชนทั้งห้าเป็นไปโดยชอบ และให้ออกหมายควบคุมตัวไว้ระหว่างสอบสวน แต่อนุญาตให้ประกันตัว โดยไม่ต้องวางหลักประกัน แต่ถ้าผิดสัญญาประกัน จะปรับเงินเป็นจำนวน 3,000 และ 5,000 บาท

ทั้งนี้ เยาวชน 2 ราย ต้องใช้เงินประกันตัว 20,000 บาท เนื่องจากแจ้งถูกข้อหามีระเบิดไว้ในความครอบครอง

ศาลกำหนดนัดพบที่สถานพินิจฯ บางนา เพื่อพบพนักงานคุมประพฤติในวันที่ 22 ก.ย. 64 และกำหนดนัดรายงานตัวต่องานรับฟ้อง ในวันที่ 4 ต.ค. 64

ในส่วนของผู้ถูกจับกุมที่เป็นผู้ใหญ่ กลุ่มสื่ออิสระและแพทย์อาสารวม 3 คน ถูกยื่นขอฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลอนุญาตให้ฝากขัง แต่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมดโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์

ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่อีกสามคนที่ถูกแจ้ง 5 ข้อหา ได้ถูกยื่นขอฝากขังที่ศาลอาญา ก่อนศาลอนุญาตให้ฝากขัง และให้ประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์รายละ 35,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด พร้อมนัดมารายงานตัวอีกครั้งวันที่ 1 พ.ย. 64

จับกุมประชาชน 11 ราย ทั้งยังจับแอดมิน เพจ “สำนักข่าวราษฎร” และ “ปล่อยเพื่อนเรา” ขณะรายงานสด

เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ณ บริเวณถนนมิตรไมตรี “ณัฐพงศ์ มาลี” ผู้สื่อข่าวสังกัด “สำนักข่าวราษฎร – Ratsadon News” อายุ 23 ปี ได้ถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้ามาตรวจสอบบัตรสื่อมวลชน ในขณะที่กำลังไลฟ์ถ่ายทอดสถานการณ์ในพื้นที่ดินแดงลงเพจเฟซบุ๊ก ณัฐพงศ์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นสมาชิกของสำนักข่าว “ThaiVoice.org” พร้อมกับแสดงบัตรสื่อมวลชน

หลังการตรวจสอบบัตรสื่อมวลชนครั้งที่ 2 ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้ขอให้ณัฐพงศ์แสดงบัตรอนุญาตออกนอกเคหสถานหลังเวลา 21.00 น. เป็นต้นไป เมื่อณัฐพงศ์ระบุว่าตนกำลังยื่นเรื่องขอใบอนุญาตดังกล่าวอยู่ เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ณัฐพงศ์ยุติการไลฟ์เฟซบุ๊ก และเข้าจับกุมเขาทันที

หลังจากที่คฝ.ตามหาตัวสื่อสำนักข่าวราษฎรอยู่หลายครั้ง หลายวัน วันนี้ทีมงานสำนักข่าวราษฎรโดนคุกคาม สั่งให้ปิดการไลฟ์สดลง หลังจากที่วันนี้อยู่เลยเวลาเคอร์ฟิว#ม็อบ13กันยา pic.twitter.com/FJXOj1Il9e
— Arsa.Plodaek (@plodaek) September 13, 2021

คลิปขณะเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว

ต่อมา ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว The Reporters ได้สอบถามพิกัดของณัฐพงศ์ผ่านทางโทรศัพท์ ได้ความว่าเขากำลังอยู่บนรถกระบะตำรวจ คาดการณ์ว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปที่กรมดุริยางค์ทหารบก ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ตำรวจที่ควบคุมตัวณัฐพงศ์ได้ตะโกนห้ามไม่ให้เขาใช้โทรศัพท์ จึงต้องยุติการสัมภาษณ์ทันที

21.58 น. พี่แยมโทรหาโอปอ กรณีจนท.เชิญตัวขึ้นไปบนรถตู้ เพื่อไปตรวจสอบเพิ่มเติม ระหว่างที่พูดคุย จนท.เดินมาแจ้งว่าไม่ใช้มือถือ#ม็อบ13กันยา pic.twitter.com/jeDlaoAjZ0
— Arsa.Plodaek (@plodaek) September 13, 2021

คลิปขณะ The Reporters โทรศัพท์สอบถาม

ในช่วงเวลา 21.30 น. จนถึง 22.00 น. ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้เข้าควบคุมประชาชนอีก 2 ราย ได้เแก่ “ธงชัย บานเย็น” ชายอายุ 33 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกหน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่เร็ว และ “พนิดา เอนกนวน” ผู้สื่อข่าวอิสระ สังกัดเพจ “ปล่อยเพื่อนเรา”

ธงชัยระบุว่าตนประกอบอาชีพเป็นไรเดอร์ แต่ในช่วงเวลาที่สะดวก เขาจะเป็นอาสาสมัครของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เร็วบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง เพื่อดูแลสวัสดิภาพของผู้ชุมนุม โดยทำงานนี้มาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว และได้ทำเรื่องขอบัตรประจำตัวสมาชิกหน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่เร็ว แต่อยู่ระหว่างรอการออกบัตร

ในคืนของวันที่ 13 กันยายน ขณะที่ธงชัยกำลังปฐมพยาบาลผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาบริเวณถนนมิตรไมตรี ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้เข้ามาขอตรวจบัตรประจำตัวสมาชิกหน่วยแพทย์อาสาของเขา เขาได้แจ้งว่ากำลังอยู่ในระหว่างทำเรื่องขอบัตร แต่เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวเขาไปที่รถกระบะตำรวจทันที

สำหรับกรณีจับกุมผู้สื่อข่าวเพจ “ปล่อยเพื่อนเรา” พนิดาเล่าว่าตนถูกจับกุมในขณะที่ไลฟ์ถ่ายทอดสด อยู่ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานเขตดินแดง โดยตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวนนหนึ่งเดินออกมาจากกรมดุริยางค์ทหารบก และตรงเข้ามาหาพนิดาเพื่อสอบถามถึงบัตรสื่อมวลชน พนิดาจึงแสดงบัตรสื่อมวลชนสังกัดสำนักข่าว Red News TV และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “ปล่อยเพื่อนเรา”

หลังจากทราบสังกัดของพนิดา ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกล่าวว่าเพจดังกล่าวคอยยั่วยุผู้ชุมนุม พร้อมเข้าควบคุมตัวพนิดาไปที่รถกระบะตำรวจเช่นกัน

เมื่อณัฐพงศ์ ธงชัย และพนิดาถูกพาตัวมาที่รถตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งสามไปด้านในของกรมดุริยางค์ทหารบก พร้อมกับยึดโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ และกระเป๋าใส่ของผู้ถูกจับกุม ก่อนจะพาทั้ง 3 คนไปที่สน.พหลโยธิน

ณัฐพงศ์ให้สัมภาษณ์กับ The Reporters ว่า ตนนึกว่าตำรวจเพียงแต่ต้องการลงบันทึกหรือจดประวัติเท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหาด้วย

ทั้งสื่อ หน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่เร็ว และประชาชนคนอื่นๆ ถูกใช้เครื่องพันธการในระหว่างการจับกุมเช่นกัน แม้จะไม่แสดงพฤติการณ์หลบหนีใดๆ

จับเด็กอายุ 12 ปี ที่ขี่จักรยานมาดูม็อบ อายุต่ำสุดเท่าที่ทราบ

ในคืนเดียวกัน ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้เข้าจับกุมเด็กวัย 12 ปี 4 เดือนเศษ ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้ถูกจับกุมอายุน้อยที่สุดเท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทราบข้อมูลการจับกุมทางการเมืองตลอดปีที่ผ่านมา จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากทนายความ พบว่าเด็กคนดังกล่าวขี่จักรยานจากย่านบางซื่อมาที่ดินแดงเพื่อสังเกตการณ์ชุมนุม ในขณะที่กำลังกลับบ้าน โซ่จักรยานของเขาหลุดออกมาจากตัวรถ ประจวบกับเจ้าหน้าที่ได้ผ่านเข้ามาบริเวณนั้นด้วย เด็กอายุ 12 ปีจึงถูกจับกุม และถูกเจ้าหน้าที่รัดข้อมือด้วยสายเคเบิลไทร์ แม้ว่าจะเป็นเพียงเยาวชนเท่านั้น

หลังถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พหลโยธิน เด็กที่ถูกจับกุมได้ถ่ายรูปสถานที่กักขังส่งไปให้ญาติ แม้เจ้าหน้าที่จะข่มขู่ให้ดังกล่าวเซ็นเอกสารต่างๆ แต่เด็กคนดังกล่าวยืนยันที่จะไม่เซ็นเอกสารใด ในท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องถ่ายรูปตอนยื่นสำเนาเอกสารให้แทน พร้อมกับบันทึกภาพและเสียงตอนสอบปากคำ ต่อมาเวลา 02.30 น. เด็กชายรายนี้ได้รับการปล่อยตัวไป

*ภาพรถจักรยานที่เด็กอายุ 12 ปี ขับมาดูม็อบ*

ผู้ถูกจับ 6 ราย ได้รับบาดเจ็บ โดยมี 3 ราย ถูก คฝ. รุมทำร้ายขณะจับกุม

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ถูกจับกุมที่ได้รับบาดเจ็บขณะการจับกุม 6 ราย แยกเป็นเยาวชน 4 ราย ผู้ใหญ่ 2 ราย

กลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อย 5 ราย ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยาง พบประชาชนรายหนึ่งถูกจับขณะกลับบ้าน ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังเนื่องจากถูกยิงด้วยกระสุนยาง และได้รับบาดเจ็บจากการพันธนาการที่รัดแน่นเกินไป

ทั้งยังพบว่า ผู้ถูกจับกุม 3 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายขณะจับกุม โดยรายหนึ่งมีแผลกระสุนยางที่ด้านหลังมือ และแผลถลอกที่เข่าขวา หลังถูกเจ้าหน้าที่เหยียบไหล่กดลงพื้นขณะจับกุม

ส่วนอีกราย มีรอยช้ำเลือกจางๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. เตะเข้าที่ซอกคอด้านขวาใกล้ใบหู และได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอก และลำตัวฝั่งซ้ายใต้ราวนม หลังถูกเจ้าหน้าที่รุมขณะจับกุม

รายสุดท้าย มีบาดแผลถลอกลึก บริเวณเหนือคิ้ว เปลือกตาขวา และรอยช้ำกลางอก เขาระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่เหยียบหัวกดลงพื้นขณะจับกุม เบ้าตาถูกบดไปกับหินบนพื้นจนเกิดรอยแผล หลังจากนั้นถูก คฝ. กว่า 10 นาย รุมเตะต่อยจนมีอาการมึนหัว ก่อนเจ้าหน้าที่จะจับมือไพล่หลัง รัดด้วยเครื่องพันธนาการ แล้วพาตัวไปที่ สน.พหลโยธิน