เสียงสะท้อนจากนักกิจกรรมผู้ถูกคุมขังและติดโควิด: “โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการดูแล-จัดการโรค”

26 สิงหาคม 2564

เรามาเยี่ยมนักกิจกรรม 6 คนที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์, พรหมศร วีระธรรมจารี,  ภาณุพงศ์ จาดนอก, ชาติชาย แกดำ, แซม สาแมท และสิริชัย นาถึง จากคดี  #ม็อบ2สิงหา ในคดีนี้นักกิจกรรมมามอบตัวพร้อมกัน 9 คน ติดโควิดไปแล้ว 7 คน  เรามาเยี่ยมหกคนในวันนี้   ส่วน “ปูน” ธนพัฒน์ เป็นอีกคนที่ติดโควิด แต่ได้รับการปล่อยตัวไปก่อนหน้า และยังคงมีณัฐชนน ไพโรจน์ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต 

วันนี้เรามาช่วงเช้าประมาณ 10.00 น. ซึ่งปกติต้องแยกเยี่ยมเป็นสองครั้ง เพราะเพนกวินอยู่บนตึกโรงพยาบาล ส่วนฟ้า, ไมค์, บอย, แซม, นิว อยู่โรงพยาบาลสนาม หรือว่าแดนสิบ แต่กว่าจะได้เยี่ยมในวันนี้ก็ล่วงเลยเวลาเป็น 13.00 น. เนื่องจากเรือนจำมีอุปกรณ์จำกัด และต้องใช้คอนเฟอเรนซ์กับศาลในคดีอื่นด้วย 

วันนี้เราเน้นสอบถามอาการและสภาพคุมขังภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก แต่ละคนจึงผลัดเปลี่ยนกันมาอัพเดทอาการให้ฟัง 

เริ่มจากบอย ที่เพิ่งย้ายมาที่โรงพยาบาลเมื่อวานและเพิ่งได้รับการตรวจปอด หมอบอกว่าฝ้าขึ้น แสดงว่ามีเชื้อลงปอด ทำให้หายใจลำบาก เหนื่อย เมื่อคืนไม่ได้นอน มีอาการปวดหลัง ปวดหัว มีไข้ขึ้น 38 องศาเซลเซียส ไม่ได้รับกลิ่น ไม่ได้รับรส มีความดันสูงผิดปกติ 

เขาสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากฟ้าทะลายโจร เพราะตั้งแต่เข้าไปอยู่เรือนจำชั่วคราวรังสิต ทางเรือนจำให้กินฟ้าทะลายโจรตลอด แม้จะยังไม่ติดเชื้อ ทานมื้อละ 5 เม็ด อาจทำให้ค่าไตสูงและมีผลต่อความดัน “ผมบอกเลยว่าฟ้าทะลายโจรไม่ได้ช่วยอะไรเกี่ยวกับโควิด” วันนี้ช่วงเช้าเขาถูกเจาะเลือดให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส และได้ยาอย่างอื่นด้วย เช้านี้ไข้ลดแล้ว อาการปวดก็หายแล้ว แต่ยังคงกลืนอาหารได้ลำบาก

นิว (ฮิวโก้) บอกเราว่า เขาอาการยังทรงๆ เหมือนเดิม จมูกยังไม่ได้กลิ่น และไม่ได้รับรส ทำให้เบื่ออาหาร วันนี้เขาเพิ่งได้รับวิตามินบีรวม เพื่อบำรุงปลายประสาท เขายังฝากเพื่อนๆ ว่าที่เขาอดข้าวเพราะช่วงที่ย้ายมาโรงพยาบาล วันแรกๆไม่ได้รับสิทธิในการเจอทนาย ไม่ได้ย้ายโรงพยาบาล ก็เลยอดอาหาร แต่ตอนนี้กลับมากินข้าวแล้ว

ไมค์ พูดจาฉะฉาน ไม่มีอาการใดๆ “เหมือนคราวที่แล้วที่ติดโควิด ไมค์ก็ไม่มีอาการอะไรเลย ปอดมีอาการเป็นปกติ แต่ว่าผู้ป่วยอื่นรอบข้างดูสภาพย่ำแย่และอาการหนัก นอนแบบไม่ได้รับการดูแล” ไมค์เห็นว่ากรมราชทัณฑ์มีบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วย สถานที่ไม่เอื้ออำนวยในการรักษาโควิด  “อย่างฟ้าซึ่งย้ายมาจากเรือนจำชั่วคราวรังสิตก่อนไมค์ ก็ได้มาขังรวมกัน ไม่มีการแยกที่นี่” 

“ไมค์มาเจอคนอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คราวก่อนด้วย ไมค์ติดโควิดในเรือนจำพิเศษกรุงเทพครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ก็ยังมาเจอผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษที่นี่ แสดงว่ามาตรการที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเอง ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยจากช่วงที่ผมอยู่ และยังมีคนติดเชื้อโควิดอยู่”

ด้านแซม หลังจากทนายถามว่าเป็นอะไร นางเล่นมุกตอบว่าเป็นกะเทย แล้วจึงเข้าเรื่องว่าตัวเองยังคงมีอาการเจ็บหน้าอก นอนไม่หลับ เบื่ออาหารเหมือนเดิม แต่ว่าเชื้อโควิดไม่ลงปอด แซมจึงได้รับเพียงยาแก้แพ้ ยาพาราฯ แซมยังพูดถึงว่าห้องขังทีนี้ ยังมีผู้ต้องขังวนเวียนเข้าออกตลอดเวลา ทำให้คนที่ใกล้หายก็อาจจะไม่หายหรือเปล่า 

นอกจากนี้แซมบอกว่าในห้องขัง ผู้ป่วยอื่นๆ ไม่ได้รับการตรวจเอกซเรย์แบบพวกเขา แต่เหมือนเอามาขังให้ครบ 14 วันแค่นั้นเอง แซมยังเล่าว่าช่วงหลายวันมานี้ รู้สึกช่วงหลังหมอ (พยาบาล) มาบ่อยขึ้น หลังมีเรื่องร้องเรียนไปทางเรือนจำ จำนวนมาก ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องสบู่ สบู่เจ็ดก้อนแต่มีคนหกสิบคน เรื่องการดูแลรักษา เจ้าหน้าที่ก็รับว่าจะนำไปปรับปรุง

สำหรับฟ้า ยังมีอาการไม่ได้รับกลิ่นไม่ได้รับรส ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ และมีอาการแน่นหน้าอกบางช่วง ฟ้าเห็นว่า “ที่โรงพยาบาลไม่มีศักยภาพในการดูแล ไม่มีศักยภาพในการจัดการโรคเลย  ถ้าไม่มีใครอาการหนักไม่เป็นอะไรก็จะไม่มีใครมาดูแล”

“การให้ยาที่นี่ ใช้ระบบว่าใครมีอาการอะไรก็มาขอในช่วงเช้า พยาบาลก็จะแจกยาไว้ แต่ว่าไม่ได้มีลักษณะเป็นการรักษาอะไร คนไข้คนอื่นที่มีโรคประจำตัว ก็รักษากันเอง ในนี้มีที่วัดไข้ ที่วัดความดัด ที่วัดออกซิเจนทิ้งไว้ ก็วัดกันเอง”

นอกจากนี้ฟ้าและแซมเล่าเพิ่มเติมถึงสภาพการคุมขัง ในห้องขังตอนนี้มีสบู่เจ็ดก้อน แต่มีคน 60 คน ทั้งที่ผู้ป่วยโรคโควิดควรต้องแยกของใช้ส่วนตัวกัน ส่วนอาหารมีสามมื้อเวลาจะไม่แน่นอน อาหารมื้อเช้าประมาณ 8.00 น. ถึง 9.00 น.แล้วแต่อาจจะเป็นข้าวต้มหรือกับข้าว มื้อเที่ยงจัดช่วงประมาณ 11.00 น. ถึง 14.00 น. มักจะเป็นข้าวต้ม มื้อเย็นจะเป็นช่วง 15.00 น. ถึง 16.00 น. จะเป็นกับข้าวถุง ช้อนจะเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีน้ำยาล้างจานให้

ส่วนความเป็นอยู่ของเพนกวินในตึกโรงพยาบาล มีอาการดีขึ้น แต่ก็มีอาการไอมากขึ้นเช่นกัน หมอขอให้แจ้งญาติให้ซื้อยาพ่นสำหรับหอบหืดเข้ามา เพราะว่าด้านในมีแต่ยาชนิดแรง ตอนนี้ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำลงมา ตอนช่วงเข้ามาช่วงแรกค่าออกซิเจน 95 แล้วก็ดีขึ้นไปเป็น 97-98 แต่ช่วงนี้กลับมาประมาณ 95 อีก สอดคล้องกับอาการไอที่มากขึ้น เพนกวินเอ็กซเรย์ปอดไปทั้งหมดสี่ครั้ง แต่เพนกวินไม่เคยเห็นผล 

นอกจากนี้เพนกวินยังเล่าให้ฟังว่าวันพุธที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นวันที่อัศจรรย์มาก ข้าวของถูกจัดให้เป็นระเบียบ จากที่เคยรกๆ ก็เก็บเข้าห้องเก็บของ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเห็นว่ามีนักข่าวมา ก่อนหน้านี้เตียงที่เคยมีตามมีตามเกิด ก็เปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ดูใหม่ มีคนบอกว่ามีการเปลี่ยนยันกระถางต้นไม้ด้านล่างด้วย นักข่าวมาตอนเช้า ตอนนี้ (ช่วงบ่าย) กลับแล้ว อุปกรณ์การแพทย์ที่เคยเอาไปกระจายตามเตียงคนไข้ก็กลับมาอยู่กับที่เดิม

เพนกวินยังเล่าว่า ในพื้นห้องน้ำในห้องที่เขาอยู่นั้น มีปัสสาวะและอุจจาระอยู่บนพื้นด้วย ไม่แน่ใจว่าเพราะมีผู้ต้องขังอยู่ร่วมกันมากหรือเปล่า ความจริงห้องน้ำมีผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยมาทำความสะอาด แต่ก็ไม่ได้สะอาด เพราะผู้ป่วยมีจำนวนมาก เวลาอาบน้ำจะต้องใส่รองเท้าเพราะบนพื้นมีเชื้อรา ผ้าปูเตียงที่เหลืองๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการเปลี่ยน เสื้อผ้าก็ได้รับการเปลี่ยน

ในส่วนของการรักษาเพนกวิน ห้องที่อยู่รวมกันไม่แน่ใจว่ามีกี่คน แต่ว่าเป็นห้องผู้ป่วยหนัก คือถ้าอาการหนักกว่านี้ก็จะอยู่ในไอซียูแล้ว ผู้ป่วยที่ขังอยู่ด้วยกันเป็นโควิดทั้งหมด แต่ก็จะมีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ด้วย เช่น วัณโรค เชื้อรา ซิฟิลิส  หมอจะมาตรวจช่วงเดียวคือช่วงเช้า แต่ว่าพยาบาลก่อนหน้านี้จะมาแค่ช่วงเช้าและช่วงค่ำ แต่ช่วงนี้มาบ่อยขึ้น

“วันแรกที่ผมเข้ามารักษาที่นี่ (16 ส.ค.) มีให้ยาหอบหืดมาสองกล่อง ผมยังไม่ทันได้ทาน พยาบาลก็ขอคืนหนึ่งกล่องบอกว่าจ่ายผิด ผมก็งงว่าแบบนี้ได้ด้วยหรอ แล้ววันพฤหัสที่แล้วก็มีลืมให้ยา แต่ช่วงนี้กวิ้นได้ยาหอบหืด ยาฟาวิพิราเวียร์ และยาแก้ไอ”

นอกจากนี้วันก่อนหมอมีการมาขอว่าจะเปิดผลการรักษาให้สาธารณชนทราบ ผมโอเคไหม ผมเลยถามกลับว่าผมยังไม่เคยเห็นผลเอกซเรย์ปอดเลย หมอจะเปิดให้สาธารณะดูแล้ว ไม่ให้ผมดูได้อย่างไร

ส่วนอาหาร เป็นอาหารจากที่เรือนจำ ตอนเช้าจะได้เวลาประมาณ 9.00 น. ตอนกลางวัน 11.00 น. อาหารเย็นประมาณ 13.00 น. -14.00 น. เวลาไม่ได้เหมือนคนปกติและไม่แน่นอน คุณภาพอาหารดีกว่าเรือนจำนิดหน่อย แต่คนที่นี่ก็ยังบ่นว่าทานได้ไม่อิ่ม ปริมาณไม่พอ เมื่อวานมีแจกลอดช่องด้วย เขาได้ถามคนข้างในว่าเคยมีแจกมาก่อนหรือเปล่า คนข้างในบอกว่านานๆ จะมีมาซักหน หลัง 16.00 น. จะมีการปิดวอร์ด และมีพยาบาลเข้ามาดูตอนประมาณ 20.00 น.อีกครั้ง

เพนกวินยังเล่าเพิ่มเติมว่าครั้งนี้ เขาติดคุกโดยมีคนรู้จักมากขึ้น ผู้ต้องขังเข้ามา กล้าพูดกล้าคุย เข้ามาสอบถาม จึงได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องการเมือง ช่วยแจกหนังสือให้คนในคุกอ่าน 

“คนในคุกอ่านหนังสือกันเพราะไม่มีอะไรทำ ถ้าคุยกับคนที่อายุใกล้กัน ผมจะชวนคุยเรื่องความฝัน ชวนคุยว่าไปทำอะไรผิดมา ทำไปเพราะอะไร  เป็นเพราะสังคมมีส่วนบีบให้เขาต้องทำด้วยหรือเปล่า ถ้าการเมืองดี ถ้านักการเมืองดี เค้าเห็นว่าชีวิตตัวเองจะเป็นยังไง บางคนติดคุกมา 10 ปี เค้าไม่รู้เรื่องนอกเรือนจำเลย ผมก็อัพเดทให้ฟังว่าตอนนี้สังคมเป็นยังไงบ้าง” 

นั่นคืองานส่วนหนึ่งที่เพนกวินกำลังลงมือทำอยู่ระหว่างถูกคุมขัง

.

.

27 สิงหาคม 2564 

แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาอยู่ในบริเวณเรือนจำคลองเปรม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเยี่ยมบรรดานักกิจกรรมทางการเมืองที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากนักกิจกรรม 8 จาก 12 คน กลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันและเพิกถอนประกันสำหรับบางคนในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

การมาเยี่ยมครั้งนี้ ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับสภาพทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่บรรจุเอาผู้ต้องขังซึ่งติดเชื้อรวมกันกว่า 45 คนในห้องเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครป่วยก่อนป่วยหลัง และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันแปลกใจเมื่อเห็นหน้า “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อยู่ในแดน 10 ของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย 

เด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคย ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว ยื่นหน้ามาทักทายพลางบอกว่าเค้าโดนส่งมายังห้องนี้ตั้งแต่เมื่อวานช่วงสี่โมงเย็น หลังจากผลตรวจเบื้องต้นและผลตรวจเลือด ยืนยันแล้วว่ามีเชื้อโควิด-19 ในร่างกาย 

“ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยพี่ พี่ช่วยบอกทนายให้ช่วยจัดการเอาของๆ ผมมาจากเรือนจำนู่น (ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง) ได้ไหม” 

ไผ่เล่าเพิ่มว่าเค้าป่วย ท้องเสีย เป็นไข้ และปวดหัว ตะโกนเรียกหมออยู่ 4 วันจึงได้ทราบว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19  หลังจากที่หลายคนซึ่งถูกคุมขังอยู่ในห้องเดียวกันตรวจพบเชื้อแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ที่ตรวจพบเชื้อก่อนหน้า ยังคงอยู่รวมกันในห้องขนาดใหญ่ ที่ “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี บอกว่า อยู่รวมกัน 45 คน แต่มีสบู่ให้ใช้ 4 ก้อน 

ฉันพบว่าผู้ป่วยที่เหลือที่มิใช่นักกิจกรรมทางการเมือง กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนแผ่นรองบางๆ ที่จะเรียกว่าฟูกก็ไม่ใช่ จะเป็นเตียงก็ไม่เชิง พร้อมผ้าห่มคนละผืน ทุกคนไม่มีหน้ากากอนามัย ฉันไม่เห็นเจลแฮลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค อาจเป็นเพราะมุมกล้องที่แคบเกินไปและสัญญาณไวไฟที่อ่อนมาก จึงทำให้ภาพค้างและเสียงหายอยู่บ่อยๆ

“พี่ช่วยเอาข้าวมาแจกทุกคนที่นี่ได้ไหม สักมื้อก็ยังดี อยากให้เค้าได้กินอาหารดีๆ บ้าง ไม่งั้นมันจะหายป่วยได้ยังไง” นิว หรือสิริชัย นาถึง ผู้ซึ่งจะได้รับการปล่อยตัวในเย็นวันนี้บอกฉัน ฟ้าตะโกนเสริมขึ้นมาบ้าง “ถึงจะได้กินหลายอย่างที่อยากกิน แต่มันกินไม่อร่อยพี่ ตักเข้าปากแล้ว มีคนไม่ได้กินนั่งมองอยู่ อยากให้เค้าได้กินบ้าง” 

ฉันพยักหน้าในเชิงว่าเข้าใจ  แค่เห็นจากรูปหน้าจอคงไม่มีอะไรที่พวกเขาพูดไปเกินจริง หลังจากนั้น จึงพยายามอ่านข้อความที่เตรียมมาเพื่อให้กำลังใจคนที่อยู่ข้างใน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดถึงคนข้างนอก การไม่ได้ประกันตัวอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้หลายคนจัดการธุระส่วนตัวไม่ทัน เช่น ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่สั่งหนักหนาว่า “ให้แม่ดูแลต้นไม้ให้ดี ซื้อมาแพง”

ฉันผละจากการพูดคุย เพื่อให้ญาติของคนอื่นได้อ่านข้อความ ส่งความรักจากแม่ถึงลูก จากเพื่อนถึงเพื่อน โดยเฉพาะชาวภาคีเซฟบางกลอย ที่แต่งกลอนให้บอย ชาติชาย แกดำ ฟัง บอยตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะยังคงมีอาการป่วยจากเชื้อโรคที่หมอวินิจฉัยว่าลงปอดเรียบร้อยแล้ว และทำให้หลับไม่สบายตลอดคืน “แต่ผมดีขึ้นแล้ว” บอยบอก “วันก่อนแค่หายใจให้สุด ยังรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย”

ด้วยเวลาเยี่ยมที่จำกัดและทั้งหมดอยู่กันหลายคนกว่าที่ฉันคิดไว้ จึงทำให้เราต้องจบบทสนทนากันอย่างรวดเร็วและบอกมือลาไวๆ ให้แซม ซาเมท และคนอื่นๆ

วันเวลายังคงหมุนไป สองวันที่ไม่ได้เจอกันและอีกหนึ่งคืนที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราชทัณฑ์แห่งนี้ คงยาวนานสำหรับพวกเขา น้องที่มาด้วยเล่าว่า เห็นรถพยาบาลขับเข้ามาตลอดเวลา นั่นเป็นสัญญาณว่า ภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำยังไม่ลดลง แม้จะเข้าสู่ปีที่สองของการจัดการแล้วก็ตาม

ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดเลยที่พวกเขา-ขณะที่อยู่นอกห้องขัง พูดไว้แล้วผิด การจัดการโควิด-19 ต่างหากเป็นเรื่องเร่งด่วน หาใช่การจัดการปิดปากผู้คนที่พูดถึงปัญหาไม่ ฉันได้แต่ขอให้พวกเขาหายป่วยไวๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยารักษาความป่วยไข้ของพวกเขาคงไม่ใช่แค่ฟาวิพิราเวียร์อย่างใด แต่คงเป็นประชาธิปไตยนั่นแหละ

.

X