บันทึกเยี่ยมไมค์ บอย และนัท: ความเสี่ยงภัยโควิดและความคับแค้นของสามนักกิจกรรม

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2564

ปกติบ่ายวันศุกร์ของคนทำงาน เป็นช่วงเวลาที่เราชอบที่สุด ด้วยเพราะเป็นบรรยากาศที่รู้สึกผ่อนคลายจากการทำงาน ใกล้จะถึงวันหยุดสักที หลังผ่านการงานมาทั้งสัปดาห์ เป็นช่วงที่ทุกคนได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ พร้อมเตรียมจิบเบาๆ กันแล้ว แต่ช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 20 ส.ค. 64 ความรู้สึกของเรากลับแตกต่างออกไป ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด เรายืนมองผ่านประตูสีแดงกำแพงสูงที่กั้นระหว่างอิสรภาพกับเพื่อนของเราเอาไว้ เราคิดว่าเพื่อนของเราที่อยู่ข้างในก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน 

วันนี้เรามาในฐานะทนายความที่ประสงค์จะเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง เพื่อปรึกษาแนวทางในการสู้คดีเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ก่อนหน้านี้เราเคยไปเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมืองมาหลายที่ แต่ครั้งนี้ลำบากกว่าเดิมมาก ทั้งในแง่กระบวนการที่มีมาตรการต่างๆ เพิ่มเข้ามาจากสถานการณ์โควิดในเรือนจำ เรือนจำชั่วคราวรังสิตที่เรามาวันนี้ เป็นเรือนจำที่เพิ่งเปิดใช้สำหรับการกักตัวผู้ต้องขังชั่วคราว 21 วัน ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำต่างๆ ที่มีอำนาจควบคุมต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความพร้อมในการจัดสรรสถานที่สำหรับการเยี่ยมผู้ต้องขัง สิ่งที่เจ้าหน้าที่ที่เรือนจำชั่วคราวรังสิตพยายามเตรียมให้เราเท่าที่ทำได้มีเพียงโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องกับหาปลั๊กไฟมาต่อให้เรา เพื่อให้สามารถพูดคุยกับผู้ต้องขังผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้  (อันนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่นั่นมาก เพราะเขาก็อำนวยความสะดวกให้เราได้เต็มที่เท่านี้จริงๆ) 

“เป็นไงบ้างพี่ เหนื่อยมั้ย คนข้างนอกเป็นไงบ้าง”

ประโยคทักทายจาก ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยพวกเรา ทั้งที่ตัวเขายังอยู่ข้างใน หลังจากที่เพนกวิน, นิว, ฟ้า และแซม ต้องติดโควิดในเรือนจำแห่งนี้ และถูกย้ายไปรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็เลยเหลือแค่ ไมค์, บอย-ชาติชาย และ นัท-ณัฐชนน ที่ยังไม่ติดโควิดและยังถูกคุมขังอยู่ที่นี่  สภาพไมค์ดูเหนื่อยล้าอิดโรยต่างจากวันที่เจอกันช่วงแรกๆ แน่นอนล่ะ ความเป็นอยู่ข้างในคงไม่ดีนัก แต่แววตาของไมค์ยังคงแน่วแน่ที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เขากำลังเผชิญกับมันอยู่

บทสนทนาระหว่างเรากับไมค์ในวันนี้ เราอัพเดตสถานการณ์ข้างนอกให้ไมค์ฟังว่าช่วงนี้มีม็อบทุกวัน และก็โดนสลายอย่างรุนแรงทุกวัน ไมค์จึงเป็นห่วงคนที่กำลังต่อสู้อยู่ข้างนอก และเพื่อนที่กำลังรักษาตัวจากโควิด พร้อมทั้งฝากกำลังใจให้ทุกคนตามสไตล์ของไมค์ที่มักเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น นึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นนิสัยที่เราพบเห็นจากไมค์มาโดยตลอดตั้งแต่รู้จักกันแรกๆ จนถึงตอนนี้ และที่สำคัญไมค์เป็นห่วงแม่มาก ฝากให้แม่ดูแลตัวเองดีๆ ถึงแม่ไมค์จะเป็นหญิงเหล็กแห่งเมืองระยอง แต่ไมค์ก็อดคิดถึงและเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี 

ส่วนพี่บอย-ชาติชาย แกดำ ผู้เป็นนักเคลื่อนไหวขวัญใจพี่น้องชาวชาติพันธุ์และเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองฝีปากกล้า ในสายตาเราพี่บอยเป็นคนที่เอนเนอร์จี้เยอะ พลังงานล้นเหลือ สามารถทำกิจกรรมและพูดปราศรัยได้เป็นชั่วโมงๆ  แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเห็นสภาพพี่บอยดูเหนื่อยล้า พูดน้อยลง ไม่ค่อยดูสดใสเท่าไหร่ จากการสอบถามอาการก็ได้ความจากพี่บอยว่า มีอาการเหนื่อย ไอแห้งเป็นระยะๆ มีความกังวลต่อโรคโควิดที่ระบาดในเรือนจำ แต่ผลตรวจ ณ ตอนนี้ยังมีผลเป็นลบอยู่ พี่บอยกังวลว่าถ้าต้องอยู่ในนี้ต่อไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้จะเป็นยังไง

ก่อนการพูดคุยจะจบลง เราจึงได้บอกพี่บอยไปว่า มีเพื่อนๆ ข้างนอกและพี่น้องชาติพันธุ์ส่งกำลังใจให้แก บางคนถึงกับออกปากว่าขอติดคุกแทนพี่บอยได้มั้ย พี่บอยได้ยินเท่านั้นแหละ แกดีใจมากและรับรู้ถึงความเป็นห่วงที่ทุกคนมีให้ พี่บอยจึงฝากกำลังใจให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องดีๆ ที่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นรอยยิ้มพี่บอยในวันนี้

มาถึงคนสุดท้าย คือ นัท-ณัฐชนน ไพโรจน์ นักกิจกรรมจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัททักทายเราด้วยบุคลิกห้าวหาญเช่นเดิมตามแบบฉบับของเขา เราเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นข้างนอกให้นัทฟัง นัทรู้สึกดีใจที่ยังคงเห็นทุกคนยืนหยัดต่อสู้อยู่ข้างนอก แต่โกรธที่ได้ยินว่ามีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ชุมนุม นัทฝากความคิดถึงและให้กำลังใจทุกคนที่ออกมาแสดงพลังเพราะอยากเห็นประเทศของเราดีขึ้น เราฟังน้ำเสียงของนัทเราก็รับรู้ได้ถึงความแน่วแน่ที่ยังคงยึดมั่นศรัทธาต่ออุดมการณ์และเพื่อนร่วมขบวน

หลังจากที่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของทั้ง 3 คนครบแล้ว ก็มาถึงช่วงที่เราพูดคุยพร้อมกันทั้ง 3 คนสำหรับประเด็นสำคัญในเรื่องกฎหมาย ทั้ง 3 คนเล่าให้ฟังว่า วันนี้มีการยื่นขอฝากขังผัด 2 และทั้ง 3 คนได้คัดค้านการฝากขัง พร้อมกับให้เหตุผลไปในหลายประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการระบาดอย่างหนักของโควิดในเรือนจำชั่วคราวรังสิต ซึ่งไม่เป็นไปตามคำกล่าวอ้างของพนักงานสอบสวนที่บอกว่าเรือนจำปลอดภัยจากโควิด  แต่ทว่าก็ไม่เป็นผล ศาลจังหวัดธัญบุรียังรับฝากขังผัดที่ 2 โดยให้เหตุผลว่าพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ เหลือพยานที่ยังไม่สอบปากคำอีก 8 ปาก

ทั้ง 3 คนเห็นว่าพยานที่เหลือนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเกือบทั้งหมด ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาที่อยู่ในเรือนจำเลย พวกเขาไม่ได้มีอำนาจหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ยิ่งเป็นเรื่องพฤติการณ์ที่จะหลบหนียิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะพวกเขาทั้งหมดเดินเข้ามามอบตัวขนาดนี้ เจตนาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ได้หลบหนีอย่างแน่นอน ทั้ง 3 คนจึงรู้สึกแย่กับคำสั่งของศาลที่ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นความตายของพวกเขาเลย ฟังจากน้ำเสียงเรารับรู้ได้ถึงความคับแค้นใจต่อความอยุติธรรมที่พวกเขากำลังได้รับอยู่

เราเดินออกจากเรือนจำด้วยความรู้สึกอึดอัดและคับแค้นใจไม่ต่างกัน นี่เป็นเพียงคดีจากการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อนๆ ใน ตชด. แต่รัฐกระทำกับประชาชนได้ขนาดนี้เชียวหรือ    พลางสงสัยไปว่าหรือเพราะพวกเขาเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารอันล้มเหลวของรัฐ และเสียงเรียกร้องถึงการการปฏิรูป เลยต้องยัดพวกเขาเข้าไปในที่ๆ ทำให้ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เช่นเดิมอีก  

.

20 สิงหาคม 2564

เรือนจำชั่วคราวรังสิต

.

X