ตร.แจ้ง 3 ข้อหา “ธนพร-ภัสราวลี” 2 นักกิจกรรม เหตุร่วมคาร์ม็อบสระบุรีไล่ประยุทธ์

วานนี้ (26 ส.ค. 64) เวลา 13.35 น. ที่ สภ.เมืองสระบุรี ธนพร วิจันทร์ อายุ  50 ปี นักกิจกรรมด้านแรงงาน และภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “มายด์” อายุ 25 ปี นักกิจกรรมกลุ่มราษฎร พร้อมทนายความเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ 

คดีนี้สืบเนื่องมาจากการเข้าร่วมในกิจกรรมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ซึ่งราษฎรสระบุรีได้นัดรวมพลที่ใต้สะพานข้ามแยกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี เวลา 15.00 น. เพื่อร่วมชุมนุม #ม็อบ1สิงหา หรือ #Carmob จุดประสงค์คือเพื่อเรียกร้องและต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล รวมทั้งการจัดสรรวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังกิจกรรม พ.ต.ต.ยศธเดช สุขเทียบ ได้แจ้งความกล่าวหาทั้งสองคน

.

แจ้ง 3 ข้อหา เหตุร่วมคาร์ม็อบปราศรัยขับไล่ประยุทธ์-ทวงวัคซีน

พ.ต.ท.เด่น ศรีบรรเทา และ พ.ต.ท.ชูเชิด อนันต์สลุง สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองสระบุรี เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาและพฤติการณ์คดีให้ธนพรและภัสราวลีทราบ โดยสรุปดังนี้ 

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ระหว่างเวลา 15.00-18.40 น. แกนนําเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สระบุรีไม่เอาเผด็จการ” ได้มีการจัดกิจกรรมชุมนุมชื่อกิจกรรม Car Mob จุดนัดพบใต้สะพานข้ามแยกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี เพื่อเรียกร้องและต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล รวมทั้งการจัดสรรวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เคลื่อนขบวนไปยังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เวลาประมาณ 16.00 น. โดยมีประชาชนมาร่วมกิจกรรมจํานวน 150 คน ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะประมาณ 60 คัน อยู่ในแนวส่วนล่วงหน้า และจัดให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ประมาณ 80 คัน ขับขี่ตามหลังอยู่ภายในขบวนกลุ่มดังกล่าว 

ธนพรซึ่งเป็นแกนนํากลุ่มผู้ใช้แรงงานจังหวัดสระบุรีได้ทําหน้าที่เป็นผู้ปราศรัยบนรถกระบะติดตั้งเครื่องเสียง พูดปราศรัยแสดงความคิดเห็นตามเส้นทางมาโดยตลอดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งมีเนื้อหาสาระพูดในเชิงขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้พ้นจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรี และการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องนโยบายของจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพต่ำมาให้กับประชาชน และการแพร่ระบาดของโควิด-19 

ต่อมาเวลาประมาณ 17.10 น. ภัสราวลีได้เดินทางมาถึงที่ชุมนุมบริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี และขึ้นปราศรัยโจมตีการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี บริหารจัดการปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลในปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเรื่องการบริหารจัดหาวัคซีน ก่อนได้ประกาศยุติการชุมนุมเมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. 

เจ้าหน้าที่ตํารวจได้แจ้ง 3 ข้อหาแก่ผู้ต้องหา ได้แก่

  1. ร่วมกันชุมนุมทํากิจกรรม หรือการมั่วสุม ณ ที่ใด ในสถานที่แออัดหรือการกระทําการดังกล่าว อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่เรียบร้อย อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9(2) 
  1. ร่วมกันฝ่าฝืนฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34(6) ประกอบคำสั่งจังหวัดสระบุรี ที่ 2138/2564 ลงวันที่ 12 ก.ค. 2564
  1. ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

ภายหลังจากที่รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ธนพรและภัสราวลีให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 14 ก.ย. 64 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ลงลายมือชื่อในบันทึกรับทราบข้อกล่าวหาและบันทึกประจำวัน พนักงานสอบสวนนัดส่งตัวอัยการในวันที่ 15 ก.ย. 64

กิจกรรม Car Mob สระบุรี เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 นั้น จัดขึ้นพร้อมอีกกว่า 30 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายใต้สโลแกน “1 สิงหา คาร์ม็อบทั่วไทย ขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นอกจากนี้ ในจังหวัดต่างๆ ยังจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าว อีกหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด

อย่างไรก็ตาม แม้ประชาชนหลายกลุ่มจะพยายามหาวิธีการแสดงออกทางการเมืองโดยคำนึงถึงสถานการณ์ของโควิด แต่เจ้าหน้าที่ยังคงใช้ข้อกล่าวหา จัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาปิดกั้นการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล โดยจากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจนถึงวันที่ 27 ส.ค. 64 มีการดำเนินคดีจากกิจกรรมคาร์ม็อบไม่น้อยกว่า 50 คดีแล้ว ในจังหวัดต่างๆ แทบทุกภาค

X