เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่า “แป้ง” ภัชราภรณ์ วัย 23 ปี อดีตสมาชิกกลุ่ม We Volunteer และผู้ต้องหา “อั้งยี่-ซ่องโจร” ในคดี #ม็อบ7สิงหา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินทางไปพบยายของตนที่บ้านในจังหวัดนนทบุรีเพื่อข่มขู่ไม่ให้ภัชราภรณ์เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองถึง 2 ครั้งภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 15.00 น. ที่บ้านของภัชราภรณ์ในจ.นนทบุรี ซึ่งมีคุณยายและคุณตาอาศัยอยู่ ได้มีชาวบ้านมาตะโกนเรียกยายของภัชราภรณ์ว่ามีตำรวจมาตามหา พบเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย การมาถึงไม่มีการแนะนำตัวหรือแสดงบัตรประจำตัวใดๆ โดยได้บอกว่ามาจากสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศน์ และได้ถามหาภัชราภรณ์ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งขณะนั้นเธอไม่ได้บ้านที่นนทบุรี เพราะกำลังเรียนอยู่ระดับชั้นมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
เมื่อไม่พบตัวภัชราภรณ์ เจ้าหน้าที่ได้พูดจาเชิงข่มขู่กับยายในทำนองว่า “ห้ามให้หลานไปเข้าร่วมการชุมนุมอีกเด็ดขาด เพราะมันผิดกฎหมาย” และพูดตัดพ้ออีกว่า “ไม่ได้อยากทำอย่างนี้หรอก แต่นายสั่งให้มาทำ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของยาย และถ่ายภาพยายของภัชราภรณ์ไปด้วย คุณยายเล่าว่า “ไม่มีความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายและไม่เคยเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงยินยอมทำตามที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองร้องขอไป” ตำรวจยังได้สอบถามที่อยู่ปัจจุบันของภัชราภรณ์กับยายอีกด้วยว่า “หลานอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ จะกลับบ้านมาเมื่อไหร่” ด้านคุณยายตอบกลับไปแต่เพียงว่า “เรียนอยู่กรุงเทพ” โดยไม่ได้ระบุถึงรายละเอียด ไม่นานตำรวจทั้งสองนายก็เดินทางกลับไป
ต่อมา วันที่ 21 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินทางมาที่บ้านของภัชราภรณ์ใน จ.นนทบุรี อีกครั้ง โดยครั้งนี้ตำรวจมาด้วยกันทั้งหมด 3 นาย โดยเป็นคนละชุดกับเจ้าหน้าที่ที่มาหาในครั้งแรกและ ไม่ได้แนะนำตัวหรือแสดงบัตรประจำตัวแต่อย่างใด จากนั้นและได้พูดคุยกับคุณยายของภัชราภรณ์ในลักษณะเดิม คือ พยายามพูดจาข่มขู่ว่า “ห้ามให้ภัชราภรณ์ไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมอีกเด็ดขาด” พร้อมกับพยายามร้องขอช่องทางการติดต่อภัชราภรณ์กับยายอีกเป็นหนที่สอง อาทิ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ เป็นต้น ด้านยายปฎิเสธการให้ข้อมูลทุกอย่าง โดยอ้างว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับภัชราภรณ์ผู้เป็นหลานของตนเองอีกแล้ว
นอกจากนี้ตำรวจยังได้พยายามขอดูโทรศัพท์มือถือของยาย แต่ยายพยายามให้ตำรวจทั้งสามถอยร่นออกไปพูดคุยกันนอกตัวบ้าน และปฏิเสธที่จะให้ตำรวจดูโทรศัพท์มือถือ
บ้านของภัชราภรณ์ที่จ.นนทบุรี มีเพียงคุณยายวัย 57 ปี อยู่อาศัยกับคุณตาวัย 64 ปี ด้านคุณยายของภัชราภรณ์มีความกังวลว่า จะมีบุคคลที่ระบุตัวไม่ได้เดินทางไปคุกคามและอาจสร้างอันตรายแก่ทั้งสองอีกในอนาคต
“ ในครั้งแรกนั้นคุณยายก็รู้สึกกังวลมากแล้ว แต่ยังมีเหตุการณ์ครั้งที่สองอีก การเดินทางไปที่บ้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกันเพียงไม่นาน สร้างความตกใจและความกังวลให้ทั้งสองอย่างมาก”
อีกทั้งคุณยายยังแสดงความห่วงต่อภัชราภรณ์ว่า เมื่อตำรวจมาตามตัวที่บ้านไม่เจอก็มีโอกาสสูงว่าตำรวจอาจจะพยายามไปตามหาตัวภัชราภรณ์ที่หอพักในกรุงเทพฯ และกังวลว่าหลานของตนเองอาจจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายอีกเป็นครั้งที่สองด้วย
ด้านภัชราภรณ์เล่าว่า รู้สึกหวาดระแวงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาที่อยู่ปัจจุบันพบและอาจเกิดอันตรายแก่ตนเอง และกังวลอีกว่า บุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจที่เดินทางไปพบยายที่บ้าน แท้จริงแล้วใช่ตำรวจจริงหรือไม่ เพราะการมาถึงแต่ละครั้งไม่เคยมีการแสดงตัวให้ทราบเลย จึงไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลกลุ่มอื่นกันแน่ พร้อมร้องขอว่า “หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและบริสุทธิ์ใจควรแสดงตัวกับประชาชน”
เธอยังกล่าวอีกว่า เมื่อครั้งที่ถูกควบคุมตัวไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จากเหตุ #ม็อบ7สิงหา และถูกตำรวจยึดโทรศัพท์มือถือไป ต่อมาเมื่อเธอได้รับประกันตัวจากศาลและกลับมายังที่พัก เธอพยายามใช้อุปกรณ์สื่อสารอีกเครื่องหนึ่งเข้าระบบบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่พบว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เนื่องจากมีผู้เปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน ภายหลังเมื่อกู้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวกลับคืนมาได้ เธอพบอีกว่ากำลังมีผู้ล็อกอินใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กของเธอ โดยขึ้นแสดงตำแหน่งเป็นบช.น.
หลังถูกจับกุมในการชุมนุม #ม็อบ7สิงหา เธอเผย ว่าเข้าร่วมการชุมนุมน้อยลง เพราะกลัวถูกถอนประกันในคดี #ม็อบ7สิงหา และอีกเหตุผลก็คือกังวลว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปพบยายที่บ้าน จ.นนทบุรีอีก
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
จับกุมอย่างน้อย 18 ราย! ก่อนและหลัง #ม็อบ7สิงหา คุมตัว ตชด.ภาค 1 ก่อนส่งศาลฝากขัง จันทร์นี้