นักเรียน ม.3 ที่สุรินทร์ ถูก ผอ.เรียกพบ เตือนหากไม่หยุดแชร์ข่าวการเมืองและเรื่องสถาบันกษัตริย์ จะโดนคดี 112

แพท (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ให้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ขณะเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน เวลา 10.00 น. ครูประจำชั้นโทรมาตามให้ไปที่โรงเรียน โดยแจ้งว่า ผอ. (ผู้อำนวยการโรงเรียน) ต้องการพบตัวแพทและผู้ปกครอง แต่ไม่ได้บอกว่าต้องการพบด้วยสาเหตุใด เมื่อแพทกับพ่อไปถึงโรงเรียน จึงเห็นว่าที่ห้อง ผอ.มีครูอีก 2 คน กำลังประชุมอยู่

ผอ.เริ่มต้นการพูดคุยโดยกล่าวกับแพทว่า รู้หรือไม่ว่าแชร์อะไรไปในโซเชียลบ้าง มันเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ที่อาจทำให้โดนข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดย ผอ.ไม่ได้ระบุว่า เป็นโพสต์ไหน หรือแชร์มาจากเพจไหน

ก่อนจะตักเตือนแพทว่า ให้หยุดการแชร์ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและสถาบันกษัตริย์ ครั้งนี้เป็นการตักเตือน เนื่องจากมีตำรวจแจ้งมาว่ากำลังติดตามและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของแพทอยู่ และฝากให้ทางโรงเรียนตักเตือนแพทก่อน แต่หากยังมีการแชร์อีก แพทอาจจะถูกดำเนินคดีได้ ผอ.กล่าวด้วยว่าหากแพทเลิกติดตามเพจการเมืองที่ติดตามอยู่ ความคิดและทัศนคติของแพทจะดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้  ผอ.ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า ตำรวจที่แจ้งเรื่องแพทนั้นเป็นตำรวจหน่วยไหน

การพูดคุยที่ส่วนใหญ่เป็น ผอ. ที่เป็นฝ่ายพูด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ระหว่างนั้นมีครูหนึ่งในสองคนคอยจดข้อความที่แพทพูดตอบโต้ ผอ.ด้วย ซึ่งแพทยอมรับว่าเคยแชร์โพสต์เกี่ยวกับการเมืองบ้าง แต่ทุกครั้งก็มีการกรองข่าวตลอด และเธอก็เชื่อว่าเด็กอายุ 15 ปี ก็มีวิจารณญาณพอในการรู้เท่าทันสื่อโซเชียลมีเดีย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยแชร์โพสต์ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์โดยตรง มีเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและระบบการศึกษา อย่างไรก็ตาม ที่ ผอ.อยากให้เธองดแชร์โพสต์การเมือง แพทก็ตกลงว่าจะทำตาม โดยที่ ผอ.ไม่ได้ให้แพทลงลายมือชื่อหรือทำข้อตกลงไว้แต่อย่างใด

สำหรับแพทปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้สังกัดกลุ่มกิจกรรมใด ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมหรือกิจกรรมทางการเมืองมาก่อน เนื่องจากทางบ้านไม่อนุญาตให้ไป ปกติติดตามข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น สำนักข่าวประชาไท และเฟซบุ๊กเพจเยาวชนปลดแอก 

ด้านพ่อของแพท ตั้งแต่ได้ยิน ผอ.โรงเรียนพูดตักเตือน ก็กลัวว่าแพทจะถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จึงไม่สนับสนุนให้แพทแชร์เรื่องการเมืองในเฟซบุ๊ก และอยากให้แพทเลิกใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงนี้ไปก่อน

แพทกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการถูกเรียกไปพบที่ห้อง ผอ. ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเธอ เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แค่มีความคิดที่แตกต่างจากรัฐ ส่วนเพื่อนในห้องเรียนก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับสิ่งที่แพทแชร์ และการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกทั้งที่โรงเรียนและในโลกออนไลน์ เนื่องจากกังวลว่าอาจถูกผู้ใหญ่สั่งห้ามแบบที่แพทเจอ 

แพทเสริมอีกว่าโรงเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงความคิดเห็น มากกว่าเป็นสถานที่อบรมให้คนเชื่อในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกเพียงอย่างเดียว และหากการแชร์ข่าวการเมืองเป็นสิ่งที่ผิด ครูควรจะบอกให้ได้ว่าเนื้อหาส่วนไหนที่ผิด ไม่ใช่เพียงบอกว่าห้ามทำอีก โดยไม่บอกรายละเอียดอะไรเลย

X