“[ตำรวจควบคุมฝูงชน] ไม่ได้ถามผมเลย เขาเข้ามากระชากผมเลย ขณะที่ผมพูดว่า ‘ผมไม่ได้มาชุมนุมอะไรเลย ผมมาส่งผู้โดยสาร’ เขาก็ไม่ฟัง เขาลากผมไปอีกที่นึงเพื่อรุมกระทืบ”
“เข้ม” (นามสมมติ) ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างวัย 33 ปี เผยด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะเล่าย้อนถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมในคืนวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา
ในวันนั้นเอง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้จัดกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เพื่อกดดันให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หลังจากขบวนรถเคลื่อนผ่านอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์, บ้านพัก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ย่านพระราม 9 และอาคารคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ กลุ่มนักกิจกรรมได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 17.05 น. อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามีมวลชนบางส่วนตกค้างอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าไปในพื้นที่นั้น ตั้งแต่ 17.00 น. โดยประมาณ
สำหรับการสลายการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา คณาจารย์นิติศาสตร์และเครือข่ายนักกฎหมายชี้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐจัดการกับผู้ชุมนุมโดยอาศัยกำลังและความรุนแรง เช่น การยิงเจาะจงตัวบุคคล และการยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในพื้นที่ของชุมชน โดยไม่ใส่ใจต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้คน นอกจากนี้ยังพบเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ร่วมกันทุบตีคนที่ผ่านไปมาและทุบรถที่จอดอยู่ การกระทำดังกล่าวละเมิดหลักการในการสลายการชุมนุม ทั้งยังแสดงให้เห็นถึง “ความตั้งใจที่จะสร้างความรุนแรงโดยฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ”
ในคืนวันที่ 10 สิงหาคม เข้มรับส่งผู้โดยสารตามปรกติ ตลอดทั้งวันเขาไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบเลย เข้มจึงไม่คาดคิดว่าตนจะได้เผชิญหน้ากับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน และถูกทำร้ายร่างกายจนต้องไปห้องฉุกเฉิน ในขณะที่จักรยานยนต์คู่ใจถูกยิงด้วยกระสุนยางจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. มีผู้โดยสารจ้างวานเข้มให้ไปส่งที่ตลาดในย่านดินแดง ในขณะที่เขากำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ได้มีประชาชนในละแวกนั้นเตือนให้คนสัญจรไปมาให้ใช้เส้นทางอื่น เขาจึงขับเข้าไปในซอยโรงเรียนราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนและอาคารพาณิชย์ต่างๆ
ณ เวลานั้นเอง ร้านค้าต่างๆ ในละแวกนั้นยังคงเปิดอยู่ และประชาชนบางส่วนกำลังเดินทางกลับบ้านเช่นกัน
ในขณะที่เข้มขับรถเข้ามาในซอย ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 20 คนได้เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน เมื่อเห็นเข้มเดินทางเข้ามา เจ้าหน้าที่ได้ยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตามาที่เขา จนกระทั่งรถของเขาเสียหลักล้ม
เข้มพยายามเข้าไปหลบในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง แต่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวนประมาณ 10 นายได้ติดตามเขาไปถึงข้างร้าน และกระชากตัวเขาออกไปรุมทำร้ายด้านนอก ในขณะที่ประชาชนคนอื่นๆ คอยตะโกนว่า “อย่าทำเค้า อย่าทำเค้า” เพื่อให้เจ้าหน้าที่หยุดทำร้ายเขา
เข้มเล่าว่าตำรวจตะคอกใส่เขาเป็นทำนองว่า “มึงมานี่เลย มึงออกมา” แม้เขาจะใส่เสื้อวินของคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างอย่างชัดเจน และอธิบายกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชุมนุม เขาเพียงแต่เข้ามาส่งผู้โดยสารเท่านั้น ในขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวว่า “มัน [ตำรวจควบคุมฝูงชน] ไม่สนใจเลยว่าใครเป็นใคร”
“เขาน่าจะแจ้งก่อนนะครับว่าจะมีการยิงอะไรเข้ามาแบบนี้ เขาไม่มีการบอกอะไรสักคำเลย อยู่ๆ เขาก็ยิงเข้ามาเลย” เข้มกล่าว
เข้มระบุว่าตำรวจชุดควบคุมฝูงชนร่วมกันทำร้ายเขาเป็นเวลาเกือบ 10 นาที ก่อนจะออกไปจากพื้นที่ หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงสิ้นสุดลง ผู้คนในชุมชนช่วยกันชำระคราบแก๊สน้ำตาออกจากตัวของเขา
ต่อมาไม่นาน เจ้าหน้าที่ได้กลับเข้ามาในซอยโรงเรียนราชประสงค์อีกครั้ง พร้อมกับยิงแก๊สน้ำตาโดยไม่มีการประกาศให้ประชาชนหลบเข้าอาคารก่อน เข้มและคนอื่นๆ จึงเข้าไปหลบในร้านขายของชำ ในระหว่างนั้นเอง เขาและคนอื่นๆ ผลัดกันใช้น้ำเกลือล้างใบหน้าของตัวเอง มีคนพยายามเอาพัดลมไล่ควันให้ออกไปข้างนอก อย่างไรก็ตาม ละอองของแก๊สน้ำตาทำให้ประชาชนในร้านไออย่างรุนแรง เข้มกล่าวว่า ณ ขณะนั้น ตนรู้สึกเหมือนใกล้จะตายแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามาในซอยโรงเรียนราชประสงค์ ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามาในซอยทั้งหมด 3 รอบ แต่เจ้าหน้าที่ประกาศให้ทราบล่วงหน้าว่าจะยิงแก๊สน้ำตาและให้ประชาชนหลบเข้าอาคารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในครั้งอื่นๆ เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามากลางถนนทันที ในขณะที่มีประชาชนยังคงยืนอยู่ภายนอกอาคาร
ต่อมาเข้มเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขามีอาการบาดเจ็บที่กระดูกซี่โครงขวา คาดว่าเป็นภาวะกระดูกชายโครงอักเสบ นอกเหนือไปจากนั้น เข้มยังพบแผลถลอกที่บริเวณอื่นๆ อาทิ ข้อเท้า, เข่า, มือ และตามลำตัว เขายังมีอาการปวดหน้าอกรุนแรง จนไม่อาจเดินทางไปไหนได้สะดวกนับตั้งแต่คืนวันที่ 10 สิงหาคม จนจวนครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ในด้านของผลกระทบต่อทรัพย์สิน ส่วนชุดสีของรถจักรยานยนต์และกระจกรถของเข้มแตก เนื่องจากตำรวจควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางมาที่ตัวรถ เขากล่าวว่าตนไม่มีทุนทรัพย์สำหรับซ่อมแซมอุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของตัวเองตอนนี้ และเมื่อไม่มีพาหนะขับขี่ เข้มจึงไม่อาจกลับไปประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้จนถึงตอนนี้
“อยากจะฝากเจ้าหน้าที่นะครับว่า ช่วยเตือนหรือว่าแจ้งอะไรก่อน ให้ประชาชนที่เขาไม่ได้ร่วมชุมนุมรับรู้ก่อน การที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องมาบาดเจ็บจากเจ้าหน้าที่มันไม่สมควรครับ” เข้มระบายความในใจในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ “ผมไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ มันจุกไปหมด”