ตร.สภ.เมืองลำพูนแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ใช้เครื่องเสียงกับ 2 ผู้ชุมนุม “หละปูนคาร์ม็อบ” แม้ไม่ใช่ผู้จัด

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน นายหาญศักดิ์ เบญจศรีทักษ์ หรือพิชิต ตามูล อดีตแกนนำ นปช. แดงเชียงใหม่ และนายชยันต์ ใจมุข ประชาชนในชาวลำพูน ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุจากเข้าร่วมชุมนุมและปราศรัยใน #หละปูนคาร์ม็อบ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออกและเรียกร้องให้มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ดี บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงสะพานท่าขาม จังหวัดลำพูน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ทั้งสองคนได้รับหมายเรียก ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2564 โดยระบุว่าคดีมี พ.ต.ท.สุทัศน์ ทาระนัด รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองลำพูน​ เป็นผู้กล่าวหา และให้ทั้งสองคนไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ทั้งสองคนพร้อมทนายความจึงได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา

เวลา 10.30 น. ได้มีมวลชนประมาณ 10 คน เดินทางมาให้กำลังใจบริเวณหน้า สภ.เมืองลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าให้ระวังว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และยังมีการติดป้ายไวนิลที่หน้าสถานี ทั้งคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูนที่ 83/2564 ในข้อ 2 เรื่องการห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มจำนวนมากกว่า 20 คนขึ้นไป และป้ายที่ระบุข้อความเฉพาะเจาะจงว่า “พี่น้อง…เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด Covid-19 ผู้ที่มาให้กำลังใจอ้ายชยันต์ กรุณารอด้านนอกเน้อครับ…เน้อ”

ภาพประกอบ ป้ายบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน
วันที่ 6 สิงหาคม 2564

ขณะเดียวกัน โดยรอบสภ.เมืองลำพูน พบว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ยืนกระจายรอบสถานีประมาณ 30 นายด้วย

ภาพเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบริเวณ สภ.เมืองลำพูน

เวลาประมาณ 10.40 น. ทั้งสองคน พร้อมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.นภัทร อุตรพงศ์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองลำพูน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3-4 นาย ดำเนินกระบวนการภายในห้องสอบสวน ก่อนรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาและทนายความได้พยายามพูดคุยและอธิบายกับตำรวจว่าทั้งสองไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุม จึงไม่น่าจะเข้าองค์ประกอบในข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีโทษจำคุกถึง 2 ปี โดยใช้เวลาพูดคุยกันราวหนึ่งชั่วโมง ตำรวจยังยืนยันต้องแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

จากนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสอง ว่าได้ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ข้อ 4 (2) ห้ามการจัดกิจกรรม ซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลทีมีจำนวนมากกว่า 100 คน และฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ฉบับที่ 76/2564 จัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่า 100 คน โดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

พฤติการณ์โดยสรุประบุว่าในกิจกรรม “หละปูนคาร์ม็อบ” ในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 โดยมีการรวมตัวที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านธิ ในเวลาประมาณ 14.30 น. และมีผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นแกนนำ ก่อนได้เคลื่อนขบวนไปรวมตัวกันที่สถานีรถไฟลำพูน ในเวลาประมาณ 16.00 น. ต่อเนื่องไปถึงบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงสะพานท่าขาม โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นรถจักรยานยนต์ประมาณ 300 คัน รถยนต์ประมาณ 150 คัน และมีกลุ่มผู้เข้าร่วมประมาณ 600 คน ผู้ต้องหาทั้งสองได้ขึ้นรถบรรทุกเครื่องเสียง พูดโจมตีการทำงานของรัฐบาล จนการชุมนุมสิ้นสุดในเวลา 18.52 น.

ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะให้พิมพ์ลายนิ้วมือและลงบันทึกประจำวันไว้ และปล่อยตัวทั้งสองคน โดยไม่ได้ควบคุมตัวไว้

สำหรับกิจกรรม #หละปูนคาร์ม็อบ จัดขึ้นโดยกลุ่มลำพูนปลดแอก ร่วมกับพรรควิฬาร์ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออกและเรียกร้องให้มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ดี

ผู้ต้องหาทั้งสองคนระบุว่าเพียงแค่เห็นโพสต์เชิญชวนในสื่อโซเชียล จึงสนใจมาเข้าร่วมชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมแต่อย่างใด โดยหาญศักดิ์ หรือ “ดาบชิต” ระบุว่าตนมาเข้าร่วมคาร์ม็อบด้วยเจตนาที่ดี คล้ายเป็นทูตเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชน ก่อนกิจกรรม ได้พยายามเข้าพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้กำกับ สภ.เมืองลำพูน เพื่อให้การจัดชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย จึงแปลกใจอย่างมากที่ตำรวจกลับมาแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

นอกจากนี้ ดาบชิตยังทราบว่าตนเองมีหมายเรียกในอีกคดีหนึ่ง ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เหตุจากการเข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ #ด่วนนครพิงค์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกำหนดจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกับผู้ต้องหาอีก 4 คน ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น.

.

X