คดีวางเพลิงรูป ร.10 หน้าเรือนจำ ศาลให้ส่ง “ธนพัฒน์” ตรวจสภาพร่างกายจิตใจ ส่วน “แอมมี่” นัดสืบพยาน มี.ค. ปีหน้า


28 มิ.ย. 2564 ศาลอาญา รัชดา นัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ The Bottom Blues” และ ธนพัฒน์ (สงวนนามสกุล) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย วัย 18 ปี และถูกสั่งฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” และมาตรา 217 “วางเพลิงเผาทรัพย์” เหตุวางเพลิงเผารูปกษัตริย์รัชกาลที่ 10 บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ. 2564 ในส่วนไชยอมรยังถูกกล่าวหาในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ภาพและข้อความอีกด้วย

สำหรับในคดีของ “แอมมี่” ถูกอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2564 ในวันนี้ถูกนัดพิจารณาในห้องพิจารณาที่ 716  ขณะที่คดีของ “ธนพัฒน์” ซึ่งถูกยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2564 ถูกแยกพิจารณาในห้องพิจารณาที่ 903 

บริเวณทางเข้าศาลอาญา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล ตั้งโต๊ะตรวจบัตรประชาชนและจดรายละเอียดในบัตร โดยจะมีการสอบถามว่าประชาชนแต่ละคนเดินทางมาทำธุระในคดีใด บริเวณหน้าห้องพิจารณาคดีทั้งห้อง 903 และ 716 มีการตั้งโต๊ะเก็บโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าห้องพิจารณา โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยและตำรวจศาลเฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้องพิจารณาและในห้องพิจารณา รวมประมาณห้องละ 3-4 นายด้วย ทั้งยังพบว่ามีเลขานุการศาลอาญา เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องพิจารณาอีกด้วย

อัยการโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอาญาทั้งของไชยอมรและธนพัฒน์ มารวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เนื่องจากเห็นว่ามีพยานหลักฐานเป็นบุคคล และพยานเอกสารชุดเดียวกัน 

ในคดีของธนพัฒน์ ศาลยังได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องซึ่งทนายความได้ยื่นขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจมีคำสั่งโอนคดีไปพิจารณายังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะเกิดเหตุตามข้อกล่าวหา ธนพัฒน์มีอายุ 18 ปี 9 วัน โดยอ้างถึงพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 97

ในห้องพิจารณา 903 เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ในเวลา 9.00 น. ธนพัฒน์ซึ่งมาถึงศาลในเวลา 9.20 น. ถูกศาลตักเตือนว่ามาไม่ตรงเวลานัด นอกจากนี้ศาลยังตักเตือนเรื่องการแต่งกายของธนพัฒน์ เนื่องจากธนพัฒน์นำสูทมาคลุมตัวไว้ แต่ไม่ได้สอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อ 

ศาลได้กล่าวกับทนายความว่าการยื่นคำร้องขอให้มีการโอนย้ายคดีไปพิจารณาที่ศาลเยาวชนฯ นั้น จะต้องมีการไต่สวนเกี่ยวกับสภาพร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ว่าเข้าเกณฑ์เป็นเยาวชนหรือไม่ แม้ว่าในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.​ 2553 มาตรา 97 ได้บัญญัติว่า “เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ บุคคลใดอายุยังไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ กระทำความผิดและเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา ถ้าศาลนั้นพิจารณา โดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัยแล้ว เห็นว่าบุคคลนั้น ยังมีสภาพเช่นเดียวกับเด็กหรือเยาวชน ให้มีอำนาจสั่งโอนคดีไปพิจารณาในศาลเยาวชนและครอบครัวที่มีอำนาจ และให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นเด็กหรือเยาวชน”

ศาลกล่าวต่อว่าอันที่จริงศาลสามารถมีดุลยพินิจได้เลย ว่าจำเลยมีสภาพเป็นเยาวชนหรือไม่ โดยศาลเห็นว่าทนายความสามารถไปนำผลตรวจสภาพร่างกายและจิตใจจากโรงพยาบาลมายื่นประกอบได้เลย  เพื่อไม่ให้การพิจารณาคดีล่าช้า 

ทนายความได้แถลงขอนำตัวจำเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ขณะที่ศาลเห็นว่าควรส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลตุลาการเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เนื่องจากเห็นว่ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคดีในลักษณะนี้ ท้ายที่สุดศาลจึงมีคำสั่งให้นำจำเลยไปตรวจกับโรงพยาบาลทั้งสองที่ และจะต้องมีการนำแพทย์เข้าไต่สวนด้วย เพื่อให้ทราบแน่ชัดถึงสภาพร่างกายและจิตใจร่างกายของจำเลย

ศาลยังสอบถามเกี่ยวกับการศึกษา ที่อยู่ และน้ำหนักส่วนสูงของธนพัฒน์เอาไว้ และยังสอบถามอีกหลายครั้งว่าจะส่งจำเลยไปตรวจจริงหรือไม่ เพราะจะทำให้คดีหลักต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากต้องรอผลการตรวจ 

หลังจากสอบถามความยินยอมของคู่ความ ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาในนัดนี้ออกไปก่อน พร้อมกับนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค. 2564 เวลา 9.00 น. และให้จำเลยไปเข้ารับการตรวจจากแพทย์ว่ามีสภาพร่างกายเช่นเดียวกับเด็กหรือเยาวชนหรือไม่ โดยให้มีหนังสือถึงโรงพยาบาลตุลาการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อการส่งตัวจำเลยไปตรวจต่อไป 

สำหรับในคดีของ “แอมมี่” ไชยอมร ศาลได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการขอรวมคดีว่า เนื่องจากคดีของธนพัฒน์อยู่ระหว่างไต่สวนคำร้องว่าต้องส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปพิจารณาพิพากษาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหรือไม่ และยังไม่แน่ชัดว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด ฉะนั้นการรวมพิจารณาจึงไม่สะดวกและไม่รวดเร็วแก่การพิจารณาพิพากษาชั้นนี้ จึงยังไม่อนุญาตให้รวมสำนวน

จากนั้น คู่ความได้ตรวจพยานหลักฐานในคดี โดยไม่มีข้อเท็จจริงที่รับกันได้ อัยการโจทก์ได้แถลงจะนำพยานเข้าสืบ รวมทั้งสิ้น 28 ปาก จึงแถลงขอเวลาสืบพยานทั้งหมด 7 นัด ส่วนจำเลยและทนายจำเลยแถลงขอต่อสู้ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง มีนำพยานเข้าสืบทั้งหมด 5 ปาก ขอใช้ระยะเวลาสืบพยานทั้งหมด 1 นัด  

ศาลได้เห็นควรกำหนดจำนวนนัดวันนัดตามคำขอของคู่ความ รวมนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งหมด 8 นัด ระหว่างวันที่ 1-4 และ 8-11 มี.ค. 2565 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทนายยื่นคำร้องขอโอนย้ายคดีวางเพลิงเผารูป ร.10 ของ “ธนพัฒน์” เยาวชนอายุ 18 ไปศาลเยาวชนฯ ตามมาตรา 97 พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ

สั่งฟ้อง ธนพัฒน์ “ม.112-เผาทรัพย์” คดีวางเพลิงรูป ร.10 หน้าเรือนจำ ก่อนศาลให้ประกัน 2 แสน พร้อมเงื่อนไข “ห้ามทำกิจกรรมเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ”

อัยการสั่งฟ้อง แอมมี่-ไชยอมร “ม.112-เผาทรัพย์-พ.ร.บ.คอมฯ” คดีวางเพลิงรูป ร.10 หน้าเรือนจำ 

X