นักกิจกรรมขอนแก่นเดินส่งเพื่อนขึ้นศาลคดี #อีสานบ่ย่านเด้อ ตร.เตือนละเมิดอำนาจศาล ก่อนศาลนัดสืบพยานสิงหานี้

14 มิถุนายน 2564 “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, ธนภณ เดิมทำรัมย์ และ “เซฟ” วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง เดินทางไปที่ศาลแขวงขอนแก่น ในนัดพร้อมและสอบคำให้การคดี #อีสานบ่ย่านเด้อ ที่พวกเขาถูกกล่าวหาเป็นจำเลย ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ จากการเข้าร่วมการชุมนุม สนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องของ “เยาวชนปลดแอก” ที่สวนรัชดานุสรณ์ จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563

การพิจารณาคดีวันนี้สืบเนื่องมาจากในนัดถามคำให้การพริษฐ์ จำเลยที่ 5 และสืบพยานเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2564 ซึ่งจตุภัทร์, พริษฐ์ และปติวัฒน์ ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 จากการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทั้งสามได้แถลงไม่ยอมรับการพิจารณาคดีผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่างศาลแขวงขอนแก่นกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อทนายหรือปรึกษาคดี ทำให้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลจึงเลื่อนวันนัดพร้อมและนัดสอบคำให้การพริษฐ์มาในวันนี้ 

>>> ศาลแขวงขอนแก่น ระงับสืบพยานคดีชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ หลัง ‘ไผ่’ แถลงไม่ยอมรับการพิจารณาคดีผ่านวีดีโอ

ตั้งแต่เวลา 11.00 น. กลุ่ม “ทะลุฟ้า” และนักกิจกรรมในขอนแก่นราว 30 คน ได้ทำกิจกรรมเดินไปส่งเพื่อน จากย่านกังสดาล ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปยังศาลแขวงขอนแก่น โดยมี ไผ่ จตุภัทร์ จำเลยในคดีนี้ร่วมเดินไปด้วย ในระยะทางราว 4 กิโลเมตร ระหว่างการเดินมีการรณรงค์ไล่ระบอบประยุทธ์ โดยการชูป้ายผ้า “ระบอบประยุทธ์ออกไป” และปราศรัยถึงความเลวร้ายของระบอบประยุทธ์ตั้งแต่การฉีกรัฐธรรมนูญ, การร่างรัฐธรรมนูญที่มี สว.250 คน และการจับคนเห็นต่างเข้าคุก 

นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมร่วมชูสามนิ้ว บีบแตร ไล่ประยุทธ์ ทุกวันช่วงเย็นหน้าประตูมหาวิทยาลัยขอนแก่น  โดยระหว่างเดินมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ นำโดย ผู้กำกับการ สภ.เมืองขอนแก่น คอยถ่ายภาพและติดตามคณะที่เดินอยู่ตลอดจนเสร็จสิ้นกิจกรรม 

ประมาณ 400 เมตรก่อนถึงศาลในเวลา 12.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกให้ขบวนเดินไปส่งเพื่อนว่า ให้เดินชิดริมถนน อย่าขวางการจราจร และให้งดใช้เครื่องเสียง เนื่องจากอาจถูกดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลได้ กระทั่งขบวนเดินถึงบริเวณหน้าศาลแขวงขอนแก่น ตำรวจศาลเดินมาบอกว่าไม่ให้เอาธง หรือป้ายเข้าไปในบริเวณศาล รวมทั้งให้ถอดหมวกและแว่นตาออกก่อนเพื่อความเรียบร้อย

เวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ณัฏฐ์นิชา สุวรรณพงษ์  ผู้พิพากษา ออกพิจารณาคดี โดยเริ่มถามคำให้การพริษฐ์ ซึ่งพริษฐ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังจากนั้นอัยการโจทก์และทนายจำเลยแถลงขอใช้กระบวนการตรวจพยานหลักฐานที่ได้ดำเนินการไว้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563

>>> นักกิจกรรม “ขอนแก่นพอกันที” ยืนยันชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ ไม่เสี่ยงโควิด-ใช้สิทธิตาม รธน.

จากนั้นโจทก์แถลงว่าจะนำพยานบุคคลเข้าสืบจำนวน 7 ปากตามที่แถลงไว้ ใช้เวลาสืบ 2 นัด ส่วนทนายจำเลยขอส่งพยานเอกสาร 2 ฉบับได้แก่ สถิติจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าช่วงที่มีการชุมนุมไม่มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่ขอนแก่น และอีกฉบับเป็นประกาศเกี่ยวกับการควบคุมโรคติดต่อในจังหวัดขอนแก่น ว่าหน่วยงานใดมีอำนาจหน้าที่กำกับบ้าง  แถลงว่าจะสืบพยาน 7  ปาก ใช้เวลาสืบ 3 นัด ตามที่ได้เคยแถลงไว้เช่นกัน กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 10-11 สิงหาคม 2564 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 13, 17-18 สิงหาคม 2564

 

 

บรรยากาศในศาล มีนักศึกษาและประชาชนสนใจเข้าฟังการพิจารณาคดีร่วม 20 คน จนเต็มห้องพิจารณาคดี และยังทยอยมาเพิ่ม แต่ไม่สามารถเข้าร่วมฟังในห้องได้

  หลังการพิจารณาคดี จตุภัทร์จึงกล่าวกับผู้พิพากษาว่า ในนัดสืบพยานอยากให้ศาลจัดหาห้องพิจารณาคดีที่ใหญ่กว่านี้ หรือใช้ห้องประชุมศาล และอยากให้ถ่ายทอดวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์การสืบพยานออกไปอีกห้องหนึ่งเพื่อรองรับผู้ที่จะมาฟังการพิจารณาคดีด้วย ผู้พิพากษากล่าวตอบว่า ให้ทนายจำเลยยื่นคำร้องเข้ามา หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคดีที่สำคัญต่อการรับรู้ของประชาชนพอก็จะอำนวยการให้ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

5 นักกิจกรรมไม่ยอมรับกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม หลังถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ

 

X