จนท.ผู้แจ้งหมายจับ คดีหนูหริ่ง ม.116 เผยแจ้งหมายจับจำเลยที่กรมสวัสดิการทหารบก ขณะถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก หลังเสร็จการสืบพยาน อัยการแถลงต่อศาลว่าจะตัดพยานลำดับต่อไปหรือไม่
จากกรณีที่สมบัติ บุญงามอนงค์หรือ บ.ก.ลายจุด จำเลยในคดีที่ถูกอัยการศาลทหารมีความเห็นสั่งฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนและยุยงส่งเสริมให้ประชาชนทำผิดกฎหมายถึงขนาดก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรและมาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ เหตุเพราะแสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แล้วแสดงความเห็นเสนอกิจกรรมให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารออกมาชุมนุมต่อต้านการรัฐประหาร
วันนี้ (6 ธ.ค. 2559) ที่ศาลทหารกรุงเทพมีการสืบพยานโจทก์มีองค์คณะตุลาการคือ พ.อ.ธีรพล ปัทมานนท์ พ.อ.กิจจา เคลือบมาศ และ น.อ.สุรชัย สลามเต๊ะ นั่งบัลลังก์ มี ร.ต.ท.พงษ์เทพ วัจนามัย รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง จ.ราชบุรีเป็นพยานโจทก์ให้การต่อศาลว่า ในวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ขณะนั้นอยู่ในตำแหน่งรองสารวัตรปราบปราม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และเป็นผู้นำหมายจับไปแจ้งต่อจำเลยในคดีนี้ ขณะที่ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกอยู่ในกรมสวัสดิการทหารบก โดยมีพนักงานสอบสวนของ ปอท. เดินทางไปสอบสวนจำเลยไปด้วยไม่ได้นำตัวไปที่ ปอท. แต่กลับสอบสวนที่กรมสวัสดิการทหารบกเลย โดยอ้างว่า เพื่อความสะดวกต่อตัวจำเลยเอง แล้วจึงหมดหน้าที่ไม่ทราบว่าจำเลยถูกนำตัวไปที่ใด
ทั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นการสืบพยานโจทก์ อัยการศาลทหารแถลงต่อศาลขอให้สอบถามทนายจำเลยว่า ต้องการจะถามค้านหรือติดใจที่จะสืบพยานลำดับต่อไป ได้แก่ นายพิริยะ สุมิระ พนักงานบริษัท ทริปเปิลที อินเตอร์เน็จ จำกัด และนายศรัณย์ ปรีชา พนักงานบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งพยานทั้งสองปากเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นผู้จัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์หรือไอพีแอดเดรสซึ่งเป็นไอพีที่สมบัติใช้แสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์
ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า หากอัยการโจทก์ต้องการจะตัดพยานทั้งสองลำดับนี้ก็ไม่ค้าน แต่อัยการศาลทหารกลับแถลงว่า หากจะตัดพยานลำดับต่อไปจะต้องไปปรึกษาผู้บังคับบัญชาการก่อน ให้ศาลถามทนายจำเลยว่าต้องการจะถามค้านพยานทั้งสองหรือไม่ ทนายจำเลยตอบกลับว่ามีประเด็นจะขอถามค้าน ทำให้อัยการโจทก์ไม่สามารถตัดพยานได้ เนื่องจากหากจะตัดพยานลำดับต่อไปจะต้องไปปรึกษาผู้บังคับบัญชาการก่อน และทนายจำเลยจะต้องแถลงว่าไม่ติดใจถามค้าน ดังนั้นศาลจึงนัดสืบพยานบุคคลทั้งสองปากดังกล่าวในครั้งต่อไป ในวันที่ 17 ม.ค. 2560 โดยไม่มีการตัดพยานทั้งสอง