วันนี้ (19 พฤษภาคม 2564) เวลา 10.00 น. พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดงวัย 52 ปี ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ กล่าวหาว่ากระทำผิด 2 ข้อหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14
สำหรับเหตุในคดีสืบเนื่องจาก ศรายุทธ สังวาลย์ทอง ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ดําเนินคดีกับสมบัติ จากการโพสต์ข้อความตั้งค่าเป็นสาธารณะลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวบัญชีชื่อ “สมบัติ ทองย้อย” จำนวน 3 ข้อความ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม และ 2 พฤศจิกายน 2563 โดยกล่าวหาว่าเป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
>>> “สมบัติ” อดีตการ์ดเสื้อแดง ถูกดำเนินคดี “ม.112” หลังโพสต์ข้อความ “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ”
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังศาลรับฟ้องคดี สมบัติถูกส่งตัวต่อไปยังห้องเวรชี้ระหว่างรอให้ทนายยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท ทั้งนี้ ท้ายคำฟ้องที่ยื่นต่อศาล อัยการไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด
ต่อมาในเวลาราวบ่ายสามโมง อาคม นิตยากรณ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณาคดี ตีราคาประกัน 200,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไข ห้ามจำเลยกระทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่จะกระทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในคดีนี้ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาล และให้มาตามกำหนดนัดของศาลหรือคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด และได้กำหนดนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานสำหรับคดีนี้ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 9.00 น.
++++ เปิดคำฟ้องคดีมาตรา 112: สมบัติ ทองย้อย “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจนะ” +++
ในคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์ในคดีว่า ขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยมีการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถูกระบุไว้ในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 โดยมีกษัตริย์รัชกาลที่ 10 เป็นพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน และมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญฯ บัญญัติว่า ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้
ส่วนต่อมาโจทก์ระบุว่า จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายรวม 2 กรรม กล่าวคือ
1. เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 เวลากลางวัน จําเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ด้วยการโพสต์ข้อความทั้งหมด 2 ข้อความ ได้แก่ “ฝ่ายความมั่นคงเข้าคุยกับนักศึกษา มธ. เผยมีบัณฑิต 1 คณะ ไม่ขอรับปริญญาทั้งคณะ” และ “#กล้ามาก #เก่งมาก #ขอบใจนะ” ผ่านทางเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “สมบัติ ทองย้อย” ซึ่งมีการตั้งค่าการเข้าถึงเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยจําเลยซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีต้องการที่จะให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นข้อความ เข้าใจว่ามีเจตนาพาดพิงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการจงใจเสียดสีพระมหากษัตริย์ จาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือกระทําให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากถ้อยคําหรือข้อความว่า #กล้ามาก #เก่งมาก #ขอบใจนะ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเป็นถ้อยคำที่รัชกาลที่ 10 ทรงตรัสขอบใจในความกล้าของนายฐิติวัฒน์ ชนการุณย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 ที่ใส่ในกรอบขนาดใหญ่ ยกไว้เหนือศีรษะ หันไปทางด้านกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าเซนทรัล ปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563
2. เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เวลากลางวัน จําเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ด้วยการโพสต์ข้อความว่า “เขาให้ลดงบประมาณที่เอาไปใช้จ่าย ไม่ใช่ลดตัวลงมาใกล้ชิดประชาชน เข้าใจอะไรผิดไหม เรื่องการลดตัวลงมาแนบสนิทชิดใกล้ประชาชนแบบที่เห็น แสดงให้เห็นว่ารู้ตัวสินะว่าคนเขาไม่เอาเลยต้องลงมาทําขนาดนี้ ถ้าจริงใจต้องทํามานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทําเพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมา แต่น่าจะช้าไปแล้วจริง ๆ ละครหลังข่าวชัด ๆ” และข้อความว่า “มีแจกลายเซ็นต์ด้วยเซเลปชัด ๆ” ลงในเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “สมบัติ ทองย้อย” ซึ่งมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะ
การโพสต์ดังกล่าวของจำเลยเป็นไปโดยมุ่งหมายให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า สถาบันกษัตริย์ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมากเกินความจำเป็น และการใกลชิดกับประชาชนก็เป็นการเสแสร้ง ไม่จริงใจต่อประชาชน เป็นการแสดงละครเพื่อให้ประชาชนรักสถาบันกษัตริย์ อันเป็นความเท็จและเป็นการใส่ความพระมหากษัตริย์
การโพสต์ข้อความทั้งหมดถือเป็นการล้อเลียนหรือใส่ความพระมหากษัตริย์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทําให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ ทั้งเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ โดยมีเจตนาทําลายสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทําให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาและเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดและต่อต้านสถาบันกษัตริย์
+++ คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวชี้ หากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยอาจเสี่ยงติดเชื้อโควิดในเรือนจำ +++
สำหรับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวสมบัติ ระบุเหตุผลว่า พฤติการณ์ในคดีนับแต่ที่จำเลยถูกกล่าวหา จำเลยได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกโดยตลอด ไม่เคยหลบหนี ทั้งยังได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัดหมาย และนับแต่ที่จำเลยถูกดำเนินคดี ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องเป็นคดี แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์ยืนยันในความบริสุทธิ์ พร้อมจะต่อสู้คดีตามกฎหมาย ไม่คิดจะหลบหนี
ปัจจุบัน จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในจังหวัดสมุทรปราการและประกอบอาชีพสุจริต ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ และพยานหลักฐานในคดีล้วนอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้วทั้งสิ้น หากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวย่อมไม่อาจก่ออุปสรรคหรือก่อความเสียหายต่อการดำเนินคดีในศาล หรือจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นได้อย่างแน่นอน
จำเลยยืนยันในคำร้องว่า หากได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่ทำกิจกรรมที่จะกระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ หรือหากศาลเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขใดที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จำเลยยินดีจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลทุกประการ โดยมีบุคคลที่จะให้การกำกับดูแลให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลได้แก่ มารดาของจำเลย และนายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา
จำเลยยังอ้างถึงแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการคดีในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา โดยขยายโอกาสในการเข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว รวมทั้งอ้างถึงเสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำทั่วประเทศ ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อขณะปัจจุบันทั้งสิ้น 9,783 คน และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีจำนวนผู้ป่วย ทั้งสิ้น 1,960 คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด 3,023 คน
ทั้งนี้ หากจำเลยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะทำให้จำเลยมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ดูความคืบหน้าคดีที่>> คดี 112 สมบัติ ทองย้อย ถูกกล่าวหาโพสต์ 3 ข้อความ ล้อเลียน-ใส่ความ ร.10