วานนี้ (27 เม.ย. 2564) ที่ศาลแขวงดุสิต นายวรวิทย์ สัมพัฒนวรชัย พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนักกิจกรรมและประชาชนรวม 61 ราย ในจำนวนนี้เป็นพระสงฆ์ 2 รูป และคนไร้บ้านอีก 4 ราย ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.จราจรฯ, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม “หมู่บ้านทะลุฟ้า” บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ช่วงเช้ามืดของวันที่ 28 มี.ค. 2564 ศาลนัดสอบคำให้การวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เวลา 09.00 น.
คำฟ้องกล่าวหากิจกรรมตั้งหมู่บ้าน “ทะลุฟ้า” ทำเสี่ยงแพร่โรคในเขตพื้นที่ที่สถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตำรวจยึดทรัพย์จากหมู่บ้าน 9 รายการ
ในคำฟ้องคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.428/2564 บรรยายพฤติการณ์ในคดีว่า ในช่วงวันที่ 13 – 28 มี.ค. 2564 เวลากลางวันต่อเนื่องกลางคืน จำเลยทั้ง 61 คน กับเยาวชนจำนวน 6 คนที่แยกฟ้องเป็นอีกสำนวนหนึ่ง และประชาชนอีกจำนวน 300 คนที่ไม่ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรม ดังนี้
- จำเลยทั้งหมดกับพวก ได้ร่วมกันตั้งเวทีและเต็นท์ วางแผงเหล็ก ป้ายผ้า และสิ่งของบนช่องทางเดินรถถนนพระราม 5 บริเวณด้านหน้าศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นทางสาธารณะในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร รถไม่สามารถแล่นผ่านได้ ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันทำกิจกรรมตั้งหมู่บ้าน “ทุละฟ้า” ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ที่สถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง ให้มีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มีการยกเลิกความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และให้นายกรัฐมนตรีลาออก ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก และมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย โดยไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันตามที่ทางราชการกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดและประกาศเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
- จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันทำการโฆษณาโดยการปราศรัยบนเวที ชี้แจง แนะนำและแสดงความคิดเห็นแก่ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าวตามฟ้องข้อ 1 ทั้งนี้เป็นการใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาวันที่ 28 มี.ค. 2564 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจึงเข้าจับกุมตัวจำเลย และเยาวชนส่งพนักงานสอบสวน และร่วมกันยึดทรัพย์ 9 รายการ เป็นของกลาง คือ รถสามล้อบรรทุกเครื่องขยายเสียง จำนวน 1 คัน, ลำโพง จำนวน 8 ตัว, เครื่องกระจายเสียงไฟฟ้าหรือโทรโข่ง จำนวน 3 ตัว, เครื่องปั่นไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องขยายเสียง จำนวน 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่อง, จอคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องฉายภาพ จำนวน 2 เครื่อง และ น้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 15 ลิตร
ก่อนท้ายคำฟ้องอัยการ ระบุว่า หากจำเลยขอปล่อยตัวชั่วคราว โจทก์ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ท้ายฟ้อง อัยการถือว่าจำเลยทั้งหมดร่วมกระทำความผิดใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่
- ฝ่าฝืนข้อกำหนดและประกาศที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ร่วมกันจัดกิจกรรมในลักษณะมั่วสุมหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย เสี่ยงต่อการแพร่โรค มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ฝ่าฝืน พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา 114 ร่วมกันวาง ตั้ง หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในลักษณะกีดขวางจราจร มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
- ฝ่าฝืน พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 19 ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนน มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
ในวันนี้มีจำเลยเพียง 1 ราย ภวิศา (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ซึ่งเดินทางไปศาลพร้อมทนายความ หลังทราบว่าอัยการมีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องต่อศาลแขวงดุสิตแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการประกันตัวในชั้นตำรวจในวันที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 เนื่องจากญาติป่วยหนัก และได้รับการปล่อยตัวที่ บก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนเพิ่งส่งตัวเขาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการ
เมื่อศาลรับฟ้อง ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวภวิศาในชั้นพิจารณาของศาล โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดในจำนวนเท่ากับที่ยื่นประกันในชั้นพนักงานสอบสวน คือ 20,000 บาท ก่อนศาลมีคำสั่งให้ประกันตัว
ส่วนนักกิจกรรม พระ และประชาชนอีก 60 ราย ที่ตกเป็นจำเลย หลังเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2564 ศาลแขวงดุสิตอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 60 ราย และทนายความได้ยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,200,000 บาท จากการระดมทุนของกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลได้นัดรายงานตัวตามสัญญาประกันในวันนี้ (28 เม.ย. 2564) แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ศาลอนุญาตให้นายประกันเพียงคนเดียวเดินทางไปรายงานตัวแทน โดยนายประกันจะรับทราบคำฟ้องของอัยการแทนด้วย
ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 61 คน ให้การปฏิเสธมาโดยตลอดตั้งแต่ชั้นจับกุม และได้ให้การยืนยันว่า การทำกิจกรรมที่หมู่บ้านทะลุฟ้า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อีกทั้งยังจัดให้มีมาตรการป้องกันและคัดกรองโรคตรวจสอบต่าง ๆ เหมือนห้างสรรพสินค้าหรือกิจกรรมอื่น ๆ ทั่วไปที่หน่วยงานของรัฐกำหนด เช่น ทำกิจกรรมในพื้นที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ทางเข้าหมู่บ้านฯ มีการตรวจวัดอุณภูมิ มีช่องให้แสกนไทยชนะ หรือลงทะเบียน จึงไม่เป็นการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
เป็นที่สังเกตว่า นับตั้งแต่วันถูกจับกุม พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการใช้เวลาเพียง 1 เดือน ก็สามารถยื่นฟ้องจำเลย 61 คน ได้ แม้ว่าในคดีการชุมนุมอื่นๆ จำนวนมากที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีจำนวนผู้ต้องหาน้อยกว่านี้ ยังไม่มีการยื่นฟ้องต่อศาล
“หมู่บ้านทะลุฟ้า” เป็นการปักหลักชุมนุมพักแรมใกล้ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 2564 เพื่อยืนยัน 4 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1. ให้ปล่อยตัวแกนนำและแนวร่วม “ราษฎร” ที่ถูกจับกุมคุมขัง 2. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3. ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 4. ให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก
การสลายการชุมนุม และจับกุมผู้ชุมนุมมาดำเนินคดีนั้น เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 05.50 น. ของวันที่ 28 มี.ค. 2564 ขณะที่ผู้ชุมนุมยังคงพักผ่อนหลับนอน โดยกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนประมาณ 4 กองร้อย มีการประกาศให้เวลาเก็บของออกจากพื้นที่ 3 นาที แต่ไม่ถึง 3 นาที เจ้าหน้าที่ก็เดินแถวเข้าจับกุมผู้รวมตัวอยู่ภายในหมู่บ้านทะลุฟ้า รวม 67 ราย เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี 6 ราย พระสงฆ์ 2 รูป โดยบางรายระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่เตะระหว่างการจับกุม ขณะที่ถูกนำตัวไปยังวัดเบญจบพิตร และบังคับให้ถอดจีวร นับเป็นกรณีที่มีการจับกุมผู้ชุมนุมมากที่สุด
ต่อมา วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร โพสต์ระบุว่าการเข้าสลายหมู่บ้านทะลุฟ้าเนื่องจากวันอังคารที่ 30 มี.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมีการถ่ายรูปร่วมกันที่หน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ทำให้ต้องมีการ “เคลียร์พื้นที่”
นอกจากผู้ถูกจับกุม 67 รายนี้แล้ว ในช่วงเย็นซึ่งมีประชาชนออกมารวมตัวกันที่บริเวณเดียวกันอีกครั้ง เพื่อประณามการสลายหมู่บ้านทะลุฟ้าในช่วงเช้า และเรียกร้องให้ปล่อยผู้ถูกควบคุมตัว กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้ยุติการชุมนุม ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมผู้ชุมนุมอีก 32 ราย ที่นอนลงและชูสามนิ้วเพื่อแสดงอารยะขัดขืน และนำตัวไปดำเนินคดี โดยผู้ชุมนุมกลุ่มนี้อัยการก็ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแยกเป็นอีกคดีในวันเดียวกันนี้ด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> สรุปคดีหมู่บ้านทะลุฟ้า จับมากสุดเป็นสถิติ 99 คน แจ้ง 5 ข้อหา ก่อนได้ประกันตัวทั้งหมด